ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 112 แผนการของปรมาจารย์ก็ผิดพลาดได้?
ฉินม่านอวิ๋นดวงตาพราวประกายขึ้น รีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็หมายความว่าพวกท่านพบร่องรอยของมารกลุ่มนั้นแล้วหรือ”
ผู้อาวุโสใหญ่พยักหน้า “เป้าหมายของมารเหล่านี้คล้ายกับจะเป็นหอเซียนหลิงอวิ๋น ไม่รู้เพราะเหตุใดพวกมันถึงยืนยันว่ากระบี่จุ้ยหมัวอยู่ที่หอเซียนหลิงอวิ๋น”
“หอเซียนหลิงอวิ๋น?” ลั่วซืออวี่เลิกคิ้วเล็กน้อย คาดเดาว่า “เป็นไปได้ไหมว่าหอเซียนหลิงอวิ๋นรู้เจตนาของมารเหล่านั้น ถึงได้ตั้งใจดึงดูดมารเข้ามา”
ผู้อาวุโสใหญ่ชะงักงันไป ดวงตาฉายแววประหลาดใจ “เจ้าพูดเช่นนี้ก็มีเหตุผล!”
ฉินม่านอวิ๋นขมวดคิ้วเล็กน้อย “คำพูดนับว่ามีเหตุผล!”
“เช่นนั้นยังจะรออะไรอีก พวกเราต้องรีบแล้ว โอกาสสร้างความดีความชอบมาอยู่ตรงหน้าแล้ว!” ผู้อาวุโสรอง
ร้อนรน เตรียมตัวออกเดินทางได้ทุกเมื่อ
“ถูกต้อง อย่าได้ลังเล ออกเดินทางเดี๋ยวนี้!” ผู้อาวุโสอีกสามคนเร่งร้อนทะยานลำแสงออกไปพร้อมกัน “ข้าไปด้วย!”
……
หอเซียนหลิงอวิ๋น
กลิ่นอายสังหารเข้าปกคลุมแน่นหนา
ใบหน้าของลูกศิษย์ทุกคนล้วนกระวนกระวาย พวกเขามองออกไปไกลอย่างเลิ่กลั่ก สายตาเปี่ยมความหวาดกลัว
หลินมู่เฟิงยืนอยู่บนตำหนักใหญ่ ทอดสายตามองออกไปยังฟากฟ้าอันแสนไกล สายตาลึกล้ำ สีหน้าซับซ้อนเกิน
หยั่งรู้
ในยามนั้น ดวงตะวันลาลับลงทิศประจิม ท้องนภามืดครึ้มลงบ้างแล้ว
กลางเวหากว้าง หมู่เมฆหนาเป็นชั้นลอยล่อง ราวกับจะร่วงหล่นลงมา พลอยให้สีของท้องฟ้ายิ่งครึ้มลง บรรยากาศอันน่าอึดอัดเข้ากลืนกินไปทั่วทุกที่
ในตอนนั้น มีลูกศิษย์คนหนึ่งกระวีกระวาดเหาะเข้ามา พูดอย่างเดือดดาล “ท่าน ท่านประมุข สำนักเสวียนเยวี่ย…ถูกทำลายแล้ว!”
ลูกศิษย์ทั้งหลายล้วนหน้าถอดสี แลดูกระวนกระวายอยู่ไม่สุขยิ่งกว่าเดิม
ผู้อาวุโสใหญ่สีหน้าหนักอึ้ง กล่าวกับหลินมู่เฟิงว่า “ท่านประมุข พวกเราจะไม่ไปขอความช่วยเหลือจากปรมา
จารย์จริงหรือ”
หลินมู่เฟิงสูดหายใจเข้าลึก ส่ายหน้าพลางเอ่ย “ปรมาจารย์คาดการณ์ทั้งหมดไว้แล้ว ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นย่อมอยู่ในการควบคุมของเขา หากคิดอยากจะช่วยก็ต้องช่วยอย่างแน่นอน พวกเราไปขอร้ อง รังแต่จะรบกวนชีวิตของปรมาจารย์ เกรงว่าจะไปยั่วโทสะของเขาเอาได้”
ผู้อาวุโสใหญ่ยิ้มขื่น พูดต่อว่า “มารกลุ่มนั้นเห็นได้ชัดว่ามาเพื่อกระบี่จุ้ยหมัว ไฉนพวกเราต้องทำเช่นนั้นด้วยเล่า”
“เจ้ารู้ว่าหมากคืออะไรไหม” หลินมู่เฟินมองไปยังผู้อาวุโสใหญ่ ก่อนจะกล่าวอย่างจริงจัง “ในฐานะที่เป็นตัวหมาก ก็จำต้องมีสติสัมปชัญญะดังตัวหมาก ทุกย่างก้าวไม่ใช่สิ่งที่ข้าเลือก ก แต่ขึ้นอยู่กับว่าปรมาจารย์จะวางหมากอย่างไร!”
