ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 141 ข้ายังต้องช่วยหรือไม่?
“ตุ้บ!”
ผู้คนบางส่วนที่จิตใจไม่เข้มแข็งร่วงตกลงพื้นด้วยความความตกใจ ส่วนมากเริ่มหนีออกห่าง
ควันดำที่ปกคลุมทั่วทุกหนแห่งสร้างแขนเล็กๆ สีดำมากมาย มือนับไม่ถ้วนดึงชายผ้าของเหล่าผู้บำเพ็ญเซียน ลากพวกเขาไปยังเหวลึกที่มืดมิด
สูญเสียผู้เฒ่าขั้นตู้เจี๋ยไปหนึ่งคน บวกกับความโกลาหลวุ่นวาย สถานการณ์ก็กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ใบหน้าทุกคนซีดเซียวราวกับขี้เถ้า นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและสยดสยอง
เมื่อมารตนนั้นเคี้ยวเสร็จ ตาทั้งสี่ก็กวาดมองและอ้าปากอีกครั้ง!
วินาทีนี้ เกิดแรงดูดมหาศาลจากปากของมัน ราวกับวาฬที่กลืนทะเล ควันดำเหล่านั้นนำพาผู้บำเพ็ญเซียนเข้าปากของมันไปทีละคนๆ
ทั้งหุบเขาเมฆาครามกลายเป็นแดนชำระอันน่าสังเวช
กู้ฉางชิงใบหน้าซีดขาวราวกระดาษ ดวงตาทั้งสองแดงก่ำ เขากระอักเลือดใส่ธงสีแดง พลังปราณถูกกระตุ้นขึ้นมาราวกับแม่น้ำ
แต่ธงได้ถูกควันดำกัดเซาะ ไม่หลงเหลือแสงสว่าง
เวลานี้สีหน้าโจวต้าเฉิงก็เปลี่ยนไป เขาร้องอุทาน “เทพธิดา!”
จักรพรรดิลั่วกระวนกระวาย ดึงลั่วซืออวี่ไว้ไม่ปล่อย แต่ก็ยังถูกดูดเข้าใกล้ปากมารเข้าไปทุกที ไม่ต่างจากฉินม่านอวิ๋น
แต่เขากลับเห็นว่า รอบกายฉินม่านอวิ๋นเปล่งแสงระยิบระยับ สิ่งเหล่านั้นคืออาวุธวิเศษป้องกันตนหายากที่ปกคลุมทั่วทั้งตัวของนาง ต่อต้านควันดำรอบตัว ทว่าพลังของนางก็ยังเป็นเ เพียงขั้นหยวนอิง ยังคงถูกมารดูดเข้าไปทีละนิด
ฉินม่านอวิ๋นกัดฟัน กัดริมฝีปากจนเลือดซิบ ดวงตาเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและไม่ยินยอม
นางไม่อยากตาย
โดยเฉพาะ….
นางหันกลับไปมองดูปากอัปลักษณ์ที่เต็มไปด้วยฟัน น้ำตาก็กลั้นไว้ไม่อยู่อีกต่อไป
ความตายเช่นนี้อนาถเกินไปแล้ว ไม่สมแก่หน้าตานางเลยแม้แต่น้อย
นางหันกลับไปมองทางหอคอยสูงอีกครั้ง บัดนี้เซียนเค่อจวีไม่มีแสงเทียนหลงเหลืออยู่แล้ว ดูเหมือนทุกคนจะเข้านอนกันหมด ไม่มีใครสังเกตเห็นทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่
กลางท้องฟ้า ฝนสาดกระหน่ำราวกับแท่งเสา ตบลงบนหน้าของนางอย่างหนัก ฟ้าแลบฟ้าร้องเป็นระยะ
หากเป็นไปได้ นางอยากคุกเข่าลงหันไปทางเซียนเค่อจวี แล้วขอแค่มีชีวิตอยู่ต่อไป
ใจกลางปากมารปรากฏกระแสน้ำวนสีดำสนิท และฉินม่านอวิ๋นก็มาถึงใจกลางกระแสน้ำแล้ว
