ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 117 พี่น้องทั้งหลาย มาสนุกกันเถอะ
ในเรือนสี่ประสาน
หลี่เนี่ยนฝานและต๋าจี่กำลังเก็บของ
นี่เป็นการเดินทางไกลครั้งแรกในรอบห้าปี
“ต๋าจี่ เตรียมเสื้อผ้าไปเปลี่ยนเยอะหน่อย ใส่หนึ่งชุดเปลี่ยนหนึ่งชุด จะได้ไม่ต้องเปลี่ยนระหว่างทาง ยุ่งยากนัก” หลี่เนี่ยนฝานเอ่ย “ข้าจะไปดูหลังเรือน เตรียมผลไม้ไปสักหน่อย เจ จ้าชอบกินอะไร”
ต๋าจี่เก็บเสื้อผ้าไปพลาง ปัดเส้นผมปรกหน้าผากไปพลาง “ข้าว่าตามคุณชาย”
“เจ้าอย่าเอาแต่ฟังข้าสิ ต้องมีความคิดเป็นของตัวเองสิ” หลี่เนี่ยนฝานส่ายหน้ายิ้มขื่น “ฤดูกาลนี้สาลี่และส้มไม่เลวเลย ข้าจะเตรียมไปมากสักหน่อย”
อย่างไรเสียก็มีมิติของระบบ พกของติดตัวไปมากสักหน่อยย่อมไม่ใช่เรื่องใหญ่
หลี่เนี่ยนฝานกวักมือเรียกต้าเฮย “ต้าเฮย ไป ไปเก็บผลไม้”
“โฮ่งๆๆ!”
ต้าเฮยผุดลุกขึ้น ห้อตะบึงไปยังหลังเรือนทันที
หลี่เนี่ยนฝานหัวเราะพลางบ่นเบาๆ อย่างอดไม่ได้ “ปกติเห็นแกขี้เกียจ พอพูดถึงกินข้าวกับเก็บผลไม้ละแรงมาเชียว ฉันเลี้ยงแกไว้ทำอะไรได้เนี่ย”
เสี่ยวไป๋ก็เดินมา “นายท่าน ต้องการให้ช่วยไหมขอรับ”
“ไปช่วยต๋าจี่เถอะ นึกๆ ดูว่าจะเอาของอะไรไปบ้าง อย่าให้มีตกหล่น” หลี่เนี่ยนฝานตอบไป ส่วนเขานั้นเดินเข้าไปยังหลังเรือนแล้ว
หลังเรือนนอกจากสระน้ำและแปลงเกษตรแปลงหนึ่งแล้ว สิ่งที่มีมากที่สุดก็คือต้นไม้ซึ่งมีนานาพันธุ์ ทั้งยังเติบโตสูงใหญ่ แตกกิ่งก้านสาขาไปรอบหลังเรือน ห่อหุ้มเรือนไว้ด้านใน
สิ่งที่สะดุดตาก็คือต้นไม้แต่ละต้นเหล่านั้นเต็มไปด้วยผลไม้
สิ่งที่ต้าเฮยชื่นชอบมากที่สุดก็คือการเดินวนเวียนไปมาในสวนผลไม้ เกาะต้นไม้จ้องมองผลไม้อย่างอึ้งงัน
อันที่จริงมันตะกละตะกลามเสียยิ่งกว่ากระไร ถ้าหากหลี่เนี่ยนฝานไม่ห้ามปรามไว้ มันจะสร้างหายนะต่อผลไม้ไปเท่าไรก็สุดจะรู้ได้
สิบลี้หอสูงขุนเขามรกต เสียงดุเหว่าระงมกลางมวลผกา
โลกบำเพ็ญเซียนมีพลังปราณมากโข กอปรกับการประคบประหงมเอาใจใส่ของหลี่เนี่ยนฝาน ผลหมากรากไม้ของที่นี่จึงเติบโตเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นต้นใดก็สูงใหญ่ กิ่งก้านหนา อีกทั้งสิ งที่แตกต่างไปจากโลกเดิมก็คือต้นไม้ที่นี่เป็นทั้งไม้ผลและไม้ดอกในต้นเดียวกัน มีทั้งผลไม้ซึ่งห้อยอยู่สูง ขณะเดียวกันก็ออกดอกเบ่งบาน งดงามเกินพรรณนา
ครั้นเดินเข้ามาใกล้ ก็เห็นว่าทั้งสวนเปี่ยมไปด้วยหมู่บุปผาชาติสีแดงสีม่วงสดสวย ทั้งดอกของต้นแอปเปิ้ล ต้นท้อ ต้นสาลี่ก็ล้วนเบ่งบานประชันความงาม ราวกับเป็นสวนผลไม้ซึ่งสวร รรค์ประทานลงมา กลิ่นหอมรัญจวนสอดแทรกในโพรงจมูก โผผินเข้าสู่จิตใจ
ใต้แสงตะวัน ผลไม้เหล่านี้ทอประกายเรืองรองประดุจนำพาพลังชีวิต ทั้งใบไม้และดอกไม้ล้วนพลิ้วไหวตามแรงลม เสมือนอยู่ในภาพเขียนหรือห้วงแห่งความฝัน
หลี่เนี่ยนฝานยืนอยู่หลังเรือน ทอดสายตามองไปก็รู้สึกประหนึ่งว่าตนเองอยู่ในภาพเขียน จนสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดอย่างอดไม่ได้ “สบาย!”
ในใจของเขารู้สึกดั่งประสบความสำเร็จบางอย่าง ที่หลังเรือนของเขางดงามได้เช่นนี้ก็ล้วนเป็นเพราะความดีความชอบของเขาเพียงคนเดียว
“ต้าเฮย ไปเก็บสาลี่มาหน่อย!”
ทันทีที่คำพูดของหลี่เนี่ยนฝานเปล่งออกไป ก็เห็นว่าต้าเฮยกลายเป็นเงาสีดำพุ่งขึ้นบนต้นไม้ กระโดดไปมาอยู่บนกิ่งไม้
ทางหลี่เนี่ยนฝานก็วางตะกร้าสะพายหลังลงกับพื้น รอรับผลสาลี่ซึ่งต้าเฮยปัดลงมา
เมื่อไม่มีอะไรทำ เขาจึงมองไปรอบเรือน ครั้นเห็นเจ้าเต่าเฒ่าซึ่งกำลังนอนอยู่ริมสระน้ำ ดวงตาก็พลันเป็นประกาย
ในตอนนั้นเขาก็กวักมือเรียกอย่างขมีขมัน “เจ้าเต่า มานี่เร็ว!”
เต่าเฒ่าลืมตาขึ้นอย่างอืดอาด มองหลี่เนี่ยนฝาน ชะงักไปชั่วขณะก่อนจะคลานไปหาหลี่เนี่ยนฝานอย่างไม่รีบร้อน
“ตุบๆๆ!”
ตัวมันมีขนาดยักษ์ใหญ่ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเกิดเสียงดัง
“เอาละ หยุดอยู่ตรงนั้นก่อน” หลี่เนี่ยนฝานยิ้มบาง ทันใดนั้นก็ปีนขึ้นไปบนจุดสูงสุดของกระดองเต่า ค่อยๆ ยกมือขึ้นไปยังผลส้มบนต้น
เต่าเฒ่ามีขนาดมหึมา นับว่าเป็นบันไดเคลื่อนที่ซึ่งใช้งานได้ดีชะงัด สะดวกจริงๆ!
“ขยับไปข้างหน้าหน่อย ใช่ๆ หยุด” หลี่เนี่ยนฝานทั้งผ่อนคลายทั้งสำราญใจ แถมยังได้ยืนอยู่บนที่สูงชมทิวทัศน์อีกด้วย
ไม่รู้ว่าออกไปข้างนอกครั้งนี้จะนานเท่าไร หลี่เนี่ยนฝานจึงเก็บผลส้มกับสาลี่ให้มากสักหน่อย ใส่จนเต็มสองตะกร้า ถึงแม้จะหาซื้อได้ข้างนอก แต่ไหนเลยจะหอมอร่อยสู้ของบ้านตนได้
“โฮ่งๆๆ!”
ต้าเฮยเห่าเรียกหลี่เนี่ยนฝาน แลบลิ้นออกมา หางกวัดแกว่งซ้ายขวา
เต่าเฒ่าก็มองหลี่เนี่ยนฝานตาละห้อยเช่นกัน
“ก็ได้ ไม่ลืมพวกแกหรอก!” หลี่เนี่ยนฝานจนปัญญา โยนผลสาลี่ให้พวกมัน
ต้าเฮยอ้าปากกว้าง รีบกระโดดขึ้นมา
เต่าเฒ่าก็ยืดคอออกมาอ้าปากรอเช่นกัน
“กร้วม!”
ทันทีที่ผลสาลี่เข้าปาก มันก็เคี้ยวอย่างแรง น้ำไหลทะลักราวกับระเบิดออกมา ทั้งเต่าทั้งสุนัขต่างเผยสีหน้าอิ่มเอมเหลือคณา
“จริงสิ ต้องนำผักไปด้วย เผื่อใช้ปรุงรส ยังไงก็เป็นไปได้ว่าอาจทำอาหารข้างนอกได้”
หลี่เนี่ยนฝานเลือกสรรผักในแปลง แล้วจึงเดินออกจากหลังเรือน มองดูภูเขาจำลองก่อนจะชะงักไป “นึกออกแล้ว
พกเยลลี่ไปด้วยดีกว่า กันปากว่าง”
……
เวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว
วันนี้จักรพรรดิลั่ว ลั่วซืออวี่ ฉินม่านอวิ๋น และผู้อาวุโสรอง รวมแล้วสี่คนมาถึงเรือนสี่ประสานอยู่ก่อนแล้ว ต่างคนต่างรอคอยอย่างเคารพนบนอบ
ผู้อาวุโสรองใบหน้าแดงก่ำ กระตือรือร้นเต็มปรี่ ความตื่นเต้นแสดงออกทางสีหน้า ราวกับถูกรางวัลใหญ่อย่างไรอย่างนั้น
“โชคดี โชคดีเหลือเกิน! ประมุขปิดด่านข้ามด่านเคราะห์ ผู้อาวุโสใหญ่ต้องการอยู่ปกป้องอารามเต๋าหลินเซียน ข้าโชคดีที่ชนะผู้อาวุโสสามและผู้อาวุโสสี่ จึงได้รับหน้าที่เดินทางมาด้วยใ ในครั้งนี้ ฮ่าๆๆ ลำพังแค่คิดก็ยิ้มไม่หุบ นี่มันจุดสูงสุดในชีวิตข้าแล้ว”
ได้ติดตามไปข้างกายปรมาจารย์ นี่เป็นวาสนาที่ทั้งชีวิตการบำเพ็ญเซียนของข้าโจวต้าเฉิงจะมีได้ จำต้องแสดงความสามารถให้ดี บากบั่นเพื่อแสดงภาพจำที่ดีต่อปรมาจารย์!
“แกร็ก!”
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงดังขึ้นในเรือนสี่ประสาน หลี่เนี่ยนฝานและต๋าจี่เดินออกมาพร้อมกัน
หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยอย่างยิ้มแย้ม “อรุณสวัสดิ์ ทุกท่านเกรงใจเกินไปแล้ว อันที่จริงไม่ต้องมารอถึงหน้าประตูก็ได้”
ฉินม่านอวิ๋นและอีกสามคนก็รีบประสานเสียงกัน “คุณชายหลี่ อรุณสวัสดิ์”
ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยแนะนำ “นี่คือผู้อาวุโสสำนักข้า นามว่าโจวต้าเฉิง พลังปราณที่ขับเคลื่อนเรือเหาะนั้นก็มาจากเขา”
ที่แท้ก็เป็นโชเฟอร์
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มเอ่ย “คำนับผู้เฒ่าโจว”
เขาหันกายไปบอกกับต้าเฮยซึ่งอยู่ด้านข้าง “ต้าเฮย ครั้งนี้เดินทางไกล พาเจ้าไปด้วยไม่ได้ กลับเข้าบ้านไป”
“หงิงๆๆ” ดวงตาของต้าเฮยเต็มไปด้วยความไม่ยินยอมพร้อมใจ ใช้ศีรษะดันขากางเกงของหลี่เนี่ยนฝาน
หลี่เนี่ยนฝานลูบหัวของมัน พูดด้วยรอยยิ้ม “เอาละ กลับไปได้แล้ว เจ้ามันสุนัขเดียวดายไปกับข้าไม่ดีเท่าไรนัก เด็กดี เฝ้าบ้านให้ดี”
หลังจากนั้น ทุกคนก็พากันเดินลงเขาไป ภายใต้สายตาของละห้อยของต้าเฮย
ตราบจนมองไม่เห็นเงาของหลี่เนี่ยนฝานแล้ว ต้าเฮยก็สะบัดศีรษะ ใบหน้าเศร้าสลดหดหู่ของมันก็พลันมลายหายไป เปลี่ยนเป็นสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรือ ถึงขั้นที่ฉีกยิ้มออกมา
มันหันหลังทันใด เข้าไปในเรือนสี่ประสาน
ก็พบว่าในเรือน ไข่มุกเพลิงมังกรกำลังกลิ้งไปกลิ้งมาพลางพ่นไฟ สมณะกระบี่ปากยังคงพึมพำบทสวดมนต์ น้ำแข็งทมิฬพันปีกับผลึกธาตุน้ำแข็งแลกเปลี่ยนพลังกัน ปราณเหมันต์หนาแน่นจนลำธาร รทั้งสายเริ่มแข็งตัว พระธาตุแผ่ธรรมฉายภาพไม่หยุดหย่อน กระดิ่งจิตสวรรค์ตะบี้ตะบันกวัดแกว่งไปมา
ในด้านหลังเรือน เสียงหัวเราะด้วยความตื่นเต้นดังขึ้นจากป่า ต้นไม้สูงชะลูดอย่างบ้าคลั่ง โยกย้ายส่ายเอวไปมา
ในบ่อน้ำ เงาสีทองสายหนึ่งว่ายวนไปมาในบ่อ อีกด้านหนึ่งเต่าเฒ่าที่นอนอยู่ริมฝั่ง หลับตาลง มุมปากฉายรอยยิ้มเพลิดเพลินใจ
ต้าเฮยขยับก้นไปมา ปากอ้ากว้าง “พี่น้องทั้งหลาย นายท่านไปแล้ว มาสนุกกันเถอะ!”
และริมสระน้ำซึ่งก่อนหน้านี้มีเมล็ดพันธุ์พิเศษปลูกไว้ ผืนดินแห่งนั้นก็สั่นสะท้าน ต้นอ่อนค่อยๆ งอกขึ้นมา!
………………………………………………