ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 150 อื้อ หอมจัง!
เวลานี้เอง หลังจากเกิดเสียงดัง “ตึง”
ก็เห็นเสี่ยวไป๋เดินมาพร้อมกับกองอุปกรณ์ออกกำลังกาย
กลิ่นอายของมันแตกต่างจากช่วงเวลาปกติมาก แม้แต่น้ำเสียงก็จริงจังมาก “ไม่ต้องเถียงกันแล้ว ด้านกำลังกายเสี่ยวไป๋เชี่ยวชาญเป็นเลิศ เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเองดีกว่า!”
การโต้เถียงสงบลง ทุกคนต่างมองไปที่เสี่ยวไป๋อย่างสงสัย
“เราต้องเชื่อในวิทยาศาสตร์ ดังนั้นการออกกำลังกายทางวิทยาศาสตร์จึงมักจะมีประสิทธิภาพที่สุด!” เสี่ยวไป๋เอ่ยเรียบๆ “ข้าจะจัดการอย่างเหมาะสมตามความสามารถของพวกเขา แผนการฝึกอบรมที่ปร รับให้เหมาะสม พวกเจ้าคอยช่วยเหลือข้าอยู่ข้างๆ ก็พอ”
มันพูดจบก็มองไปยังปีศาจทั้งสี่ตัวด้วยดวงตาคมกริบเป็นประกาย ราวกับกำลังวิเคราะห์ข้อมูล
ปีศาจทั้งสี่พร้อมใจกันรู้สึกประหม่า ราวกับเด็กประถมยามอยู่ต่อหน้าครู พวกมันยืนตัวตรง เชื่อฟังเป็นอย่างมาก
ปีศาจหมีดำมองดูสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างสั่นสะท้าน พูดด้วยน้ำเสียงเจือสะอื้น “ขอ...ขอพี่ใหญ่ทุกท่านโปรดสงสารพวกเราด้วย”
…
หุบเขาเมฆาคราม
“พึ่บๆๆ!”
เสียงปะทุดังมาจากในหม้อ ไอน้ำกระพือพัดฝาหม้อขึ้นลงไม่หยุดจนเกิดเสียงกระทบกัน
ไอน้ำบางส่วนที่อบอวลด้วยกลิ่นหอมของอุ้งเท้าหมีเล็ดลอดปกคลุมทั่วบริเวณในทันที ชวนให้ทุกคนที่ดื่มน้ำแห่งความสุขสูดจมูกดม ทันใดนั้นสติก็กลับคืนมา สองตาจ้องมองหม้อต้ม
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มและพูดพึมพำ “ใกล้แล้ว”
จากนั้นเขาก็ยกฝาขึ้น
ว้าว!
วินาทีนี้ ราวกับมีเสียงน้ำขึ้นน้ำลงดังอยู่ในหูของทุกคน กลิ่นหอมส่งเสียงได้จริงหรือ?
ทุกคนไม่มีเวลาไปสนใจมากนัก หลงใหลอยู่ในห้วงกลิ่นหอมลึกล้ำ
หอมจัง!
ช่างหอมหวนจริงๆ!
กู้จื่ออวี่ผงะนิ่ง ในที่สุดสองมือของเขาก็หยุดบิน และลงมาสู่พื้นอย่างรวดเร็ว ทว่าเขากลับไม่ได้รู้สึกรู้สา แต่จ้องมองหม้อต้มด้วยใบหน้าล่องลอย
น้ำแกงเริ่มข้น สีของน้ำเริ่มเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ แค่มองดูก็ทำให้ความอยากอาหารของแต่ละคนพลุ่งพล่านในทันที
ปุดๆๆ…
น้ำแกงเดือดพล่าน ปะทุขึ้นลงไม่หยุด ระเบิดกลิ่นหอมหวนล้นทะลักเข้าไปถึงส่วนลึกของจิตวิญญาณ
“ทำ…ทำไมหมีน้อยกับปลาน้อยของข้าถึงได้หอมขนาดนี้?” กู้จื่ออวี่รู้สึกปากแห้ง น้ำลายมากมายหลั่งไหลออกมา ลูกกระเดือกก็เคลื่อนไหวไปมาไม่อยู่นิ่ง
เขาผละสายตาออกอย่างยากลำบาก แล้วยกขาขึ้นค่อยๆ ถอยหลังออกไป กระทั่งไปนั่งยองๆ ที่มุมกำแพง ดูน่าสงสาร อ่อนแอ อับจนหนทาง
ข้า กู้จื่ออวี่ ต่อให้อยากกินแค่ไหน ก็ไม่มีทางกินพี่น้องของข้าแม้แต่คำเดียว!
