ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 147 หนึ่งกำปั้นลงพื้น โลกก็ระเบิด
ความพิเศษของอุ้งเท้าหมี ทำให้มันต้องใช้วัตถุดิบมากมาย อีกทั้งกระบวนการก็ไม่น้อยไปกว่าการทำอาหารมื้อใหญ่เลย
หลี่เนี่ยนฝานหยิบโอสถวิเศษและผักที่เหลืออยู่ออกมา ทันใดนั้นกลิ่นหอมรัญจวนก็ลอยฟุ้ง ชวนให้รู้สึกสดชื่น
หลังจากเล่นกับมีดงามเหล่านั้นไม่นาน ผักและโอสถวิเศษเหล่านั้นก็ถูกหั่นเป็นชิ้นๆ พร้อมที่จะใช้ประดับ
นอกจากโอสถวิเศษเหล่านี้ หลี่เนี่ยนฝานก็ยังเอาปลาหลี่แดงมาเป็นตัวเสริมด้วย
สองมือถือมีดเฉือนลงบนตัวปลา ทันใดนั้นเกล็ดปลาก็หลุดลอยออกไปสะท้อนกับแสงอาทิตย์เจิดจ้า
แหวกกลางตัว ควักเครื่องใน ล้างทำความสะอาด เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่วและราบรื่น
มุมปากกู้จื่ออวี่กระตุก รีบหันหน้าออกไป ไม่อาจทนมองตรงๆ
โหดร้าย เหตุใดมนุษย์ถึงได้โหดร้ายขนาดนี้
ฮือๆๆ ปลากับนกของข้าล้วนตายอย่างอนาถยิ่งนัก
ข้าตัดสินใจแล้ว ต่อไปข้าจะเป็นมังสวิรัติ!
หลังจากทำทุกอย่างนี้ หลี่เนี่ยนฝานก็หันไปสนใจอุ้งเท้าหมีในหม้อ
เปลวไฟของผู้บำเพ็ญเซียนนับว่าแรงใช้ได้ ธาราปราณในหม้อใกล้เดือดแล้ว เริ่มมีควันเดือดปุดๆ
อุ้งเท้าหมีสั่นสะเทือนเล็กน้อย
กลิ่นคาวลอยแทรกออกมาช้าๆ
หางตาหลี่เนี่ยนฝานหลุบมองเบาๆ ดึงอุ้งเท้าหมีออกมาวางไว้ข้างๆ เตรียมจะเทน้ำในหม้อทิ้ง
“คุณชายหลี่” กู้จื่อเหยากำลังเฝ้ารอเวลานี้ ไม่รู้ว่านางไปนำถังสีแดงใบใหญ่มาตั้งแต่เมื่อไหร่ นางพูดด้วยใบหน้าแดงก่ำ “เทน้ำลงในถังใบนี้เถอะ”
“ข้าประมาทแล้ว” หลี่เนี่ยนฝานนึกขึ้นได้ เขาอยู่ในที่ของคนอื่น จะเทน้ำทิ้งเรี่ยราดไปทั่วได้อย่างไร
คิดไม่ถึงว่าจิตสำนึกรักษ์สิ่งแวดล้อมของแม่นางผู้นี้จะแข็งแกร่งเพียงนี้
กู้จื่อเหยามองหลี่เนี่ยนฝานเทน้ำลงไป ดวงตาฉายแววตื่นเต้นราวกับได้พบสมบัติ
นี่คือธาราปราณเชียวนะ เอาให้ปีศาจที่เลี้ยงไว้กินก็ยังดีสุดๆ
หลังจากนั้นหลี่เนี่ยนฝานก็เทธาราปราณลงในหม้ออีกครั้ง หลังจากทำซ้ำเช่นนี้สามครั้ง กลิ่นคาวของอุ้งเท้าหมีก็หายไปอย่างสมบูรณ์ แต่ยังคงมีกลิ่นอายของธาราปราณผสมกับกลิ่นหอมข ของเนื้ออุ้งเท้าหมี กลายเป็นกลิ่นที่แปลกประหลาด ชวนให้ตั้งตารอ
เวลานี้เอง หลี่เนี่ยนฝานก็นำอุ้งเท้าหมีขึ้นจากน้ำแล้วลูบบนอุ้งเท้าหมีเบาๆ ขนสีดำบนอุ้งเท้าก็หลุดออกทั้งหมด เผยให้เห็นฝ่ามือเปลือยเปล่าด้านใน
หลี่เนี่ยนฝานขยับนิ้วเล็กน้อย มีดทำครัวหมุนอยู่ในมือของเขารอบหนึ่ง
มือข้างหนึ่งจับอุ้งเท้าหมี วางมีดไว้ด้านบน เฉือนเบาๆ ผิวหนังด้านหนาชั้นนอกสุดของอุ้งเท้าหมีถูกตัดออก จากนั้นใช้มีดทำครัวบากที่ฝ่ามือเล็กน้อยให้เนื้อคลายตัว
หลังจากนั้น มีดทำครัวก็เต้นระบำโบยบินในมือของหลี่เนี่ยนฝานราวกับผีเสื้อ ทุกคนมองเห็นเพียงแสงสะท้อนวิบวับของมีด กระดูกอุ้งเท้าหมีถูกเฉือนออกทีละชิ้น
พวกฉินม่านอวิ๋นมองหน้ากัน ในสายตาต่างเผยความสยดสยอง
“อึก”
เสียงกลืนน้ำลายของพวกเขาดังขึ้นพร้อมกัน
แม้หลี่เนี่ยนฝานไม่ได้ใช้พลังปราณ แต่พวกเขาก็รู้สึกได้ชัดเจนว่า ยามที่หลี่เนี่ยนฝานเล่นมีด ปลายมีดมีทำนองมรรคา ทำนองมรรคาราวกับกระแสน้ำที่กระเพื่อมออกไปตามมือที่เคล ลื่อนไหว เคลื่อนไหวอย่างอิสระ คล้ายกลมกลืนเข้ากับฟ้าดิน ดูลื่นไหลสบายตายิ่งนัก!
นี่หมายความว่าอย่างไร?
หมายความว่าไม่จำเป็นต้องใช้พลังปราณใดๆ เพียงมีดเล่มเดียว เขาก็สามารถตัดทุกสิ่งในโลกได้!
แม้เกินจริงไปหน่อย แต่ในใจพวกเขารู้ดีว่า หากตนตกอยู่ภายใต้มีดเล่มนี้ พวกเขาก็ไม่สามารถแม้แต่จะต่อสู้ดิ้นรน
นี่หรือผู้ยิ่งใหญ่? แค่ควงมีดขณะทำอาหารก็เพียงพอจะทำลายฟ้าดิน มิน่าถึงได้คิดถึงการมีชีวิตอยู่เยี่ยงปุถุชน หากเขาไม่ทำเช่นนี้ เผลอต่อยพื้นเข้า โลกไม่ระเบิดเลยหรือ?
น่ากลัว น่ากลัวยิ่งนัก!
พวกเขาพร้อมใจกันหดคอ หนังศีรษะชา ไม่กล้าคิดต่อ
ขณะที่กำลังหวาดกลัว ในใจพวกเขาก็อดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้
อาหารมื้อนี้เป็นอาหารมื้อใหญ่มื้อแรกในโลก หากได้กินสักคำ แม้แต่เซียนก็ยังต้องอิจฉา!
ตนต้องบำเพ็ญโชคแปดชั่วอายุคนมาเป็นแน่ ถึงได้รับความโปรดปรานจากคุณชายหลี่ มีความสุขจริงๆ!
ในที่สุดก็เกิดเสียง “ฉึบ” หลี่เนี่ยนฝานใช้มีดสับไปบนอุ้งเท้าหมีอย่างแรง
เรียบร้อย!
หลี่เนี่ยนฝานฉีกยิ้ม ใส่อุ้งเท้าหมีลงในหม้ออีกครั้ง ขณะเดียวกันก็เริ่มเทธาราปราณ
ความสูงของธาราปราณประมาณสองในสามของของอุ้งเท้าหมี
ถึงคราวเริ่มทำอาหารอย่างเป็นทางการ!
ส่วนผสมทั้งหมดที่เตรียมพร้อมแล้วถูกเทลงในหม้อ วางปลาไว้เหนืออุ้งเท้าหมี รู้สึกเหมือนอุ้งเท้าหมีกำลังจับปลา
จากนั้นก็เริ่มเคี่ยวอย่างช้าๆ
หลี่เนี่ยนฝานใส่เครื่องปรุงรสเป็นครั้งคราว
หลังจากใส่เครื่องปรุงทั้งหมด กลิ่นหอมจางๆ ก็ลอยออกมา ทุกคนเพิ่งจะสูดดมกลิ่นหอม ยังไม่ทันจะออกสีหน้าเคลิบเคลิ้ม หลี่เนี่ยนฝานก็ปิดฝาหม้อ
กลิ่นหอมหายไปในทันที
ความเสียใจพาดผ่านใบหน้าของทุกคน
หลี่เนี่ยนฝานเอ่ยว่า “ต่อไปแค่รอให้เดือดก็พอแล้ว อุ้งเท้าหมีมีความหนา หากอยากเพลิดเพลินกับรสชาติอย่างเต็มที่ ก็ต้องใช้เวลานาน”
ทุกคนพยักหน้าอย่างเชื่อฟังโดยดี
หลี่เนี่ยนฝานนึกถึงเครื่องอัดอากาศขึ้นมา ก็อดใจรอไม่ไหว คันไม้คันมืออยากลองดู เขาจึงเอ่ยว่า “ใช้โอกาสตอนนี้ ข้าจะทำน้ำแห่งความสุขของคนอ้วนที่ชอบเก็บตัวอยู่บ้านให้พวก เจ้าสักหน่อยแล้วกัน”
น้ำแห่งความสุขของคนอ้วนที่ชอบเก็บตัวอยู่บ้าน?
หรือว่าจะเป็นน้ำที่ทำให้คนมีความสุข??
ทุกคนตกตะลึง สีหน้าเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ
อันที่จริงเมื่อมีเครื่องอัดอากาศ การทำน้ำแห่งความสุขก็กลายเป็นเรื่องง่ายดาย
หลี่เนี่ยนฝานเทธาราปราณลงในถ้วย จากนั้นก็นำส้มออกมาคั้นน้ำ ผสมกับธาราปราณ
เมื่อน้ำส้มกับธาราปราณผสมเข้ากันอย่างสมบูรณ์แล้ว เขาก็นำเครื่องอัดอากาศออกมาแล้วลองใส่ลงในถ้วย
เพราะเป็นครั้งแรกที่ใช้เครื่องอัดอากาศ เขาจึงไม่ค่อยแน่ใจว่าใช้งานอย่างไร
กู้จื่อเหยาอ้าปากค้าง พูดอย่างอดไม่ได้ “เอ่อ…คุณชายหลี่ เครื่อง เครื่องอัดอากาศนั่นเกรงว่าต้องใช้เวลาสักพัก”
หลี่เนี่ยนฝานผงะเล็กน้อย “ต้องใช้เวลาหรือ? คงไม่นานเกินไปกระมัง?”
หากใช้เวลาไม่นาน ข้าก็คงไม่เอ่ยปากออกไปหรอก
ต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งปี เพื่อเปลี่ยนน้ำหนึ่งถ้วยให้เป็นธาราปลุกจิต ยิ่งน้ำมากเท่าไหร่ เวลาที่ต้องใช้ก็นานขึ้นเท่านั้น
กู้จื่อเหยากำลังเรียบเรียงคำพูด คิดว่าจะพูดอย่างไรดี
ทันใดนั้น เสียง “ซ่าา” จากถ้วยก็ดังขึ้น
กลับเห็นว่าไข่มุกปลุกจิตลอยอยู่ในถ้วยและหมุนอย่างช้าๆ คล้ายกับมีก๊าซอยู่ในน้ำ ฟองเล็กๆ พุ่งออกมาพร้อมกับเสียงซ่า
ปากกู้จื่อเหยาอ้าออกเล็กน้อย ราวกับว่านี่เป็นครั้งแรกที่นางรู้จักไข่มุกปลุกจิต
“ใช้เวลาไม่นานเท่าไหร่นี่ นี่ก็เริ่มแล้ว” หลี่เนี่ยนฝานหัวเราะฮ่าๆ มองเครื่องอัดอากาศที่กำลังทำงานด้วยความสงสัย ฉุดความคิดหนึ่งขึ้นมา จึงเอ่ยถามว่า “สิ่งนี้ควบคุมด้วยเสีย ยงเช่นกันหรือไม่?”
ก่อนที่กู้จื่อเหยาจะตอบกลับไป เขาก็เอ่ยขึ้นอย่างอดใจรอไม่ไหว “เร่งความเร็วอัดอากาศ”
“วื้ด”
อย่างที่คาดไว้ เครื่องอัดอากาศเริ่มหมุนเร็วขึ้น แม้แต่น้ำในถ้วยก็เริ่มกระเพื่อม เพียงครู่เดียวน้ำแห่งความสุขของคนอ้วนที่ชอบเก็บตัวอยู่บ้านก็เสร็จสมบูรณ์
“เอ่อ นี่มัน…” ใบหน้าของกู้จื่อเหยาว่างเปล่า ข้าจำได้ว่าไข่มุกปลุกจิตไม่ได้เป็นแบบนี้นี่? หรือข้าจำผิด?
หลี่เนี่ยนฝานพยักหน้าอย่างพึงพอใจ พูดด้วยรอยยิ้ม “ควบคุมด้วยเสียงจริงๆ ด้วย เป็นของดี!”
กู้จื่อเหยารีบฝืนยิ้มเป็นธรรมชาติ “ควบ…ควบคุมด้วยเสียงจริงๆ ด้วย เรื่องนี้คุณชายหลี่ก็ยังรู้ น่าทึ่งยิ่งนัก”