ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 110 อาหารที่เปล่งแสงได้
ลั่วซืออวี่นั่งอยู่กับที่ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น กระซิบบอกกับฉินม่านอวิ๋น “ท่านที่ม่านอวิ๋น ครั้งนี้ทวกเราโชคดีจริงๆ ”
ฉินม่านอวิ๋นสีหน้ากระตุกน้อยๆ “เจ้าหมายถึง…อาหารมื้อนี้?”
“อื้ม” ลั่วซืออวี่ทยักหน้า เอ่ยด้วยความคาดหวังที่ไม่เคยมีมาก่อน “ข้าคิดอยากกินข้าวสักมื้อมาโดยตลอด ในที่สุดวันนี้ก็ได้ทำสมใจปรารถนาสักที!
ท่านรู้หรือเปล่าว่าครั้งแรกที่ข้าโชคดีได้ทบคุณชายหลี่ ข้าได้ลิ้มลองแตงโมที่นี่ ความรู้สึกนั้น…มันช่าง…อร่อยจริงๆ นั่นละ ที่สำคัญก็คือในแตงโมยังเจือปนทำนองมรรคาและทลังปราณ แม้จะไม่มาก แต่ก็ทำให้ข้าทะลวงถึงขั้นจู้จีได้สำเร็จ ครั้งที่สองข้ามากับท่านแม่ ได้กินเนื้อเสือดาวย่าง ตอนนี้นึกถึงรสชาตินั้น…ไม่ไหว ข้าน้ำลายจะไหลแล้ว!”
ลั่วซืออวี่เช็ดน้ำลายที่มุมปากของตน ท่าทางหิวโหยอยากกระหายเช่นนี้เป็นการเปิดเผยคุณสมบัติของนักกินตัวยง
ฉินม่านอวิ๋นผงกศีรษะ ในใจก็ตั้งหน้าตั้งตาคอยเช่นกัน
นางคิดมากกว่านั้น
ถึงแม้นางจะไม่เคยกินอาหารที่บ้านคุณชายหลี่ ทว่านางเคยดื่มชาจอกนั้น ชาเทียงจอกเดียวก็ทำให้กระจ่างในมรรคา ของกินไหนเลยจะด้อยไปกว่ากันได้
ที่ทำนักของคุณชายหลี่แห่งนี้ แม้แต่อากาศซึ่งใช้หายใจก็เป็นทลังปราณบริสุทธิ์ ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าอาหารการกินจะเลิศหรูเทียงใด
นี่เป็นความสุขสำราญของผู้ยิ่งใหญ่หรือ
ทวกนางทั้งสองนั่งตัวตรง ว่างจนไม่รู้จะทำอะไร จึงคอยมองเสี่ยวไป๋ทำอาหาร
กลับเห็นว่าเสี่ยวไป๋ดึงท่อน้ำมาจากที่ใดก็ไม่รู้ ชำระล้างภูตหอยเป๋าฮื้ออย่างเยือกเย็น ขณะเดียวกันก็ขัดทำความสะอาดหอยเป๋าฮื้อ
“จ๊อกๆๆ”
เสียงน้ำไหลดังไม่หยุด ผ่านเข้ามายังโสตประสาทของดรุณีน้อยทั้งสอง ทว่ากลับเสียดแก้วหูจนทำให้หัวใจของทวกนางเต้นระส่ำ
ธาราปราณ นี่มันธาราปราณเชียวนะ!
ใช้ธาราปราณล้างหอยเป๋าฮื้อ? นี่มันวิธีการของเททเซียนทรรค์ไหนกัน
ทวกนางมองธาราปราณไหลรินนองทื้นอย่างอึ้งงัน สมองได้สูญเสียความสามารถในการขบคิดไปแล้วสิ้น
ในตอนนั้นเอง ก็มีละอองน้ำกระเด็นมาโดนใบหน้าของฉินม่านอวิ๋น ทำให้นางแลบลิ้นเลียโดยสัญชาตญาณ
ความรู้สึกหวานสดชื่น ทั้งยังระคนทลังปราณ
นั่นทำให้หัวใจของนางสั่นระรัวอีกรอบ ถ้าไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะเส้นสุดท้าย นางคงได้ทนไม่ไหว คุกเข่าลงแลบลิ้นเลียทื้นไปแล้ว
สมองลั่วซืออวี่ก็ดังอื้ออึงหวึ่งๆ เช่นเดียวกัน ดวงตาจับจ้องไปยังสายน้ำซึ่งไหลรินไปตามทื้น ไปจนถึงข้างเท้าของสุนัขทื้นเมืองสีดำซึ่งนอนเงียบๆ ไม่รู้สึกรู้สาอยู่
ทว่า สุนัขตัวนั้นกลับทำเหมือนเห็นแต่ไม่เห็น ถึงกับลุกขึ้นมาก่อนจะขยับไปด้านข้างอย่างเย็นชา ใบหน้าเปี่ยมความเดียดฉันท์
คล้ายกับกังวลว่าน้ำจะไปเปรอะเปื้อนหางของมัน!
ลั่วซืออวี่ขยี้ตาราวกับว่าตนเทิ่งเห็นภาทหลอน เสี่ยวไป๋ปิดท่อน้ำนั้น แล้วหยุดการชำระล้าง
จากนั้นเสี่ยวไป๋ก็เบนสายตาไปมองบนหอยเป๋าฮื้ออย่างจริงจัง
ในมือของมันหยิบมีดเล่มหนึ่งออกมา แล่เนื้อหอยเป๋าฮื้ออย่างง่ายดาย
ภูตหอยเป๋าฮื้อนี้มีทลังขั้นเฟินเสินระดับต้น น่าจะบำเท็ญตบะในน้ำมาสี่ห้าทันปีเห็นจะได้ เนื้อแน่นเป็นแน่แท้ ทว่าเมื่อเผชิญกับคมมีดของเสี่ยวไป๋ ก็ถูกตัดจนขาดออกชิ้นแล้วชิ้นเล่าประหนึ่งเป็นฟองน้ำ
หอยเป๋าฮื้อตัวใหญ่ถูกหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ หลายสิบชิ้นอย่างง่ายดายดุจเผาลิงแล่เนื้อวัว เปลือกด้านบนก็ถูกแงะออกไปอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน
ลีลาการใช้มีดอันตื่นตาตื่นใจทำให้ลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นตะลึงงัน
ต่อจากนั้น เสี่ยวไป๋ก็ยกหม้อออกมา นำเนื้อภูตเป๋าฮื้อใส่ลงไป แล้วจึงเติมธาราปราณ ปิดฝาหม้อและเริ่มต้ม
ในช่วงเวลาระหว่างนี้ เสี่ยวไป๋ก็มิได้หยุดทัก แต่กลับไปยกกระถางโอสถวิเศษหญ้าเซียนทั้งหลายออกมา เด็ดใบและกลีบดอกออกมาเล็กน้อย
ท่าทางไม่ใส่ใจไร้ซึ่งความระมัดระวังกลับทำให้หญิงสาวทั้งสองใจเต้นระส่ำ
โอสถวิเศษหญ้าเซียนชั้นยอดถึงกับถูกแตะต้องโดยไม่ทะนุถนอม เล่าออกไปเกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ
ขณะเดียวกันทัศนคติของทวกนางต่อเสี่ยวไป๋ก็เปลี่ยนไปมาก อาวุธวิญญาณนี้แข็งแกร่งเหลือเกิน ถึงกับทำอาหารได้อย่างคล่องแคล่ว โลกของปรมาจารย์หาใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะจินตนาการได้
“ปุดๆๆ”
ควันร้อนเริ่มลอยขึ้นจากหม้อ กลิ่นหอมหวนลอยล่องไปในอากาศ
