ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 4 ปีศาจปรากฏกาย
ลั่วซืออวี่เดินไปใจอย่างอัดอั้นตันใจ ด้านหลี่เนี่ยนฝานก็กลับสู่ชีวิตละทางโลกอีกครั้ง
ดีดฉิน ปลูกดอกไม้ ตกปลา มีอารมณ์สุนทรีย์ขึ้นมาก็จะประพันธ์บทกลอนวาดภาพ ดึ่มด่ำในอารมณ์สุนทรีย์
ในวันนี้ เขานั่งตกปลาอยู่ข้างสระน้ำหลังบ้าน ต้าเฮยนอนอยู่ข้างเท้าของเขา จ้องมองไปในสระเงียบๆ
“น่าแปลก ทุกเดือนฉันจะปล่อยลูกปลาลงไป ทำไมตกไม่ได้ปลาเลยล่ะ”
หลี่เนี่ยนฝานจับเบ็ดตกปลา คิ้วขมวดมุ่นเป็นปม มองไปยังต้าเฮยด้วยความเคลือบแคลงใจ “แกแอบขโมยกินใช่ไหม ฉันจำได้ว่าตอนแรกฉันก็ปล่อยปลาคาร์ปสีทองลงไปแล้วหนิ ตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เงา”
ต้าเฮยคลานขึ้นมาตัวสั่นงก ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา ส่ายหน้าราวกับเป็นมนุษย์
“ดูท่าน่าจะต้องลงเขาไปซื้อลูกปลามาอีกสักหน่อยแล้ว”
หลี่เนี่ยนฝานไม่ได้ซักไซ้ไล่เลียง เมื่อเห็นว่าตกปลาไม่ได้ จึงเก็บเบ็ดตกปลา ลุกขึ้นลงจากเขา
การตกปลาทำให้คนเรารู้สึกเงียบสงบผ่อนคลายทั้งร่างกายและจิตใจ หลี่เนี่ยนฝานชื่นชอบความรู้สึกแบบนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาชอบรสชาติสดใหม่ของเนื้อปลา น่าเสียดายที่วันนี้อดกินซะแล้ว
“เสี่ยวไป๋ นายอยู่เฝ้าบ้านนะ”
“ได้ครับ นายท่านที่รัก”
หลี่เนี่ยนฝานและต้าเฮย คนหนึ่งสุนัขหนึ่งเดินลงเขาไป
ห้าปีที่ผ่านมา แม้ว่าหลี่เนี่ยนฝานใช้ชีวิตในแนวทางที่คล้ายคลึงกับการปลีกวิเวก แต่ก็ไม่ได้ตัดขาดจากโลกภายนอก เขาไม่ได้เป็นผู้บำเพ็ญเซียนสักหน่อย ไม่ได้เจอผู้คนนานเกินไป เขาอาจเป็นบ้าได้ อีกทั้งภูเขาที่เขาอยู่ก็ไม่ได้อยู่ห่างจากเมือง
เมืองนี้มีชื่อว่าเมืองลั่วเซียน ในเมืองมีแต่ปุถุชน บางครั้งก็มีผู้บำเพ็ญเซียนย่างเท้าเข้ามา และยังเคยมีเรื่องเล่าขานกันว่าเซียนได้พบกับผู้มีชะตา จึงรับเป็นลูกศิษย์
“อ้าว คุณชายมาแล้ว”
“คุณชายหลี่ มาชิมหมั่นโถวแป้งขาวนี่เร็ว ไม่เก็บเงินท่าน”
“คุณชายหลี่ เข้าเมืองมาครั้งนี้จะซื้ออะไรหรือขอรับ อยู่ก่อนสักพักสิ”
“นั่นสิ ข้ามีตั้งหลายเรื่องอยากขอคำชี้แนะจากท่านสักหน่อย”
เพิ่งจะเข้าเมืองมา ก็มีคนคุ้นเคยไม่น้อยเข้ามาทักทายหลี่เนี่ยนฝาน
ห้าปีที่ผ่านมา หลี่เนี่ยนฝานลงเขาเป็นครั้งคราว แม้ว่าเขาจะไม่ได้บำเพ็ญเซียน แต่ด้วยการบ่มเพาะฝึกฝนสรรพวิชาจากระบบ เมื่อถ่ายทอดความรู้บางครั้งก็ทำให้ผู้คนประหลาดใจ เมื่อพบคนป่วยก็จะช่วยรักษาให้ ผู้คนมากมายในเมืองลั่วเซียนนั้นเคยได้รับน้ำใจจากเขา
หลี่เนี่ยนฝานยิ้มตอบทีละคน เดินมาจนถึงตลาดของเมืองลั่วเซียนอย่างชำนาญลู่ทาง ตรงไปยังด้านหน้าของแผงขายปลาโดยเฉพาะ
“คุณชายหลี่ มาซื้อลูกปลาอีกแล้วหรือ” เถ้าแก่เจ้าของแผงคุ้นเคยกับหลี่เนี่ยนฝานแล้ว เอ่ยทักทายอย่างยิ้มแย้ม
หลี่เนี่ยนฝานพยักหน้า “อื้ม ครั้งนี้ข้าจะซื้อมากหน่อย เอาสักสองเท่าของครั้งก่อน!”