ในตอนนี้เอง ลำแสงสว่างจ้าสายหนึ่งส่องสว่างขึ้นจากหน้าอกของนาง
แม้แสงสว่างจะไม่ใหญ่ แต่กลับสะดุดตาเป็นอย่างยิ่ง คล้ายกับเป็นแสงแห่งรุ่งอรุณเพียงดวงเดียวในความมืดอันไร้ที่สิ้นสุดนี้
ฉินม่านอวิ๋นผงะเล็กน้อย ก้มลงมองหน้าอกตน นกกระดาษที่เดิมทีห้อยอยู่บนหน้าอกลอยขึ้นอย่างช้าๆ รอบกายเปล่งแสงสว่างจ้า
จากนั้นมันก็หลุดออกจากสร้อยคอ กระพือปีกบินไปที่ใจกลางหุบเขาลึก ราวกับดวงดาวบนท้องฟ้า
วินาทีนี้โลกทั้งใบคล้ายกลายเป็นน้ำแข็ง ฝนห่าใหญ่กลายเป็นพื้นหลัง มีเพียงนกกระดาษที่กระพือปีกบินอยู่ไหวๆ ร่างกายราวกับเคลื่อนคลอนเล็กน้อยเพราะอยู่กลางสายฝน
มารที่อ้าปากอยู่สะดุ้งคล้ายกับหวาดกลัวบางอย่าง ดวงตาทั้งสี่จ้องมองนกกระดาษ เปลี่ยนจากสายตาที่เหลือเชื่อเป็นความหวาดกลัวไม่สิ้นสุด
ทุกคนแทบไม่อยากเชื่อสายตา มันหุบปากลงฉับพลันและหันตัวกลับ จมลงไปในหลุมดำอย่างไม่ลังเล น้ำเสียงหวาดกลัวปนโกรธเกรี้ยวดังแว่วมาในหูทุกคนอย่างแผ่วเบา “เหตุใดที่นี่จึงได้มีสิ่ งที่น่ากลัวถึงเพียงนี้ โลกนี้อันตรายเกินไปแล้ว ข้าไม่มาอีกแล้ว”
นกกระดาษยังคงไม่หยุด บินขึ้นลงด้วยท่าทางที่เหมือนจะตกลงได้ทุกเมื่อ ไล่ตามมารตนนั้นไป จนค่อยๆ หายเข้าไปในหลุมดำ
วินาทีถัดมา หลุมดำที่ถูกเปิดออก ค่อยๆ ปิดลง ควันดำรอบข้างก็สลายหายไป ทุกอย่างกลับคืนสู่ปกติ หากไม่ใช่เพราะผู้บำเพ็ญเซียนหายไปเป็นส่วนใหญ่ ทุกคนคงคิดว่าเมื่อครู่นี้เป็นเพี ยงแค่ความฝัน
กู้ฉางชิงอ้าปากค้างเป็นรูปตัว ‘O’ เขามองหลุมดำ ดวงตายังเต็มไปด้วยความสับสน
มหันตภัยมหึมาจบลงเช่นนี้น่ะหรือ?
เขายังอึ้งอยู่ ความรู้สึกที่เปลี่ยนจากนรกมาสู่สวรรค์ทำให้สมองของเขาหยุดทำงาน เหมือนกับฝันไปไม่มีผิด
ฉินม่านอวิ๋น ลั่วซืออวี่ และจักรพรรดิลั่วทรุดตัวลงกับพื้น ทั้งหมดต่างสบสายตา ในดวงตาอีกฝ่ายยังมองเห็นความตื่นตกใจสุดขีด
ฉินม่านอวิ๋นมองสร้อยคอที่ว่างเปล่าบนหน้าอกด้วยแววตาซับซ้อน ในใจทั้งนึกหวาดกลัวทั้งมีความสุข
หากเย็นวันนั้นตนไม่ได้เล่นฉินทำให้ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่สำราญใจ ผู้ยิ่งใหญ่ก็คงไม่ได้พับนกกระดาษตัวนั้นมอบให้ตน และวันนี้คงเป็นวันตายของนางเป็นแน่!
ตัวหมาก (棋子 ฉีจื่อ) ตัวหมากเซ่น[1] (弃子 ชี่จื่อ)
ต่างเพียงอักษร ห่างราวฟ้าดิน
เอาใจผู้ยิ่งใหญ่ได้เป็นตัวหมาก ทำผลงานได้ไม่ดีก็เป็นตัวหมากเซ่น!
