ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 135 ฆ่าได้ไหม?
ซ่าๆๆ!
ฝนห่าใหญ่ตกลงมาราวกับฟ้ารั่ว ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด!
สายฝนชะล้างเลือดสดที่นองบนพื้น ไหลลงไปตามหอคอยสูงช้าๆ
จักรพรรดิลั่วเหลือบมองร่างไร้วิญญาณบนพื้น สองมือโบกเบาๆ จากนั้นลูกไฟจำนวนหนึ่งก็พุ่งออกมา ภายในชั่วพริบตาก็แผดเผาร่างเหล่านั้นสลายหายไป
หลิ่วหรูเซิงมองสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดอย่างตะลึงงัน สมองว่างเปล่าราวกับวิญญาณหลุดจากร่าง ปล่อยให้สายฝนเท่าเม็ดถั่วตกกระทบหน้าของตน ความหนาวเหน็บลึกถึงกระดูกค่อยๆ ผุดขึ้นใน นใจ
“พวกบ้า พวกเจ้ามันบ้าไปแล้ว!”
สมองเขายังสับสนอยู่เล็กน้อย กระทั่งคิดว่าตนกำลังฝัน เขาร้องตะโกน “พวกเจ้ารู้ไหมว่าข้าเป็นใคร? ข้าคือหลิ่วหรูเซิงแห่งตระกูลหลิ่ว ตระกูลหลิ่วของข้าเคยมีคนสำเร็จเป็นเซี ยน!”
“ต่อให้พ่อเจ้าเป็นเซียนก็ไม่มีประโยชน์!” จักรพรรดิลั่วเหลือบมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วบีบคอชูขึ้นราวกับลูกเจี๊ยบ
โจวต้าเฉิงเอ่ยขึ้น “ไปกันเถอะ พวกเรารีบไปให้คำอธิบายกับผู้ยิ่งใหญ่กัน”
“ผู้…ผู้ยิ่งใหญ่?” สมองหลิ่วหรูเซิงเกิดเสียงหวึ่งๆ หวาดกลัวไม่หาย พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เขาไม่ได้เป็นแค่คนธรรมดาหรอกหรือ? เป็นใครกัน พวกเจ้าถึงทำขนาดนี้?”
ฉินม่านอวิ๋นเหลือบมองเขาเบาๆ เอ่ยด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “เขาคือคนที่ตระกูลหลิ่วของพวกเจ้าไม่อาจล่วงเกิน! เป็นบุคคลที่แม้แต่คิดก็ไม่กล้าคิด!”
หลิ่วหรูเซิงเบิกตากว้าง แหกปากด้วยความเหลือเชื่อ “เจ้าโกหก! บนโลกบำเพ็ญเซียนจะมีคนเช่นนั้นอยู่ได้อย่างไร? บรรพบุรุษข้ามีเซียน เขาเก่งกาจเทียบเท่าเซียนรึ?”
ฉินม่านอวิ๋นเอ่ย “เจ้ากบในกะลา! ต่อให้มีเซียนมาอยู่ตรงหน้าเขา ก็ยังต้องยอมก้มหน้า!”
หลิ่วหรูเซิงคล้ายคนคร่ำครวญจะเป็นจะตาย “เป็นไปไม่ได้ เจ้าหลอกข้า เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวหรือ? ข้าเป็นบุตรผู้สืบทอดตระกูลหลิ่ว ข้าพนันว่าพวกเจ้าไม่กล้าฆ่าข้า!”
