ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 136 ทายาทที่ไม่คู่ควร
“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องขอบคุณจริงๆ”
หลี่เนี่ยนฝานครุ่นคิดสักพักก็เอ่ยต่อ “ข้าเป็นเพียงคนธรรมดา สิ่งที่ทำได้มีไม่มากนัก ขีดเขียนวาดภาพก็นับว่าพอใช้ได้ หากพวกท่านไม่รังเกียจ อักษรแผ่นนี้ข้ามอบให้พวกท่าน”
ความโชคดีของตนไม่ต้องพูดถึง ได้ผูกมิตรกับผู้บำเพ็ญเซียนซึ่งมีคุณสมบัติยอดเยี่ยมมากมายเช่นนี้ แม้จะเกี่ยวข้องกับความสามารถพิเศษและฝีมือการทำอาหารของตน ทว่าสุดท้ายก็ช่วยตนแก้ป ปัญหาได้มาก ออกแรงแก้แค้นแทนตนด้วยซ้ำ
สหายดีมีคุณธรรม! สิ่งใดคือสหาย นี่ล่ะคือสหาย!
มอบแผ่นอักษรนี้…ให้พวกเรา?!
หวึ่ง!
พวกฉินม่านอวิ๋นทั้งสี่คนรู้สึกราวกับสมองระเบิด ตกสู่ความว่างเปล่าขาวโพลน ถูกขนมจากฟากฟ้า[1]ตกใส่หัวจนสลบ ตื่นเต้นดีใจจนสมองไม่สั่งการ
นี่คืออะไร?
พร!
พรอันยิ่งใหญ่!
กระดาษอักษรแผ่นนี้ เกรงว่ากระทั่งเซียนยังต้องอิจฉาตาร้อน
ยามนี้พวกเขารู้สึกขอบคุณหลิ่วหรูเซิงขึ้นมาทันที หากไม่ใช่เพราะเจ้าโง่นั่นรนหาที่ตาย มีหรือพวกเขาจะมีเวทีแสดงความสามารถดีๆ เช่นนี้?
คนดี ช่างเป็นคนดีที่ไม่ลังเลจะเสียสละตนเพื่อผู้อื่นโดยแท้!
ผ่านไปนาน หลี่เนี่ยนฝานเห็นพวกเขาไม่ตอบรับก็อดกระอักกระอ่วนไม่ได้ หรือว่าตนจะคิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว?
“หากไม่ต้องการ ก็ถือเสียว่าข้าไม่ได้พูดอะไรแล้วกัน”
“ต้องการ ข้าต้องการ!” ฉินม่านอวิ๋นใบหน้าแดงฉาน โก่งคอร้องตะโกน ไม่เหลือภาพลักษณ์ของสตรีอีกแล้ว
ลั่วซืออวี่ก็ไม่ยอมแพ้ แผดเสียงดัง “คุณชายหลี่ ให้ข้า ให้ข้าเถอะ!”
กระดาษอักษรที่ล้ำค่าเช่นนี้ หากพลาดไปเพราะความคิดฟุ้งซ่านชั่ววูบ เช่นนั้นตนคงเสียใจจนฆ่าตัวตายเป็นแน่
สุดท้าย โจวต้าเฉิงมือไวกว่าใคร ชิงหยิบกระดาษอักษรขึ้นมาก่อน ตื่นเต้นดีใจจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ ฉีกยิ้มกว้างใบหน้ายู่ยี่
เห็นท่าทีของพวกเขา หลี่เนี่ยนฝานก็แอบชื่นใจ
ที่แท้ล้วนแล้วแต่เป็นผู้มีอารยะหลงใหลในศิลปะ
ดูเหมือนว่านอกจากฝีมือการทำอาหารของตน ความสามารถพิเศษนี้ก็ยังทำให้ผู้บำเพ็ญเซียนชื่นชมด้วยความเลื่อมใสได้
หลังออกจากห้องหลี่เนี่ยนฝาน ทั้งสี่ก็พาหลิ่วหรูเซิงที่ครึ่งเป็นครึ่งตายแบกขึ้นหลังเดินไปอย่างลวกๆ
ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยขึ้น “ทุกท่านล้วนเป็นผู้ปราดเปรื่อง เชื่อว่าคงเข้าใจความหมายในคำพูดของคุณชายหลี่แล้วกระมัง?”
“นี่ไม่ใช่นัยยะแฝงครั้งแรกจากคุณชายหลี่ อีกอย่างนัยยะแฝงครั้งนี้ก็ชัดเจนมาก” จักรพรรดิลั่วยิ้มจางๆ “เขาบอกว่าไม่ต้องการให้มีผู้ใดตามชำระแค้น ความหมายก็คือให้พวกเราจัดกา ารกวาดล้างตระกูลหลิ่วให้เรียบ!”
ลั่วซืออวี่รีบพูด “กล่าวถูกต้อง ตระกูลหลิ่วสำหรับท่านผู้ยิ่งใหญ่ไม่นับเป็นสิ่งใด ทว่าหากถูกพวกแมลงวันน่ารำคาญเหล่านี้กัดเข้า แน่นอนว่าอาจมีผลกระทบกับสุนทรีย์ในการใช้ชีวิตเ เช่นปุถุชนของคุณชายหลี่ เรื่องนี้ไม่อาจละเลยได้ ต้องลงมือเก็บกวาดให้สะอาด!”
ทุกคนต่างพูดคุยเสวนา คล้ายไม่เห็นตระกูลหลิ่วอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง ราวกับเห็นเป็นปลาบนเขียง กำลังลับมีดเตรียมเชือด
ทำให้หลิ่วหรูเซิงรู้สึกท้องไส้ปั่นป่วน แทบไม่กล้าเชื่อหูตัวเอง
เขาเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “พวกเจ้ารู้ตัวไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่? พวกเจ้ามีสิทธิ์อะไรมากวาดล้างตระกูลข้า?”
“ตระกูลหลิ่วก็แค่มดแมลงตัวเล็กๆ เจ้ารู้ไหมว่าผู้อยู่เบื้องหลังพวกข้าเป็นใคร? เป็นปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่!” โจวต้าเฉิงเผยยิ้มเจ้าเล่ห์ พูดต่อว่า “จริงสิ เกือบลืมไป ข้าควรส่งเจ้ าเดินทางแล้ว”
“เจ้าจะฆ่าข้าหรือ?” ในที่สุดหลิ่วหรูเซิงก็หวาดกลัว เอ่ยอย่างหมดหวังด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เขาคือใครกันแน่? มีอะไรคู่ควรให้พวกเจ้าทำถึงเพียงนี้? บอกข้ามา ให้ข้าเข้าใจก่อนตาย ย!”
“เขาคือใครเจ้าไม่มีสิทธิ์รู้! ตายเป็นผีโง่งมไม่รู้ไม่เห็นอะไรเสียจะมีความสุขซะกว่า จำไว้ว่าชาติหน้าจงเกิดมาเป็นคนดี เพราะหากเป็นคนคลั่งต้องเกิดเคราะห์!” จักรพรรดิลั่วฉีกยิ้ มเยือกเย็น
เขาวาดมือเบาๆ ปล่อยงูไฟยาวเหยียดแผดเผาหลิ่วหรูเซิงจนหายวับไปในพริบตา!
ฉินม่านอวิ๋นเอ่ย “ไปกันเถอะ วาจาจากผู้ยิ่งใหญ่ พวกเราต้องจัดการให้เรียบร้อยเร็วที่สุด ตระกูลหลิ่วต้องหายไป! แผนการในวันนี้ พวกเราจะไปเกลี้ยกล่อมประมุขหุบเขาเมฆาครามให้เขาออ อกหน้า”
“เฮ้อ หากประมุขกักตัวบำเพ็ญไม่ออกมา ไหนเลยจะมีโอกาสให้หุบเขาเมฆาครามลงมือ?” โจวต้าเฉิงถอนหายใจ เอ่ยอย่างไม่เต็มใจ
ฉินม่านอวิ๋นกลับตอบว่า “ผู้ยิ่งใหญ่เคยพบกับบุตรชายบุตรสาวของประมุขหุบเขาเมฆาครามแล้ว นี่คงเป็นการเตรียมการด้านนี้ไว้ล่วงหน้า การวางหมากเช่นนี้ช่างน่าชื่นชมยิ่งนัก”
จักรพรรดิลั่วโพล่งขึ้นมา “ข้าว่าก่อนหน้านั้น พวกเราควรหารือว่าจะแบ่งกระดาษอักษรของผู้ยิ่งใหญ่กันอย่างไรดีหรือไม่?”
โจวต้าเฉิงทำหน้าสับสน เอ่ยอย่างไร้เดียงสา “กระดาษอักษร? เจ้าคงประสาทหลอนไปเองเป็นแน่ ข้าไม่เห็นจะเข้าใจว่าเจ้าพูดอะไร?”
จักรพรรดิลั่วโกรธจนเคราคด เอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด “เลิกแกล้งโง่ใส่ข้า นั่นเป็นของที่ผู้ยิ่งใหญ่ประทานให้พวกเรา ข้าเสนอว่าพวกเราสามารถผลัดกันชมเดือนละครั้ง! เป็นอย่างไร?”