“ได้เลย!” เถ้าแก่ยิ้ม เตรียมสินค้าพลางเอ่ย “คุณชายหลี่ ก่อนหน้านี้ไม่นานท่านก็เพิ่งมาซื้อ ทำไมครั้งนี้ซื้อมากขนาดนี้เล่า”
หลี่เนี่ยนฝานถอนหายใจเบาๆ ตอบว่า “อย่าให้พูดเลย เห็นๆ อยู่ว่าข้าเลี้ยงลูกปลาเอาไว้ในสระ แต่กลับตกไม่ได้ปลาสักตัว”
เถ้าแก่เจ้าของแผงชะงักไปชั่วขณะ กดเสียงเบาพูดอย่างระแวดระวัง “คุณชายหลี่ นี่มันออกจะแปลกไปหน่อยนะ”
“ข้าก็คิดอย่างนั้น”
เถ้าแก่เตือนว่า “คุณชายหลี่ ข้าว่าระวังไว้เป็นดี ไม่แน่ว่าสระน้ำนั่นอาจจะมีปีศาจอยู่ก็ได้ อยู่ให้ห่างไว้จะดีกว่า”
หลี่เนี่ยนฝานรู้สึกตระหนกขึ้นมาเล็กน้อย
คงไม่มีปีศาจอยู่จริงๆ หรอกมั้ง
ปลาพวกนั้นที่ตนเลี้ยงไว้ ถูกปีศาจกินไปหมดแล้วเหรอ?
เขารู้สึกใจโหวงอยู่บ้าง แต่เขาอยู่ที่เรือนสี่ประสานมาห้าปีแล้ว ทำใจย้ายออกไม่ได้ อีกอย่างถ้าหากย้ายออกไปแล้ว เขาก็ไม่มีที่อยู่น่ะสิ
“คุณชายหลี่ ที่ร้านข้ามีเต่าดาวอยู่พอดี ปกติแล้วเต่าชนิดนี้จะไม่ย้ายที่อยู่ อีกทั้งจะขึ้นจากน้ำมาอาบแดดตอนเที่ยงทุกวัน ท่านเอามันไปปล่อยในสระ ถ้ามันอยู่ดีไม่เป็นอะไร ก็แสดงว่าสระน้ำนี้ปลอดภัย” เถ้าแก่เสนอความคิดแก่หลี่เนี่ยนฝาน
นี่เท่ากับว่าใช้เต่าดาวไปหยั่งเชิง ถ้าตอนเที่ยงมันไม่ขึ้นมาจากสระ ก็เป็นไปได้มากที่จะถูกปีศาจกิน
หลี่เนี่ยนฝานดวงตาพลันเป็นประกาย พูดขึ้นทันใด “เถ้าแก่ ข้าซื้อเต่าตัวนี้!”
“คุณชายหลี่ ถ้าไม่ใช่เพราะท่าน ป่านนี้ร้านข้าก็คงล้มละลายไปแล้ว เต่าดาวตัวนี้ยังเยาว์วัยนัก ไม่ใช่ของรักของหวงอะไร ข้าจะไปเก็บเงินท่านได้อย่างไร”
สุดท้ายแล้ว เต่าดาวก็กลายเป็นแถมมาพร้อมกับลูกปลา โดยไม่ได้คิดเงิน
หลี่เนี่ยนฝานรับลูกปลากับเต่าดาวมา เตรียมตัวกลับไปทดสอบว่าในสระน้ำมีปีศาจหรือไม่
เมื่อเดินมาถึงประตูเมือง กลับพบว่ามีคนมาออกันอยู่ที่นี่ไม่น้อย ทั้งยังมีเสียงร่ำไห้ดังมา
ท่ามกลางฝูงชน หญิงวัยกลางคนนอนฟุบอยู่ที่พื้น น้ำตาไหลรินเป็นสาย
หลี่เนี่ยนฝานรุดรีบเข้าไปไต่ถาม “ป้าจาง เกิดอะไรขึ้น”
ป้าจางท่านนี้เป็นคนจิตใจดีมีน้ำใจ ตอนที่หลี่เนี่ยนฝานมายังโลกเซียนแรกๆ ก็ยังได้รับความช่วยเหลือจากป้าจาง
เมื่อป้าจางเห็นหลี่เนี่ยนฝาน แววตาก็ปรากฏเสี้ยวความหวังขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ รีบร้อนตอบ “คุณชายหลี่ เจ้ามีความสามารถ ช่วยนานนานด้วยเถิด นางถูกปีศาจจับไปแล้ว”
“นานนานถูกปีศาจจับไป?”
ใจของหลี่เนี่ยนฝานพลันเย็นวาบ เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกกังวล
ในสมองของเขามีภาพของเด็กผู้หญิงน่ารักสดใสคนหนึ่งปรากฏขึ้นอย่างอดไม่ได้
เขาจดจำนานนานได้แม่น เด็กหญิงเกล้าเปียเล็กๆ สองเส้น ทุกครั้งที่เห็นตนก็จะเอ่ยเรียกว่าพี่ชายอย่างว่าง่าย เด็กนั้นเป็นเทวดาตัวน้อยโดยธรรมชาติ ทำให้คนล้วนแต่เอ็นดู
“ป้าจางท่านเลอะเลือนไปแล้ว ถึงแม้คุณชายหลี่จะมีความรู้ความสามารถเหลือล้น แต่เขาก็เป็นเพียงปุถุชน ท่านให้เขาไปก็เท่ากับทำร้ายเขาไม่ใช่หรือ?”
“ข้าว่าอย่าเพิ่งรีบร้อน มีผู้บำเพ็ญเซียนสามคนขึ้นเขาไปแล้วไม่ใช่หรือ ต้องช่วยนานนานได้แน่”
“สามคนนั้นท่าทางองอาจ มองดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา นานนานต้องไม่เป็นไร”
“เฮ้อ นี่มันอะไรกัน ปีศาจกล้าเข้ามาก่อเรื่องในเมืองเชียว”
ผู้คนถกเถียงกันไปต่างๆ นานา แม้จะมีใจอยากช่วย แต่ก็ไร้ความสามารถ
หลี่เนี่ยนฝานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยปากว่า “ป้าจาง ท่านอย่าเพิ่งร้อนใจไป ข้าจะไปช่วยท่านหา ต้องพานานนานกลับมาให้ได้!”
“ขอบคุณคุณชายหลี่ ขอบคุณคุณชายหลี่” ความเชื่อมั่นที่ป้าจางมีต่อหลี่เนี่ยนฝานนั้นมีมากกว่าผู้บำเพ็ญเซียนสามคนนั้น จึงรีบเอ่ยขอบคุณ
“คุณชายหลี่ ปีศาจนั่นอาจมีวิชา ถ้าท่านไปจะอันตรายเกินไป”
“พวกเราเป็นแค่คนธรรมดา ไปแจ้งแก่ราชสำนักเซียน ให้ผู้บำเพ็ญเซียนมาจัดการจะดีกว่า”
คนไม่น้อยเริ่มพูดโน้มน้าวหลี่เนี่ยนฝาน
เมื่อเผชิญกับความห่วงใยของทุกคน หลี่เนี่ยนฝานก็เอ่ยว่า “ผู้บำเพ็ญเซียนทั้งสามไปแล้วไม่ใช่หรือ ข้าแค่จะไปดูว่าช่วยอะไรได้บ้าง ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง”
เขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว หลังจากสอบถามเรื่องตำแหน่งเสร็จเรียบร้อย จึงออกเดินทาง
ปีศาจหลบหนีไปยังภูเขานอกเมืองลูกหนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป หลี่เนี่ยนฝานปีนเขาไปพลางสมองขบคิดกลวิธีต่อกร
สถานการณ์ที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการที่ปีศาจถูกผู้บำเพ็ญเซียนทั้งสามสยบ ตนเองก็แค่แวะไปสังเกตการณ์เฉยๆ
ถ้าหากผู้บำเพ็ญเซียนทั้งสามยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของปีศาจอีก หลี่เนี่ยนฝานกำป้ายหยกที่ลั่วซืออวี่มอบให้ตนแน่น ทำได้แค่พึ่งของนี่แล้ว ลั่วซืออวี่เป็นผู้บำเพ็ญเซียน แถมยังมีสถานะไม่ธรรมดา หวังว่าป้ายหยกจะนำมาซึ่งผลที่น่าประหลาดใจ
หลี่เนี่ยนฝานไม่กล้าชักช้าร่ำไร และไม่กล้าหยุดพัก
ปีศาจกินคนนั้นเป็นเรื่องจริง ถ้าไปช้าละก็ นานนานไม่รอดแน่!
“นานนานจะต้องไม่เป็นอะไร” หลี่เนี่ยนฝานพึมพำ
ในตอนนั้นเอง ต้าเฮยซึ่งตามติดเขามาตลอดก็เร่งฝีเท้าอย่างฉับพลัน กลายเป็นเพียงเงาดำ พุ่งปราดเข้าไปบนภูเขา
“ต้าเฮย แกทำอะไรน่ะ นี่ไม่ใช่เวลามาวิ่งเล่นนะ หยุดเดี๋ยวนี้!”
หลี่เนี่ยนฝานตะโกนลั่น แต่กลับเห็นต้าเฮยหายไปต่อหน้าต่อตา เขาอดเอ่ยอย่างร้อนรนไม่ได้ “เจ้าหมาโง่! จะรีบไปไหนของมัน”
………………………………………….