พวกเจ้าไม่ต้องมาโน้มน้าวข้า ปล่อยให้ข้าร้องไห้อยู่คนเดียวก็พอ
แน่นอนว่าคนอื่นไม่สนใจเขา ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่หม้อต้ม
ดับไฟ ยกหม้อ
หลี่เนี่ยนฝานนำช้อนตักไปมาในหม้อเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าน้ำแกงข้นหนืดติดช้อนยืดเป็นเส้นแสนเย้ายวน
ควันลอยฟุ้ง
กลิ่นหอม…ยิ่งเข้มข้นขึ้น
สตรีทั้งสามต่างสบตากัน พร้อมใจกลืนน้ำลาย ดวงตางามจ้องมองหม้อต้ม เตรียมชามและตะเกียบไว้ในมือพร้อม
หลังจากหลี่เนี่ยนฝานคนเบาๆ ก็ตักอุ้งเท้าหมีกับปลาหลี่ขึ้นจากหม้อมาจัดใส่จาน
ถึงบัดนี้ เขายังคงรักษาสภาพอุ้งเท้าหมีจับปลาไว้ได้ดังเดิม เติมน้ำแกงสีแดงเข้มข้นลงไปอีกชั้น น้ำแกงที่เคลื่อนไหวแผ่กระจายส่งกลิ่นหอมและไอร้อน ช่วยชูอุ้งเท้าหมีกับปลาได้อ อย่างสมบูรณ์แบบ สะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับกลางแดดอย่างสวยงาม
หลี่เนี่ยนฝานดูงานตัวเองด้วยความพึงพอใจ หยิบชามและตะเกียบ พูดอย่างอดใจไม่ไหว “ได้แล้ว เริ่มกินกันเลย”
สตรีทั้งสามพยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า แทบจะยื่นตะเกียบไปหาอุ้งเท้าหมีในทันที
เมื่อสัมผัสอุ้งเท้าหมีก็ต้องตกใจ
คิดไม่ถึงว่าเนื้ออุ้งเท้าหมีจะนุ่มนิ่มเพียงนี้ แค่สัมผัสเบาๆ ก็เป็นรูบุ๋มให้ตะเกียบจมลง ตวัดเล็กน้อยเนื้อก็ติดขึ้นมา
วินาทีถัดมาแสงประกายระยิบระยับก็เอ่อล้นออกมาจากช่องว่างที่ถูกฉีก ราวกับไข่มุกที่ถูกชะล้างสิ่งปนเปื้อน งดงามละลานตา
“นี่ นี่มัน…”
สวยสุดๆ เลย เจ๋งจริงๆ!
อาหารเปล่งประกายได้!
นี่นับว่าเกิดนิมิตฟ้าดินหรือเปล่า?