จู่ๆ ฉินม่านอวิ๋นก็เข้าใจลึกซึ้งขึ้นอีกขั้น
นางนึกถึงคำพูดที่ท่านพ่อเคยสอน ‘ผู้ยิ่งใหญ่เลือกเราเป็นหมากถือเป็นเกียรติของเรา เราต้องทำผลงานให้ดี เป็นหมากตัวสำคัญที่สุดในมือเขา!’
ตอนนั้นนางยังไม่เข้าใจ บัดนี้นางรู้แล้ว
ยามนี้กู้ฉางชิงกับผู้เฒ่าทั้งสามเดินมาหาฉินม่านอวิ๋น และกล่าวอย่างจริงใจสุดซึ้ง “พวกเราชาวหุบเขาเมฆาคราม ซาบซึ้งบุญคุณแม่นางฉิน!”
“พวกท่านไม่ต้องขอบคุณข้า” ฉินม่านอวิ๋นได้สติ กลับส่ายหัวพูดเรียบๆ “ท่านควรขอบคุณผู้ยิ่งใหญ่ นกกระดาษนั่นก็เป็นแค่ของเล็กน้อยที่ผู้ยิ่งใหญ่พับเล่นๆ”
พับเล่นๆ?
ของเล็กน้อย?
กู้ฉางชิงเบิกตาโพลง แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง พูดด้วยเสียงสั่นเครือ “เป็น…เป็นความจริงรึ?”
ฉินม่านอวิ๋นมองเขาแล้วเอ่ยว่า “ท่านคิดว่าข้าจำเป็นต้องหลอกท่านหรือ?”
เฮือก
กู้ฉางชิงสูดหายใจ รู้สึกเพียงหนังศีรษะชาหนึบ ขนทั่วตัวลุกชัน
“เอ่อ คือ คือว่า…” น้ำเสียงเขาสั่นสะท้าน ตกใจจนพูดไม่ออก
นกกระดาษที่พับเล่นๆ สามารถขับไล่มารขนาดนั้นไปได้ ทั้งยังปิดผนึกทางเข้าโลกมาร นี่มันระดับใดกัน?
บนโลกจะมีคนเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
ก่อนหน้านี้โจวต้าเฉิงเรียกปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ว่าเป็นเทพ เขายังคิดว่าคุยโวเกินจริง มาบัดนี้เขาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย ฝีมือเช่นนี้ นอกจากเทพแล้วคงเป็นไปไม่ได้!
เมื่อได้ยินเรื่องน่าตกใจก็หวาดกลัวจนขวัญเสีย!
ที่สำคัญคือก่อนหน้านี้ตนเองยังสงสัยในพลังของผู้ยิ่งใหญ่ ตอนนี้คิดดูแล้วก็หนาวสันหลัง สั่นสะท้านไปทั้งตัว
หาเรื่องใส่ตัว เป็นการกระทำที่หาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ!
เขาร้อนรนกระวนกระวาย แม้แต่หายใจก็ไม่ราบรื่นนัก เพิ่งเดินออกจากประตูผี ก็ก้าวกลับเข้าไปอีกแล้ว
เขากัดฟันเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น “แม่นางฉิน เจ้าว่า…ข้า ข้ายังต้องช่วยหรือไม่? ยามนี้เป็นหมากของผู้ยิ่งใหญ่ยังทันหรือไม่?”
ฉินม่านอวิ๋นส่ายหน้า “ไม่รู้ ไปจัดการตระกูลหลิ่วแล้วค่อยว่ากันเถอะ”
กู้ฉางชิงพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า “สมควร สมควร ขจัดปัญหาให้ผู้ยิ่งใหญ่เป็นพรของข้า! หากมีเรื่องให้ส่งคนไปทำงาน ไม่ต้องเกรงใจ ฝากไว้ที่ข้าได้เลย!”
………………………………………………
[1] ตัวหมากเซ่น เป็นการยอมเสียสละตัวหมากหนึ่งเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่งหมากที่ดีกว่าหรือหนทางนำไปสู่ชัยชนะ