……
หุบเขาเมฆาคราม
ณ เชิงเขา ท่ามกลางป่าไม้เขียวขจีปกคลุมนับไม่ถ้วน มีหอขนาดเล็กตั้งตระหง่านอยู่สิบกว่าแห่ง ระหว่างนั้นมีลำธารไหลผ่าน เมื่อเดินตามบันไดหินข้างลำธารไปด้านหน้า ก็จะพบอาคารโต๋วก่ง งสลับซ้อนกันแห่งหนึ่ง ซึ่งห้องโถงปูพื้นด้วยกระเบื้องทองคำ
สองพี่น้องกู้จื่อเหยาและกู้จื่ออวี่อยู่ในห้องโถง ยืนซ้ายขวาขนาบข้างชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง
ชายวัยกลางคนผู้นี้สวมชุดคลุมสีน้ำเงิน ใบหน้าเหลี่ยม หน้าตาให้ความรู้สึกสงบเบาสบายบางอย่าง คนผู้นี้ก็คือกู้ฉางชิง ประมุขหุบเขาเมฆาคราม
บัดนี้เขากำลังมองสองพี่น้องกู้จื่อเหยาด้วยรอยยิ้ม เอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “พวกเจ้าสองพี่น้องโวยวายเรียกข้ามาที่นี่ คิดจะทำสิ่งใด?”
กู้จื่ออวี่อดใจรอไม่ไหว “ท่านพ่อ ครั้งนี้ท่านผนึกภพมาร มีความดีความชอบ ข้ากับท่านพี่จึงเตรียมของกินมาเป็นรางวัลตอบแทนท่าน!”
กู้ฉางชิงยิ้มร่าอย่างมีความสุข “โอ้? น้อยครั้งพวกเจ้าจะใส่ใจเช่นนี้ เป็นของอะไรหรือ?”
“เร็วๆ นี้พวกเราได้พบกับผู้ยิ่งใหญ่ท่านหนึ่ง ของสิ่งนี้เป็นของชั้นดี รับรองว่าท่านต้องกินแล้วตื่นตะลึงเป็นแน่” กู้จื่ออวี่ยิ้มน้อยๆ จงใจทำให้ดูลึกลับ
กู้ฉางชิงส่ายหน้า “เอาล่ะ เลิกอุบไว้ได้แล้ว ตกลงเป็นสิ่งใดกันแน่?”
“เอาละน้า สิ่งนี้อย่างไรล่ะ!”
กู้จื่ออวี่ใบหน้ายิ้มแย้ม สองมือยื่นออกไป หมั่นโถวสีขาวหิมะปรากฏสู่สายตากู้ฉางชิง เขาถึงกับผงะอึ้ง
“นี่มัน…หมั่นโถว?”
กู้ฉางชิงแทบไม่อยากเชื่อ มองกู้จื่ออวี่ด้วยความตกใจ “เจ้านี่น่ะหรือที่เจ้าจะให้ข้ากินจนตื่นตะลึง หนังหนาแล้วรึ? เตรียมตัวถูกตีแล้ว?”
กู้จื่ออวี่รีบเอ่ย “ท่านพ่อ นี่ไม่ใช่หมั่นโถวธรรมดา ท่านลองชิมก็จะรู้”
“หากข้าลองชิมคงกลายเป็นไอ้โง่!” กู้ฉางชิงส่ายหน้า “เจ้ารู้ไหม? เจ้ากำลังดูถูกพ่อของเจ้า! ข้าผนึกภพมารด้วยความเหนื่อยยาก แต่เจ้ากลับนำของพรรค์นี้มาให้ข้ากิน?”
กู้จื่อเหยาเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “ท่านพ่อ หมั่นโถวชิ้นนี้ไม่ธรรมดาจริงๆ พวกเรานำมาจากท่านผู้ยิ่งใหญ่ ท่านรีบกินสักคำเถอะ”
กู้ฉางชิงเอ่ยสั่งสอน “จื่อเหยาเอ๋ย เหตุใดแม้แต่เจ้าก็ทำเรื่องไร้สาระไปด้วย? ทั้งโลกบำเพ็ญเซียนมีผู้ใดเหนือกว่าพ่อเจ้าอีกหรือ? มิใช่ข้าโอ้อวด อย่าว่าแต่หมั่นโถวเลย ขอเพียงโลก บำเพ็ญเซียนมี ไม่ว่าอยากกินอะไรแค่บอกคำเดียว!”
กู้จื่ออวี่กล่าวตรงๆ “ท่านพ่อ เลิกคุยโวได้แล้วน่า ครั้งก่อนพวกเราได้กินอาหารสุดหรู แบบที่ต่อให้เป็นท่าน แม้แต่คิดก็ยังไม่กล้าคิด หมั่นโถวชิ้นนี้ก็ห่อกลับมาจากที่นั่น ล่ะ”
“หมั่นโถวนี่ยังเป็นอาหารเหลือที่ห่อกลับมาอีกด้วย?”
กู้ฉางชิงสีหน้าย่ำแย่ยากจะทนมอง ทอดถอนใจอย่างอดไม่อยู่ “เหตุใดข้าถึงมีทายาทที่ไม่คู่ควรเช่นพวกเจ้ากัน!”
………………………………………………
[1] ขนมจากฟากฟ้า อุปมาว่าได้สิ่งที่อยากได้โดยไม่ต้องออกแรง