สตรีทั้งสามกลืนน้ำลายอีกครั้ง
แสงระยิบระยับบวกกับกลิ่นหอมเข้มข้นที่ชวนหลงใหล แทบจะทำให้มึนเมาจนโงหัวไม่ขึ้น
ส่วนกู้จื่ออวี่ที่แอบมาทางนี้จากมุมห้อง ก็ตกตะลึงเช่นกัน จากตอนแรกที่เช็ดน้ำตาก็เปลี่ยนมาเช็ดน้ำลายอย่างเงียบๆ
หลังจากถูกฉีกออก เนื้ออุ้งเท้าหมีที่อ่อนนุ่มอยู่แล้วคีบง่ายโดยไม่ต้องระวัง ก็ลื่นเล็กน้อยเพราะน้ำแกง ราวกับเด็กซนที่พยายามจะหนีจากตะเกียบ
หญิงสาวทั้งสามก็อดแสดงสีหน้าจริงจังออกมาไม่ได้ ทั้งใส่ใจและระมัดระวัง
เมื่อเนื้ออุ้งเท้าหมีมาถึงตรงหน้า ก็อดทอดถอนใจด้วยความโล่งอกไม่ได้ โชคดีที่ไม่หล่นระหว่างทาง
จากนั้นก็แทบอดใจไม่ไหวที่จะรอคีบเนื้อหมีใส่ปาก
ทันใดนั้นรสสัมผัสยอดเยี่ยมถึงขีดสุดพร้อมกับกลิ่นหอมเข้มข้นทำให้ร่างบางผงะ เผยสีหน้าหลงใหล
ไม่เหมือนกับน้ำแห่งความสุข น้ำแห่งความสุขเป็นของเหลว ซึ่งทำให้คนรู้สึกชุ่มชื่นสบายคอ ทว่าเนื้อนี้ทำให้คนอิ่มได้ โดยเฉพาะบริเวณท้อง เมื่อกลืนลงไปก็เกิดความอบอุ่น ชวนให้รู สึกพึงพอใจอย่างสุดซึ้ง
“หมุบหมับๆๆๆ”
สตรีทั้งสามพร้อมใจกันเคี้ยว ทุกคำที่กัด เนื้อหมีที่ยืดหยุ่นหนึบหนับก็สั่นไหวอยู่ในปาก ให้ความรู้สึกที่แตกต่างออกไป
อร่อยจัง อร่อยจริงๆ!
พวกนางลืมทุกอย่าง ตะเกียบในมือเคลื่อนไปมาระหว่างหม้อกับปากเล็กๆ สมองนอกจากกินๆๆ ก็ไม่นึกถึงสิ่งอื่นใดอีก
กู้จื่ออวี่ตัวสั่นเทิ้มอยู่ที่มุมห้อง
ไม่ใช่เพราะหวาดกลัว แต่เพราะพยายามควบคุมตัวเองสุดกำลัง
พวกท่านสตรีสามคนเนี่ยไม่ไหวเลย ช่วยกินข้าวไม่อ้าปากจะได้ไหม?!
เรื่องนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ส่งเสียงครวญครางเป็นครั้งคราวนี่มันอย่างไรกัน? ถึงจุดสุดยอดแล้วหรือ?
ภาพลักษณ์สตรีของพวกท่านล่ะ? ความอ่อนน้อมสง่างามล่ะ? มิใช่ว่าตั้งใจใช้โอกาสนี้เกลี้ยกล่อมผู้ยิ่งใหญ่รึ?
ไร้ยางอายจริงๆ!
ฮือๆๆ ข้าอดทนมามากพอแล้ว พวกท่านยังมีแก่ใจมาทรมานข้าแบบนี้อีก จะมากไปแล้ว ไม่ไหว ทำให้ข้าอยากจะตายอยู่แล้ว!
ในที่สุด เขาทนไม่ไหวอีกต่อไป กลั้นใจลุกขึ้นเดินมาทางนี้
ในขณะที่ยังปลอบใจตัวเองว่า ‘ข้าไม่กินเนื้อสัตว์ แค่จะดื่มน้ำแกงนิดเดียว ไม่นับว่ากินน้องชายข้า’
เขากลืนน้ำลาย หยิบตะเกียบจุ่มลงในน้ำแกงสีแดงข้น แล้วอ้าปากกลืนมันอย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นกลิ่นหอมของเนื้อหมีก็ถาโถมเข้าเต็มปาก กลิ่นหอมนั้นทำให้เขาหยุดไม่ได้ วิญญาณแทบจะสั่นสะท้าน
“อะ อร่อยเหลือเกิน!”
เขาเบิกตาโพลง อดไม่ไหวที่จะกัดตะเกียบแน่น แทบจะกินไปทั้งตะเกียบ
ไม่อาจใช้คำพูดใดบรรยายความอร่อยนี้ได้ สิ่งเดียวที่แสดงออกได้ก็คือการกระทำ
เขารีบคีบเนื้อชิ้นหนึ่งยัดเข้าปาก “ฮือๆๆ หมีน้อย ปลาน้อย ยกโทษให้ข้าด้วย ข้าไม่รู้จริงๆ ว่าเจ้าอร่อยขนาดนี้ อื้อ หอมจัง…”