ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 144 เครื่องอัดอากาศ ห่อกลับบ้าน
ลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นอดยิ้มออกมาไม่ได้ น้ำนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะดื่มได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะฉินม่านอวิ๋นที่มุมปากโค้งขึ้นเล็กน้อย เมื่อคิดถึงหลายวันก่อนที่ตนมาเยี่ยม หลังจากเอ่ยปากร้องขออยู่หลายครั้ง กู้จื่อเหยาก็ยังไม่เต็มใจที่จะให้ธาราปลุกจิต ยามนี้ม มิใช่ว่านางได้ชิมอยู่ดีหรือ?
ได้เกาะขาใหญ่เช่นนี้เจ๋งสุดๆ ต่อไปต้องจับไว้ให้มั่น
ธาราปลุกจิต เน้นที่คำว่าปลุกจิต
แม้จะไม่สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งได้โดยตรง และไม่ได้ทำให้เกิดความตระหนักรู้แจ้ง ทว่าก็มีผลในการชุบหลอมจิตอย่างน่าอัศจรรย์
สำหรับผู้บำเพ็ญเซียน สติปัญญาก็เปรียบเสมือนดวงตาคู่ที่สอง ยิ่งสติปัญญาแข็งแกร่งขึ้นเท่าไหร่ ความสามารถในการมองทะลุภาพลวงตาและการต้านทานภาพลวงตาก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น และยังมีประโยชน์ต่อการทะลวงขั้นในภายภาคหน้าอีกด้วย
กู้จื่อเหยาพูดเปรียบเทียบว่า “คุณชายหลี่ น้ำถ้วยนี้มีคุณสมบัติปลุกจิต รสชาติไม่ด้อยไปกว่าเยลลี่แน่นอน”
จริงๆ นางไม่ต้องพูด ความสนใจของหลี่เนี่ยนฝานก็ถูกน้ำถ้วยนี้ดึงดูดลงไปอย่างลึกล้ำแล้ว แววตาของเขาเต็มไปด้วยความระลึกถึงและตื่นเต้น
เห็นได้ชัดว่าในน้ำถ้วยนั้น มีฟองอากาศเล็กๆ ผุดขึ้นมาลอยอยู่ในน้ำไม่หยุด ฉากเช่นนี้ช่างดูคุ้นเคยกับเขายิ่งนัก
น้ำแห่งความสุขของคนอ้วนที่ชอบเก็บตัวอยู่บ้าน!
นี่มันคือลักษณะของน้ำแห่งความสุขของคนอ้วนที่ชอบเก็บตัวอยู่บ้านนี่!
เขาขยี้ตา คิดว่าตนเห็นภาพหลอน
ความรู้สึกคุ้นเคยเกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด คิดไม่ถึงว่าคนในโลกบำเพ็ญเซียนก็รู้จักน้ำแห่งความสุขของคนอ้วนที่ชอบเก็บตัวอยู่บ้าน
หลังจากดูอยู่นาน เขาก็ยกถ้วยขึ้นจ่อตรงหน้า อดใจรอที่จะจิบดูไม่ไหว
รสชาติหวานเล็กน้อย ไม่ได้เป็นเหมือนที่จินตนาการไว้ แต่ทว่า ความรู้สึกระเบิดความสดชื่นยังมีอยู่!
ปากของเขาทั้งซ่าทั้งชา ยามกลืนลงไปคล้ายกับน้ำโลดเต้นอยู่ในลำคอ แม้แต่จิตวิญญาณก็สั่นสะท้าน ช่างเป็นคำที่สดชื่นจริงๆ
“นี่มันน้ำโซดา!”
หลี่เนี่ยนฝานอดพึมพำออกเสียงไม่ได้ เขามองถ้วยน้ำในมือ ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็ดื่มน้ำรวดเดียวหมดถ้วยโดยไม่พูดอะไรสักคำ
“อ้า สุดยอด!” จู่ๆ เขาก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมา
ความรู้สึกที่ห่างหายไปนานทำให้เขารู้สึกอยากร้องไห้
น้ำโซดาเป็นรูปแบบดั้งเดิมของสไปรท์ ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นน้ำแร่ที่อัดด้วยคาร์บอนไดออกไซด์
หลี่เนี่ยนฝานพยายามทำเครื่องดื่มอัดลมมากกว่าหนึ่งครั้ง แต่ก็ล้มเหลว องค์ประกอบของก๊าซในโลกบำเพ็ญเซียนแตกต่างจากโลกก่อนอย่างมาก
หากพูดให้ชัด ก๊าซในน้ำถ้วยนี้ไม่ใช่คาร์บอนไดออกไซด์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้หลี่เนี่ยนฝานไม่เรียกมันว่าน้ำโซดา
ทุกคนมีสีหน้าไม่คาดคิด ในใจยิ้มอย่างขมขื่น
อึกเดียวหมดอีกแล้วหรือ?
