ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 109 เป็นหอยเป๋าฮื้อที่ตัวใหญ่มาก
ยามที่จักรพรรดิลั่ว ลั่วซืออวี่ และฉินม่านอวิ๋นมาถึงเชิงเขา ก็ย่างเข้าช่วงบ่ายของวันที่สองแล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะอดหลับอดนอนมาหนึ่งคืน แต่กลับยังคงรู้สึกกระปรี้กระเปร่าถึงขั้นที่ตื่นเต้นและรอคอยอยู่บ้าง
ประเดี๋ยวจะได้พบปรมาจารย์แล้ว ไม่รู้ว่าปรมาจารย์จะพอใจกับหอยเป๋าฮื้อตัวนี้ไหม
เดินไปได้ครึ่งทาง จักรพรรดิลั่วก็ชะงักฝีเท้าหยุดลง
“ท่านพ่อ ท่านเป็นอะไรหรือ” ลั่วซืออวี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
จักรพรรดิลั่วเงียบงันไปชั่วขณะ กล่าวว่า “จู่ๆ ข้าก็รู้สึกว่าข้าไม่เหมาะจะเข้าไปพบคุณชายหลี่กับพวกเจ้า”
หืม?
ลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นมองจักรพรรดิลั่วอย่างฉงนใจ
จักรพรรดิลั่วยิ้มเอ่ย “ข้ามันคนแก่ไม่ได้ความ ไปกับพวกเจ้าจะไปสนุกอะไร คุณชายหลี่แม้จะเป็นปรมาจารย์ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นบุรุษ บุรุษกับสตรีคงคุยกันถูกคอกว่า ข้าไปด้วยปรมาจาร รย์อาจขุ่นเคืองได้”
จักรพรรดิลั่วพยายามกำจัดทุกสิ่งที่อาจทำให้ปรมาจารย์รู้สึกต่อต้าน
แม้คุณชายหลี่จะเป็นปรมาจารย์ผู้เลิศล้ำ แต่ใครจะรู้ว่าในใจของเขาคิดอย่างไร
ฉินม่านอวิ๋นและลั่วซืออวี่เหลือบมองหน้ากัน ปรางแก้มแดงเรื่อขึ้นมา
ถึงแม้พวกนางจะรู้ว่าเป็นไปได้มากที่ปรมาจารย์จะไม่ได้ชมชอบพวกตน แต่ก็อดฝันเฟื่องไม่ได้
ลั่วซืออวี่เอ่ยว่า “ท่านพ่อ เช่นนั้นพวกข้าไปก่อน”
จักรพรรดิลั่วพยักหน้า อธิบายว่า “อย่างไรก็ต้องระวัง ห้ามยั่วโทสะคุณชายหลี่เป็นอันขาด อีกทั้งยังต้องขบคิดความหมายอันลึกซึ้งในคำพูดของคุณชายหลี่ด้วย”
“ข้าเข้าใจแล้ว”
ลั่วซืออวี่พยักหน้าตอบรับ ก่อนจะมุ่งหน้าขึ้นเขาไปพร้อมกับฉินม่านอวิ๋น
ไม่นาน ทั้งสองก็มาถึงหน้าเรือนสี่ประสาน ในใจรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง
จะว่าไป นี่ก็เป็นครั้งที่สองที่พวกนางมากันสองคน
ครั้งแรกที่มาที่นี่ ต่างคนยังต่างเดินหมากกับคุณชายหลี่ นึกแล้วก็น่าอดสูยิ่งนัก พ่ายแพ้จนไม่มีหน้าจะไปพบใคร
ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยถาม “คุณชายหลี่อยู่บ้านหรือไม่”
เสียงอืดอาดของคุณชายหลี่ดังมาจากในเรือน “อยู่ เข้ามาได้เลย”
“แกร็ก”
เสี่ยวไป๋ได้เปิดประตูไว้แล้ว
ลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นเอ่ยทักทายเสี่ยวไป๋พร้อมกัน “เสี่ยวไป๋ อรุณสวัสดิ์”
เสี่ยวไป๋ตอบไปอย่างเถรตรง “ไม่เช้าแล้วขอรับ ตะวันขึ้นเหนือศีรษะแล้ว”
ฉินม่านอวิ๋นและลั่วซืออวี่ฉีกยิ้มพร้อมกัน ย่างกรายอย่างแผ่วเบาเข้าไปในเรือนสี่ประสาน
ต๋าจี่กำลังนั่งศึกษาวิชาหมากล้อมอยู่ที่โต๊ะ เพียงแต่พยักหน้าน้อยๆ ให้พวกนาง
ลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย เอ่ยขึ้นพร้อมกัน “คำนับคุณชายหลี่ แม่นางต๋าจี่”
หลี่เนี่ยนฝานเดาได้แล้วว่าพวกนางมาเพราะอะไร จึงมองฉินม่านอวิ๋นอย่างยิ้มแย้ม “ได้รับโน้ตเพลงแล้วใช่ไหม”
“อื้ม ได้รับแล้วเจ้าค่ะ ถึงกับลำบากคุณชายหลี่ต้องฝากไปให้ ขออภัยด้วยจริงๆ ” ฉินม่านอวิ๋นรู้สึกกระดากใจอยู่บ้าง ก่อนจะพูดว่า “ช่วงนี้โชคดีล่าสัตว์ได้ คุณชายหลี่โปรดอย่าได ด้รังเกียจ”
ฉินม่านอวิ๋นโบกมือ หอยเป๋าฮื้อตัวใหญ่เท่าคนก็ปรากฏกลางเรือน มันแน่นิ่งไม่ไหวติง เห็นได้ชัดว่าม่องเท่งแล้ว
“อู้หู หอยเป๋าฮื้อตัวใหญ่มาก!”
หลี่เนี่ยนฝานมองหอยเป๋าฮื้อตัวนั้นด้วยความตื่นอกตกใจ ส่งเสียงร้องอย่างห้ามไม่อยู่ จากนั้นจึงพูดอย่างยิ้ม
แย้ม “เกรงใจเกินไปแล้ว มาแต่ตัวก็พอ ยังนำของขวัญอะไรมาอีกเล่า”
มารยาทดี มารยาทดีจริงๆ!
คบหากับคนที่ยอดเยี่ยมแบบนี้สบายใจเหลือเกิน
ตนมอบโน้ตเพลงให้ ก็รีบตอบแทนในทันใด เรื่องมารยาทไม่ต้องเป็นห่วง
มองจากหอยเป๋าฮื้อ ไม่แน่อาจจะเป็นปีศาจก็ได้!
สมแล้วที่เป็นโลกบำเพ็ญเซียน แม้แต่หอยเป๋าฮื้อก็ยังโตได้ถึงขนาดนี้
นี่เป็นข้อดีของการคบค้าสมาคมกับผู้บำเพ็ญเซียน ได้กินภูตเป๋าฮือ โลกเดิมมีเรื่องพรรค์นี้ด้วยเหรอ แค่คิดยังไม่กล้าคิดเลย!
ฉินม่านอวิ๋นและลั่วซืออวี่เห็นท่าทางพออกพอใจของหลี่เนี่ยนฝาน ในใจก็พลันเต็มตื้น เอ่ยว่า “คุณชายหลี่ชอบก็ดีแล้ว”
โชคดีเหลือเกินที่พวกเราตีความความนัยของคุณชายหลี่ออก ดูท่าแล้วคุณชายหลี่จะพึงพอใจกับผลงานในครั้งนี้ของพวกเรา
“วันนี้มีอาหารกลางวันเพิ่มแล้ว ทำน้ำแกงบำรุงหอยเป๋าฮื้อก็แล้วกัน” หลี่เนี่ยนฝานเลียริมฝีปากอย่างอดไม่ได้ “ไม่ได้ลิ้มลองอาหารชุดใหญ่มานานแล้ว ”
วิธีการปรุงหอยเป๋าฮื้อที่เขาโปรดปรานมีสองประเภท ประเภทแรกก็คือน้ำแกงหอยเป๋าฮื้อ อีกประเภทหนึ่งคือไข่ตุ๋นหอยเป๋าฮื้อ เนื้อหอยเป๋าฮื้อสดอร่อยอยู่แล้ว มิหนำซ้ำยังมีสรรพคุณบำ ำรุงร่างกาย วิธีการกินสองอย่างนี้ไม่เพียงทำให้รสชาติของหอยเป๋าฮื้อออกมา แต่ยังทำให้สรรพคุณของหอยเป๋าฮื้อมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นไปอีก
น่าเสียดายที่ที่นี่ไม่มีไข่ น้ำแกงหอยเป๋าฮื้อจึงเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว
โอสถวิเศษสารพัดชนิดสามารถนำมาใส่เป็นเครื่องน้ำแกงได้เฉกเช่นเดียวกับในน้ำแกงนกอินทรี คิดดูแล้วรสชาติอาจดีกว่าซะด้วยซ้ำ
“พวกเจ้าจะอยู่กินข้าวด้วยกันไหม”
หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยถามอย่างไม่ใส่ใจ ถึงอย่างไรก็เป็นสิ่งที่คนเขาอุตส่าห์นำมามอบให้ ย่อมสมควรเอ่ยถามไปตามมารยาท
ลั่วซืออวี่ชะงักไปก่อน จากนั้นหัวใจก็พลันเต้นรัวกระหน่ำ มือเล็กๆ กำแน่นอย่างอดไม่อยู่ พูดขึ้นด้วยความกระวนกระวายระคนตื่นเต้น “เอ่อ…ได้จริงหรือ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ หอยเป๋าฮื้อตัวใหญ่ขนาดนี้ ข้ากับต๋าจี่สองคนกินไม่หมดหรอก” หลี่เนี่ยนฝานลอบยกยิ้มในใจ เด็กคนนี้คงอยากกินอาหารของตนแต่แรกแล้ว แต่ไม่กล้าพูดออกมา