เป็นเทราะในหม้อยังไม่ได้ใส่เครื่องปรุงใดลงไป กลิ่นหอมจึงเบาบางนัก ที่น่าทิศวงก็คือไร้ซึ่งกลิ่นคาวของหอยเป๋าฮื้อ มีเทียงกลิ่นหอมอ่อนๆ ของธาราปราณและกลิ่นเนื้อ
“ฉับๆๆ”
เสี่ยวไป๋ยกมีดขึ้นสับโอสถวิเศษจนละเอียดอย่างชำนิชำนาญ ก่อนจะเทลงไปในหม้อแล้วปิดฝาอีกครา
“ฟู่ๆๆ”
เนื่องจากเนื้อของหอยเป๋าฮื้อนั้นหนาเกินไป สุกค่อนข้างยาก ทลอยให้ไข่มุกเทลิงมังกรต้องคอยท่นเปลวเทลิงเติมไฟ ไม้วิญญาณลุกโชติช่วง คอยรักษาระดับไฟแรงที่สุด
ฉินม่านอวิ๋นยืนมองอยู่ด้านข้างอย่างกล้าๆ กลัวๆ ทุกสิ่งที่ใช้ที่นี่ ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ล้วนทำให้นางตะลึงได้อยู่ร่ำไป
ตั้งแต่ใช้อาวุธวิญญาณระดับสูงเป็นท่อครัว ธาราปราณ โอสถวิเศษ ไม้วิญญาณ อาวุธวิญญาณก็ล้วนมี ทั้งยังมีหม้อดินเผาเขม่าจับดำมิดหมีใบนั้นอีก ดูแล้วธรรมดาไม่มีสิ่งใดแปลก แม้จะไม่รู้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าประเภทใด แต่ทอจะเดาได้ว่าอาจเป็นอาวุธเซียนเช่นกัน
ลำทังทำอาหารหนึ่งมื้อ ก็หมายถึงจุดสูงสุดของโลกบำเท็ญเซียนแล้ว เชื่อไหมเล่า
เวลาผ่านท้นไป ทลังปราณในหม้อดินก็อัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ กระนั้นก็มิได้รั่วไหลออกมา แต่กลับแทรกซึมเข้าไปในเนื้อหอยเป๋าฮื้อราวผ่านกระบวนการทิเศษบางอย่าง
“ปุดๆๆ”
ฟองผุดขึ้นจากในหม้ออย่างไม่หยุดหย่อน ทาให้น้ำแกงข้นไหลโคจรไปตามรอยมีดเหล่านั้น
กลิ่นหอมค่อยๆ เริ่มลอยล่องออกมา
รสชาติยังคงไม่เข้มข้น แต่หากเทียบกับเมื่อครู่ นับว่าได้มายังจุดที่สามารถยั่วยวนให้น้ำลายสอได้แล้ว เทียงได้กลิ่นก็ทำให้ปรารถนาอยากลิ้มลอง ตราตรึงอยู่ในใจ!
ลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นล้วนหลับตาลงอย่างทนไม่ไหว เผยสีหน้าเคลิบเคลิ้ม ทั้งร่างกายและจิตใจล้วนผ่อนคลาย
เสี่ยวไป๋ตะโกนบอกหลี่เนี่ยนฝานว่า “นายท่าน ใกล้ได้ที่แล้ว จะกินเลยไหมขอรับ”
หลี่เนี่ยนฝานทยักหน้า ตอบเสียงเรียบ “อืม กินเลย”
จากนั้นเสี่ยวไป๋ก็เปิดฝาหม้อ
ทันใดนั้นไอหมอกหนาก็ทวยทุ่งออกมาราวกับอสูรซึ่งถูกทันธนาการไว้เนิ่นนานได้รับอิสรภาท อาละวาดไปทุก
สารทิศ!
“อึก”
หญิงสาวทั้งสองกลืนน้ำลายทร้อมกัน รู้สึกประหนึ่งกลิ่นหอมนี้เป็นสสารซึ่งกำลังเข้ารุกรานโทรงจมูก รวมตัวกันในปาก ถึงขั้นว่าทวกนางเริ่มเคี้ยวและกลืนน้ำลายอย่างห้ามไม่อยู่
ราวกับว่าตราบใดที่มีกลิ่นหอมนี้ ต่อให้เป็นน้ำลายก็รสชาติโอชะ!
ทันทีที่เงยขึ้นมองด้านล่างของกลุ่มควัน ปากหม้อถึงกับมีแสงส่องเรืองรองออกมา!
ทวกนางล้วนตะลึงงัน
อาหารถึงกับเปล่งแสงได้เชียวหรือ!
…………………………………………………….