ผู้อาวุโสใหญ่อ้าปากพะงาบ สุดท้ายก็ไร้ซึ่งวาจาจะตอบโต้
เขากับผู้อาวุโสอีกสองท่านชำเลืองมองกัน แล้วจึงมองหลินชิงอวิ๋น ทั้งสี่คนส่ายหน้าเงียบงัน สายตาเต็มไปด้วยความจนปัญญา
แม้ว่าพวกเขาจะเคารพยำเกรงปรมาจารย์มาก แต่กลับไม่ถึงขั้นที่ทำสิ่งใดโดยไม่มีสติยั้งคิดเฉกเช่นหลินมู่เฟิง
ประมุขเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ได้อย่างไรกัน
พวกเขาจมลงสู่ห้วงความคิด
คล้ายกับว่าหลังจากไปเยี่ยมเยียนปรมาจารย์ครั้งก่อน บางครั้งบางคราวประมุขก็จะไปหาคนที่ฟั่นเฟือนพอๆ กันอย่างนักพรตเทียนเหยี่ยนมาเล่นหมากด้วย ตั้งแต่ตอนนั้น สิ่งที่เขาพึมพำบ่อยท ที่สุดก็คือฟ้าดินเป็นกระดานหมาก ข้าเป็นตัวหมาก
แปลกประหลาด!
ประมุขแปลกประหลาดจริงๆ!
ตุ้บ!
ท่ามกลางฟ้าดิน ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น ราวกับว่าเป็นเสียงฝีเท้าอันหนักหน่วง เคาะลงบนหัวใจของเขาอย่างเต็มรัก
อยู่ๆ บนท้องฟ้าก็ตกอยู่ในความมืดมิดยิ่งกว่าเดิม!
สีหน้าของผู้เฒ่าทั้งสามซีดเผือดพร้อมกัน ในใจยังคงว้าวุ่น “จบแล้ว จบสิ้นแล้ว พวกเขามาแล้ว!”
หลินชิงอวิ๋นถอนหายใจแผ่วเบา เว้าวอนในใจ “หวังว่าปรมาจารย์จะไม่ใช้พวกเราเป็นหมากซึ่งใช้สังเวยก็แล้วกัน”
ตุ้บๆๆ!
เงาสายแล้วสายเล่าปรากฏในความมืด ภายใต้รัตติกาลมืดมิด นอกจากเสียงฝีเท้าแล้ว ก็ยังมีเสียงหัวเราะแผ่วเบาแสนเหี้ยมโหด
ท่ามกลางความมืดมิด เงาร่างยักษ์ใหญ่ก็ค่อยๆ ปรากฏขึ้น
เงาร่างนี้สวมชุดยาวสีดำ ดวงตาสีแดงก่ำ มุมปากเผยรอยยิ้มกระหายเลือด สองมือกอดอก ตัวยักษ์ใหญ่ กระดูกข้อต่อคล้ายกับปูดโปนออกมา
เสียงแหบพร่าดังออกมา “หาเจอแล้ว กลิ่นของกระบี่จุ้ยหมัว”
ระหว่างทางทำลายล้างมาแปดสำนัก บัดนี้ในที่สุดก็หาตัวการได้แล้ว!
บุรุษชุดดำเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย สายตามองทะลุผ่านความมืดอย่างเฉียบคมไปยังหลินมู่เฟิง
หลินมู่เฟิงหาได้เกรงกลัวไม่ เขายืนตระหง่านบนตำหนักใหญ่ มองบุรุษชุดดำด้วยสายตาดุดัน
น้ำเสียงเย็นเยียบดังจากปากของบุรุษชุดดำ ร่างของเขาทะยานขึ้นสู่กลางอากาศ ประดุจไร้น้ำหนักอย่างไรอย่างนั้น เหาะไปตามสายลม ตรงไปยังท้องนภาเหนือหอเซียนหลิงอวิ๋น
หลินมู่เฟิงเอ่ยเสียงแข็ง “ตั้งค่าย!”
ทันใดนั้น ลูกศิษย์ของหอเซียนหลิงอวิ๋นทั้งหมด รวมไปถึงผู้อาวุโสก็ส่งพลังทั้งร่างทะลักทลายออกมา พลังปราณเหล่านี้ไปรวมกันบนพื้นของหอเซียนหลิงอวิ๋น ในชั่วขณะนั้น แสงก็สว่า างสุกสกาว กลายเป็นพลังปราณครอบคลุมกลางอากาศ เพื่อคุ้มกันหอเซียนหลิงอวิ๋นไว้ตรงกลาง
“ไม่ประมาณตน!” บุรุษชุดดำหัวเราะเย็นเยียบ สองมือโบกน้อยๆ ไอสีดำในอากาศไหลมารวมกลุ่มกันกลางฝ่ามือ ไอดำเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ค่อยๆ ส่งเสียงหวีดร้องโหยหวน
สุดท้ายแล้วบุรุษชุดดำก็แปลงกายเป็นก้อนกลมสีดำดุจน้ำหมึก ความลึกล้ำของสีดำนี้แทบจะกลบทับสีดำยามราตรี พานให้ในใจหวั่นผวาเต็มประดา
ครั้นมือข้างหนึ่งของบุรุษชุดดำโบกไป กลุ่มไอดำเหล่านั้นกลายเป็นเส้นสีดำยาว พุ่งออกมาจากนิ้วมือของเขา ทะลวงเข้าไปยังม่านลำแสงนั้น
“โพละ”
ค่ายกลของหอเซียนหลิงอวิ๋นแตกสลายราวกับเข็มทิ่มลงบนลูกโป่ง ไร้เรี่ยวแรงต่อต้าน
บรรดาลูกศิษย์สีหน้าดำทะมึน กระอักเลือกออกมา แววตาพลันหดหู่ ในใจตกตะลึงถึงขีดสุด
แข็งแกร่งเกินไป บุรุษชุดดำผู้นี้แข็งแกร่งกว่าที่คาดคิด!
บุรุษชุดดำโบกมือ ไอดำเหล่านั้นพลันรวมตัวกันเกิดเป็นมือสีดำ จับหลินมู่เฟิงขึ้นมา ก่อนจะเอ่ยอย่างเยียบเย็น
“กระบี่จุ้ยหมัวอยู่ที่ไหน”
หลินมู่เฟิงฝืนทนกล่าวไปว่า “คนอย่างเจ้าไม่มีสิทธิ์รู้!”
บุรุษชุดดำขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาเย็นชาขึ้นมา “วอนตายนัก!”
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ เสียงฉินก็ดังขึ้นท่ามกลางความมืดซึ่งห่างไกลออกไป!
เสียงฉินนี้คล้ายกับก่อตัวเป็นรูปร่าง กระตุ้นความว่างเปล่าให้กระเพื่อมเป็นระลอก พุ่งเข้าโอบล้อมบุรุษชุดดำ!
ไอดำรอบกายบุรุษชุดดำจางลงในชั่วพริบตา ก่อนจะเริ่มสั่นสะท้าน
“เจ้ามารใจกล้า ยังไม่ยอมจำนนอีกรึ” เสียงเย็นเยียบของผู้อาวุโสใหญ่ดังขึ้น แปดคนทะยานลำแสงเข้ามาปรากฏตัวแก่สายตาของฝูงชน
สง่างามเหนือโลกีย์ พลังปราณพลุ่งพล่าน แผ่ซ่านรัศมีเจิดจรัสประหนึ่งผู้ช่วยชีวิตยามสิ้นหวัง
“ข้าว่าแล้วเชียว ข้าว่าแล้วเชียว!” สีหน้าของหลินมู่เฟิงพลันดีอกดีใจ “ปรมาจารย์คำนวณไว้อย่างถี่ถ้วน วาง
แผนทั้งหมดไว้แต่แรกแล้ว แยบยล แยบยลยิ่งนัก!”
ผู้อาวุโสทั้งห้ามองบุรุษชุดดำด้วยสีหน้าแข็งกร้าว สองมือดีดฉินไม่หยุด ท่วงทำนองถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ เข้าทำลายความเงียบสงัดของราตรีอนธการ
“น่ารำคาญ!”
บุรุษชุดดำสีหน้าครึ้มลงสุดขีด แหงนหน้าขึ้นฟ้าคำรามลั่น ชุดสีดำทั้งร่างโบกสะบัด สองมือยกขึ้นเร็วรี่ ใจกลางฝ่ามือถือกระดิ่งขนาดกระจิริดคลอนไปตามสายลม พลางส่งเสียงดังออกมา
“กริ้งๆ”
ไอมารพวยพุ่งออกมาดังกระแสน้ำเชี่ยวกราก ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ เสียงของกระดิ่งเล็กนี้ก็เข้าซ้อนทับทำนองฉิน ทำให้ผู้ที่ได้ยินสติเตลิด รู้สึกหน้ามืดมึนงง
ไอมารมหาศาลไร้ที่สิ้นสุดแผ่ซ่านไปรอบทิศ ผู้อาวุโสทั้งห้าซึ่งกำลังดีดฉินอยู่ก็สั่นสะท้านไปทั้งร่าง กระดอนร่วงลงบนพื้นประหนึ่งตัดสายป่านของว่าว
ทั้งแปดคนมาอย่างรวดเร็ว โดนกำราบอย่างรวดเร็วเช่นกัน ภายในเวลาเพียงไม่กี่อึดใจก็หงายเก๋งไปกับพื้น มองบุรุษชุดดำด้วยสีหน้าตื่นตระหนก
ความปลื้มปีติบนใบหน้าของหลินมู่เฟิงอันตรธานหายไปทันใด มีเพียงความหวั่นผวา
เกิดอะไรขึ้นกัน ผู้ช่วยที่ปรมาจารย์วางแผนมาในครั้งนี้พลังต่างชั้นกันมากเหลือเกิน
หรือว่าแผนการของปรมาจารย์…ก็ผิดพลาดได้?