จิตวิญญาณของคุณชายหลี่เกรงว่าคงทรงพลังไร้เทียมทาน หากเราดื่มอย่างเขา วิญญาณคงระเบิดไปนานแล้ว
กู้จื่อเหยารีบให้คนเติมให้หลี่เนี่ยนฝาน และพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ถ้าคุณชายหลี่ชอบก็ดื่มอีกเถอะ”
“ขอบคุณนะ” หลี่เนี่ยนฝานยิ้ม จากนั้นก็อดทอดถอนใจไม่ได้ “แม้ว่าน้ำนี้จะคล้ายกับสิ่งที่ข้าเคยดื่มมาก่อน แต่รสชาติยังต้องปรับปรุงอีกมาก ช่วยบอกได้หรือไม่ว่าน้ำนี้มีกรรม มวิธีทำอย่างไร?”
กู้จื่อเหยามองหลี่เนี่ยนฝาน ทันใดนั้นก็กัดฟันและลุกขึ้นพูดว่า “คุณชายหลี่โปรดรอสักครู่ เดี๋ยวข้ากลับมา”
นางส่งสายตาให้กู้จื่ออวี่ตามไปด้วย
สองพี่น้องมาถึงห้องแห่งหนึ่ง ภายในห้องมีน้ำพุตื้นๆ จุดหนึ่ง ลูกปัดสีน้ำเงินขนาดเท่าเม็ดลำไยลอยอยู่เหนือปากน้ำพุ กลิ้งไปมาตามกระแสน้ำ
ปริมาณน้ำไม่เยอะมาก แต่ก็ล้วนเป็นธาราปลุกจิต
กู้จื่อเหยาสูดหายใจ ยกมือขึ้นแล้วหยิบลูกปัดสีน้ำเงินออกมา
กู้จื่ออวี่เบิกตาโพลง “ท่านพี่ ท่านเตรียมจะมอบไข่มุกปลุกจิตให้ปรมาจารย์จริงๆ หรือ?”
“วิสัยทัศน์ของเจ้ายังไม่พอ ยังต้องถามอีกหรือ?”
กู่จื่อเหยาส่ายหน้าเล็กน้อย ดวงตาเป็นประกาย “หายากที่ปรมาจารย์จะชื่นชอบ อารามเต๋าหลินเซียนมอบหยาดน้ำแข็งทมิฬพันปีให้ผู้ยิ่งใหญ่ได้ พวกเราก็สามารถมอบไข่มุกปลุกจิตได้เช่นกั น! ถึงเราจะแพ้ที่เส้นออกตัว แต่ให้รั้งท้ายไม่ได้เด็ดขาด!”
กู้จื่ออวี่พูดด้วยความกังวล “ท่านพี่ ท่านไม่กลัวท่านพ่อตำหนิเหรอ?”
“ท่านพ่อเป็นคนระดับใด ช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้ เขาคงมอบหมายหน้าที่ให้ไปนานแล้ว!”
กู้จื่อเหยาพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เจ้าต้องคอยสังเกตดวงตาของปรมาจารย์ไว้ให้ดี หากดวงตาของปรมาจารย์จับจ้องสิ่งใดนานกว่าห้าวินาที ก็หมายความว่าสิ่งนั้นเข้าตาของปรมาจารย์อ อย่างไม่ต้องสงสัย รีบจัดแจงใส่หีบห่อทันที เตรียมพร้อมมอบให้ปรมาจารย์ทุกเมื่อ!”
กู้จื่ออวี่พยักหน้าอย่างว่างเปล่า “ข้าเข้าใจแล้วนิดหน่อย!”
ไม่นานพวกเขาก็กลับไปที่โถงใหญ่ กู้จื่อเหยายื่นไข่มุกปลุกจิตให้หลี่เนี่ยนฝานและกล่าวอย่างนอบน้อม “คุณชายหลี่ ขอแค่ท่านใส่สิ่งนี้ลงไปในน้ำ ก็จะสามารถเปลี่ยนน้ำให้เป็น นน้ำ…น้ำโซดาได้”
“โอ้?” หลี่เนี่ยนฝานมองลูกปัดด้วยความประหลาดใจ “หรือนี่จะเป็นเครื่องอัดอากาศ ที่มีผลในการอัดก๊าซ?”