การผูกมิตรกับผู้บำเพ็ญเซียนคนหนึ่ง อันดับแรกต้องผูกมิตรกับปากท้องของเขาก่อน คนที่มาคลุกคลีในโลกบำเพ็ญเซียนในร่างปุถุชนแบบนี้ เห็นทีคงจะมีฉันแค่คนเดียวละมั้ง
หลี่เนี่ยนฝานพูดต่อ “แต่พวกเจ้าต้องรอประเดี๋ยว ตุ๋นน้ำแกงต้องใช้เวลาสักพัก”
“ไม่เป็นไร พวกข้ารอได้” ลั่วซืออวี่รีบตอบด้วยเกรงว่าหลี่เนี่ยนฝานจะเปลี่ยนใจ
หลี่เนี่ยนฝานพยักหน้า ก่อนจะเริ่มมองประเมินหอยเป๋าฮื้อตัวยักษ์ใหญ่นั่น
ความรู้สึกแรกคือหอยตัวนี้ขนาดใหญ่มาก จากนั้นหลี่เนี่ยนฝานก็สังเกตเห็นเปลือกของมัน พบว่ามีลายจางๆ แลดูแปลกตาทีเดียว คล้ายกับเป็นประกายแสงดวงเล็กๆ
ความสามารถในการป้องกันของเปลือกหอยนี้คงไม่ได้ต่ำเตี้ยเรี่ยดินหรอก
คุณภาพเนื้อนั้นแทบไม่ต่างกับหอยเป๋าฮื้อในโลกเดิมเท่าไร เพียงแต่ว่าสีเข้มกว่า แถมยังล้อมรอบด้วยหนามแหลม
เนื้อชิ้นใหญ่ปานนี้ ใช้หม้อคงใส่ไม่พอ ทำได้เพียงหั่นเป็นชิ้นพอดีคำ
หลี่เนี่ยนฝานเบนสายตากลับมา บอกกับเสี่ยวไป๋ซึ่งลับมีดเสร็จเป็นที่เรียบร้อย “เสี่ยวไป๋ ถึงเวลาแสดงฝีมือของเจ้าแล้ว จำไว้ว่าตุ๋นให้เนื้อสดใหม่สักหน่อย”
เสี่ยวไป๋เดิน ‘ตุ้บๆๆ’ เข้ามา บอกว่า “วางใจเถิดขอรับ นายท่านที่เคารพของข้า เสี่ยวไป๋พ่อครัวมือฉมังรับรองได้”
“งั้นข้าไปนั่งรอแล้วกันนะ” หลี่เนี่ยนฝานหัวเราะร่า ตนก็เดินอาดไปนั่งฝั่งตรงข้ามต๋าจี่ หมายจะใช้เวลาระหว่างรออาหารประลองฝีมือกับต๋าจี่สักหน่อย
เรื่องอย่างการทำอาหารล้างจาน ถ้าหลี่เนี่ยนฝานไม่ลงมือทำเองได้ก็ไม่ทำ ไม่อย่างนั้นฉันจะมีปัญญาประดิษฐ์ไปทำไมกันล่ะ
หลี่เนี่ยนฝานบอกกับลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋น “จริงสิ พวกเจ้าจะเดินเล่นรอบๆ นี้ก็ได้ หรือจะมาเดินมาดูพวกข้าก็ได้”
เขาไม่ได้เชื้อเชิญสุภาพสตรีทั้งสอง เพราะฝีมือการเดินหมากของพวกนางนั้นย่ำแย่ เขาไม่ใคร่สนใจจริงๆ
“อื้มๆ” ลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นพยักหน้า เพียงแต่ว่าพวกนางไม่กล้าไปไหนมาไหนตามอำเภอใจ จึงยังคงนั่งอยู่ที่เดิมอย่างระแวดระวัง
ถึงแม้ปรมาจารย์จะบอกแล้วว่าจะเดินเล่นรอบๆ ได้ แต่ใครจะไปกล้าเล่า คิดว่าพวกข้าโง่เขลาเบาปัญญาหรืออย่างไร
……………………………………………………..