“ความไม่รู้น่ากลัวยิ่งนัก หุบปากของเจ้าเดี๋ยวนี้!” โจวต้าเฉิงมองหลิ่วหรูเซิง ดวงตามีประกายเย็บวาบราวกับมองคนตาย
ทั้งสามปิดปากหลิ่วหรูเซิง คร้านจะเหลือบสายตามองเขาอีก รีบมุ่งหน้าไปยังห้องพักของหลี่เนี่ยนฝาน
ทั้งสามมาถึงหน้าห้องหลี่เนี่ยนฝาน หัวใจเต้นแรงจนขึ้นมาถึงลำคอ ระส่ำระสายไม่เป็นสุข ราวกับเด็กที่ทำความผิดจะเข้าพบการพิจารณาโทษจากผู้ใหญ่
ฉินม่านอวิ๋นถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้น “ครั้งนี้พวกเราละเลยหน้าที่ ปล่อยให้คนไม่รู้ที่ตายมารบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของผู้ยิ่งใหญ่”
จักรพรรดิลั่วสีหน้าเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นวิตกกังวล ครั้งนี้พวกเขาพาหลี่เนี่ยนฝานมา กลับไม่อาจมอบสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ที่สมบูรณ์แบบได้ ต่อให้ตายหมื่นครั้งก็ไม่ควรค่า ใจเต็ม มไปด้วยความรู้สึกผิด
โจวต้าเฉิงเอ่ย “ตอนนี้อะไรก็สายไปแล้ว รีบไปรับโทษทัณฑ์จากท่านผู้ยิ่งใหญ่เถอะ ดูว่ามีสิ่งใดสามารถทำความดีชดเชยความผิดหรือไม่”
พวกเขาโยนหลิ่วหรูเซิงไว้นอกประตู รวบรวมความกล้าเคาะประตู “ก๊อกๆๆ”
“แกร็ก”
คนที่เปิดประตูเป็นลั่วซืออวี่ นางมองทั้งสามคน พลางทำสัญญาณให้เงียบ แล้วถึงหลีกทางให้พวกเขาทั้งสามเข้ามา
บัดนี้กระทั่งหายใจแรงทั้งสามยังไม่กล้า ย่างเท้าแผ่วเบาราวกับโจรขึ้นบ้าน เสียงเพียงเล็กน้อยก็มิให้เล็ดลอดออกมา
ภายในห้อง หลี่เนี่ยนฝานยืนอยู่หน้าโต๊ะ เบื้องหน้ามีกระดาษประกาศแผ่นหนึ่ง ในมือถือพู่กัน แววตาลึกล้ำดุจดวงดาว ร่างกายแผ่กลิ่นอายทรงพลังบางอย่างออกมา
ต๋าจี่ฝนหมึกอยู่ด้านข้างอย่างว่าง่าย
ด้วยความประหม่า น้ำลายจึงไหลพรั่งพรูจากปากพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง ทว่ากลับไม่กล้ากลืนมันลงไป เพราะเกรงจะทำให้เกิดเสียง
หยาดเหงื่อเย็นเยียบค่อยๆ ผุดพรายขึ้นบนหน้าผาก
คล้ายกับผ่านไปนานราวศตวรรษ ทั้งคล้ายกับสั้นเพียงชั่วพริบตา
กลิ่นอายรอบตัวหลี่เนี่ยนฝานรวมกลุ่มหนาแน่นถึงขีดสุด ราวกับดาบคมพุ่งออกจากร่าง ทิ่งแทงจนคนลืมตาไม่ขึ้น
ลงพู่กัน!
ดั่งมังกร!
“คร่าหนึ่งชีวิตในสิบย่างก้าว เดินทางพันลี้มิอาจรั้ง บรรลุภารกิจก็จากไป ปกปิดตัวตนแลชื่อเสียง”
ตูม!
อักษรยี่สิบคำ กลับแฝงไปด้วยจิตสังหารไร้สิ้นสุด!
เพียงชั่วพริบตา ภายในห้องถูกปกคลุมไปด้วยจิตสังหารมหึมา กระทั่งแม้แต่จักรพรรดิลั่วยังไม่อาจจะหายใจ จิตสังหารเย็นยะเยือกเจาะทะลุถึงกระดูก ทำให้ทั่วทั้งร่างกายพวกเขาแข็งทื่อ เลื อดที่ไหลเวียนคล้ายกับเริ่มแข็งตัว
หนาว!
หนาวลึกถึงกระดูก!
อีกทั้งยังมีความหวาดกลัวอันยิ่งใหญ่ในเวลาเดียวกัน!
ดูจากอักษรยี่สิบคำนั้น คล้ายกับเห็นการเข่นฆ่าไม่รู้จบ เลือดสดนองเป็นสายธาร ร่างไร้วิญญาณเป็นภูเขา หนึ่งคนหนึ่งดาบ สังหารกระทั่งฟ้าดินเปลี่ยนสี จันทราอับแสง
ต้องเคยฆ่าคนมามากมายเพียงใด ถึงเขียนอักษรที่เต็มไปด้วยจิตสังหารเช่นนี้ออกมาได้!
“พวกท่านคิดว่าอักษรนี้เป็นเช่นไร?”
เสียงของหลี่เนี่ยนฝานดึงพวกเขากลับสู่ปัจจุบัน ร่างกายสั่นระริกเบาๆ ราวกับว่าเดินทางไปนรกมา
เงียบงันอยู่นาน โจวต้าเฉิงถึงได้ฝืนใจเอ่ยปาก “อักษรของคุณชายหลี่เป็นหนึ่งเดียวในชีวิตที่ข้าเคยเห็นมา ใต้หล้าเกรงว่าไม่มีผู้ใดเหนือกว่า”
หลี่เนี่ยนฝานถอนหายใจเบาๆ “น่าเสียดาย อักษรไม่อาจฆ่าคน!”
ทุกคนหัวใจเต้นโครมคราม มาแล้ว!
ที่แท้ผู้ยิ่งใหญ่ก็จดจำไว้ในใจเสมอไม่ลืมเลือน!
จักรพรรดิลั่วกับลั่วซืออวี่สบตากันแวบหนึ่ง ดวงตาเผยให้เห็นความหวาดกลัวล้ำลึก ในคำพูดคุณชายหลี่มีความนัยอยู่
พวกเขาอดนึกถึงคืนวันนั้นไม่ได้ ไหนเลยอักษรจะไม่อาจฆ่าคน? นักพรตเทียนหมัวก็ถูกอักษรของคุณชายหลี่สังหารไปแล้วนี่!
จิตสังหารในอักษรยี่สิบคำนี้เข้มข้นยิ่งกว่าป้ายอักษรเมื่อครั้งก่อนเสียอีก!
เจตนาฆ่าเช่นนี้
คุณชายหลี่…ต้องการสังหารใคร?
ฉินม่านอวิ๋นสูดหายใจลึก เอ่ยด้วยใจตุ้มๆ ต่อมๆ “คุณชายหลี่ พวกอันธพาลเหล่านั้น พวกเราจับมาแล้ว”
เรื่องที่พวกฉินม่านอวิ๋นจับตัวคนมา ไม่ใช่สิ่งที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของหลี่เนี่ยนฝาน เขาเอ่ยว่า “ทำให้พวกท่านลำบากหรือไม่?”
ฉินม่านอวิ๋นรีบร้อนกล่าว “แค่อันธพาลที่ไม่ควรค่าจะเอ่ยถึง ลงทัณฑ์ได้ตามสบาย ทำเช่นไรถึงจะระบายอารมณ์ของคุณชายหลี่ได้?”
หลี่เนี่ยนฝานเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “เช่นนั้น…ฆ่าได้ไหม?”
เขาโกรธมากจริงๆ และในขณะที่โกรธจึงได้เขียนสองประโยคนี้ออกมา
เหตุการณ์เมื่อครู่ยังทำให้ตอนนี้เขานึกรู้สึกหวาดกลัวอยู่บ้าง เขาเป็นห่วงต๋าจี่ กลัวว่าต๋าจี่จะถูกทำร้าย
มังกรมีเกล็ด แตะต้องถึงตาย!
ตนเป็นเพียงคนธรรมดา เรื่องบุญคุณต้องตอบแทน แค้นต้องชำระ เขาไม่อาจทำได้ ทว่า…หากทำได้ ก็ไม่มีทางใจอ่อน ให้อภัยเช่นอิสตรี!
ทุกคนใจเต้นระส่ำ รีบเอ่ยเป็นเสียงเดียวกัน “ฆ่าได้! ฆ่าได้แน่นอน! ฆ่าเมื่อไหร่ก็ได้!”
หลี่เนี่ยนฝานมองต๋าจี่ปราดหนึ่ง แล้วเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นรบกวนทุกท่านช่วยข้าสังหารที! แล้วก็อีกอย่าง ต่อจากนี้จะมีผู้ใดตามชำระแค้นหรือไม่?”
เขายังมีความกังวลใจอยู่เล็กน้อย ตนเป็นเพียงปุถุชน ไม่กลัวโจรขโมยก็กลัวโจรกลับมาขโมยอีก[1] หากถูกหมายตาขึ้นมา ตนก็อาจจะซวย
พวกฉินม่านอวิ๋นต่างสบสายตากันไปมา ทันใดนั้นก็มีแผนการในใจ “คุณชายหลี่โปรดวางใจ ข้ารับปากว่าจะจัดการให้สะอาจหมดจด ไม่มีผู้ใดมาล้างแค้น”
“เช่นนั้นก็ดี รบกวนพวกท่านแล้วจริง” หลี่เนี่ยนฝานผ่อนลมหายใจ เอ่ยตอบด้วยรอยยิ้ม
ฉินม่านอวิ๋นรีบกล่าว “คุณชายหลี่เกรงใจแล้ว แค่เรื่องเล็กน้อย อีกอย่างพวกเราพาท่านมา ย่อมเป็นหน้าที่ซึ่งไม่อาจปฏิเสธได้!”
………………………………………………
[1] ไม่กลัวโจรขโมยก็กลัวโจรกลับมาขโมยอีก เปรียบเปรยถึง ความบาดหมางที่จบไปแล้ว ไม่น่ากลัวเท่ารู้ว่าตนเป็นเป้าหมาย ที่ศัตรูจะกลับมาแก้แค้นเอาคืนอีกครั้ง