เครื่องอัดอากาศ?
กู้จื่อเหยาที่ได้ยินเช่นนั้นก็อึ้งไปเล็กน้อย แต่นางเป็นคนฉลาดมีไหวพริบ จึงกัดฟันพูดไปตามน้ำ “หากคุณชายหลี่ชอบเครื่องอัดอากาศนี้ ก็รับไว้เถอะ”
หลี่เนี่ยนฝานขมวดคิ้วเล็กน้อย “ข้ามาที่นี่มือเปล่า ยังเอาของกลับไปอีก...คงไม่ค่อยดีกระมัง”
กู้จื่อเหยาสีหน้าเบาสบายไร้กังวล พูดอย่างไม่ถือสา “คุณชายหลี่ นี่เป็นเพียงของเล็กน้อย สำหรับข้าแล้วจะมีหรือไม่มีก็มิใช่ปัญหา เป็นเพียงเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้สำคัญอะไร!”
ฉินม่านอวิ๋นและลั่วซืออวี่ดูการแสดงของกู้จื่อเหยาอยู่เงียบๆ ภายในทอดถอนใจเฮือกใหญ่ให้คนขี้ประจบอย่างอดไม่ได้ บอกว่าไข่มุกปลุกจิตเป็นของเล็กน้อย เจ้าไปเอาความกล้ามาจากท ที่ใด?
“เอ่อ…” หลี่เนี่ยนฝานลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อนึกถึงน้ำแห่งความสุขของคนอ้วนที่ชอบเก็บตัวอยู่บ้าน เขาก็ยากจะปฏิเสธได้จริงๆ “เช่นนั้นข้าก็ขอบังอาจรับไว้แล้วกัน ขอบคุณมาก ก”
กู้จื่อเหยาแอบดีใจ รีบพูดว่า “ไม่เป็นไร คุณชายหลี่ชอบก็ดีแล้ว”
อะไรคือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการคบหาผู้ยิ่งใหญ่น่ะหรือ? ก็กลัวว่าผู้ยิ่งใหญ่จะไม่ยอมรับของอะไรเลยน่ะสิ!
นี่นับว่าเป็นการผูกสัมพันธ์ที่ดี!
เวลาผ่านไปสักพัก สองพี่น้องกู้จื่อเหยาก็พาทุกคนไปที่โถงด้านข้างที่อยู่ถัดจากโถงใหญ่
โถงด้านข้างมีขนาดไม่ใหญ่ ของภายในไม่มีอะไรมาก มองปราดเดียวก็จะเห็นภาพสามภาพที่แขวนอยู่บนกำแพง ใต้ภาพเหล่านั้นมีโต๊ะแปดเซียนวางอยู่
เมื่อมองขึ้นไป ภาพวาดทั้งสามนั้นแตกต่างกันสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นเนื้อหาและอารมณ์ของภาพ
ภาพแรกเป็นชายชราผู้วิเศษ แขนเสื้อโบกสะบัด โบยบินผ่านเมฆหมอก ใบหน้าเปี่ยมรอยยิ้มอ่อนโยน
ภาพที่สองมีเพียงฟันแหลมคมกับดวงตาดุร้ายอยู่ท่ามกลางความมืด
ภาพที่สามเป็นงูหลามสีขาวตัวยาว
รูปแบบแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจึงดูออกได้ง่ายว่าภาพเหล่านั้นต้องการสื่อความหมายใด
กู้จื่อเหยาเอ่ยว่า “ภาพวาดทั้งสามนี้เป็นตัวแทนของสามฝ่าย เซียน มารและปีศาจ ตั้งแต่อดีตมีคำกล่าวที่ว่าปีศาจแบ่งเป็นดีชั่ว เซียนกับมารเข้ากันไม่ได้”
แน่นอนว่าโลกบำเพ็ญเซียนเต็มไปด้วยผู้รู้หนังสือ ภาพวาดทั้งสามมาอยู่ด้วยกันแล้วดูดีใช้ได้ทีเดียว
สามภาพจัดวางอยู่ด้วยกัน แม้แต่ในมุมมองของหลี่เนี่ยนฝานก็ถือได้ว่าเป็นภาพวาดที่ดี ไม่เพียงแต่ทักษะการวาดภาพเท่านั้น แต่ยังรวมถึงแนวคิดของภาพวาดด้วย ผู้วาดสามารถบรรยายควา ามแตกต่างระหว่างเซียน มารและปีศาจได้อย่างสมบูรณ์แบบ การทำเช่นนี้ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก