ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 46 เส้นทางเซียนและมนุษย์ ไฉนจึงถูกตัดขาด
ตอนที่ 46 เส้นทางเซียนและมนุษย์ ไฉนจึงถูกตัดขาด
ไม่ทันไร ดวงอาทิตย์ก็ลาลับในทิศประจิม
แต่ว่า ผู้คนทั้งภัตตาคารล้วนดูเหมือนจะรู้สึกว่าไม่ใช่เวลาขยับขยาย ทุกคนยังคงใจจดใจจ่อ ตั้งใจสดับฟัง
น้ำเสียงของเมิ่งจวินเหลียงยังคงไม่ช้าไม่เร่งร้อน ไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย “พระพุทธองค์พลิกฝ่ามือฟาดใส่ราชาวานรจนกระเด็นไปนอกประตูประจิม เปลี่ยนนิ้วมือเป็นทิวเขาทั้งห้า ทอง ไม้ น้ำ ไฟ และดิน เรียกว่า ‘เขาห้าธาตุ’ กดทับเขาไว้เบาๆ ทั้งเทพอัสนี อานนท์ และมหากัสปะล้วนประสานฝ่ามือทีละคน เอ่ย ‘ดีแล้ว! ดีแล้ว!’
ครานั้นไข่ศิลากลายเป็นวานร มีปณิธานร่ำเรียนวิชาจนสำเร็จผล ก้าวข้ามอุปสรรคขวากหนาม เจตจำนงไม่ผันแปร ป่วนสวรรค์หวังครองตำแหน่งสูง บุกรุกสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ขโมยกินผลท้อสวรรค์และโอสถเซียนจนโกลาหล ความผิดย่อมมีผลของความผิด ไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะได้กลับเนื้อกลับตัว คาดเดาว่าต่อไปเป็นอย่างไร และมาสดับรับฟังในครั้งต่อไป”
จบ…แค่นี้หรือ?
ทันทีที่เมิ่งจวินเหลียงตบโต๊ะ ฝูงชนก็ได้สติราวกับตื่นจากฝัน
แม้จะอยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้ ทว่าก็ไม่มีใครเร่งเร้าเลยสักคน หากแต่ลุกขึ้นยืนพร้อมกัน คำนับเมิ่งจวินเหลียงตามมารยาทของบัณฑิต
ฉินม่านอวิ๋นก็ยืนขึ้น ตามมารยาทของศิษยานุศิษย์
นางมองบัณฑิตท่านนั้นเดินออกจากภัตตาคารไปด้วยเท้าเปล่า สายตาแลดูสับสน
ลั่วซืออวี่ก็ถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก พูดด้วยความคาดหวังว่า “ถ้าหากได้ไปดูโลกเซียนสักหน่อยก็คงดี”
ฉินม่านอวิ๋นส่ายหน้าพลางยิ้มขื่น “ซืออวี่ เจ้าไปยังโลกเซียนก็อาจไม่พบสิ่งที่อยู่ในนิทาน”
“อ๋า? ท่านพี่ม่านอวิ๋นคิดว่าเป็นเรื่องหลอกลวงหรือ” ลั่วซืออวี่ขมวดคิ้วเอ่ยถามฉินม่านอวิ๋น
“แน่นอนว่าไม่ใช่เรื่องหลอกลวง” ฉินม่านอวิ๋นส่ายหน้าอีก
ลั่วซืออวี่ไม่เข้าใจความหมายของนาง
แต่ในตอนนั้นเอง จักรพรรดิลั่วก็เดินเข้ามา กล่าวกลั้วหัวเราะ “แม่นางฉินกล่าวได้ถูกต้อง เรื่องที่เล่านั้นเป็นเรื่องของตำหนักสวรรค์ ไม่ใช่โลกเซียน! ซืออวี่ เจ้ายังตื่นรู้ไม่พอนะ”
ลั่วซืออวี่ตะลึงงันไปทันใด
เมื่อเทียบตำหนักสวรรค์กับโลกเซียนแล้ว ระดับของตำหนักสวรรค์นั้นสูงกว่ามาก มิน่าเล่าถึงสามารถนำนักรบสวรรค์นับแสนชีวิต หรือครอบครองผลท้อสวรรค์และโอสถเซียนอะไรเทือกนั้นได้
ฉินม่านอวิ๋นถอนหายใจ “อารามเต๋าหลินเซียนมีประวัติว่าปรมาจารย์ยุคก่อนสำเร็จเป็นเซียน มีคำสอนถ่ายทอดกันมา จึงพอเข้าใจเรื่องของโลกเซียนอยู่บ้าง”
แต่ว่า…เมื่อเทียบกับเนื้อหาในนิทานแล้ว ก็เหมือนกับจอมเวทน้อยพบจอมเวทอาวุโสอย่างไรอย่างนั้น
โลกเซียนไม่ได้งดงามไปทุกหนแห่ง มีสงคราม มีความเหลื่อมล้ำระหว่างพื้นที่ยากจนและร่ำรวย
“ท่านพี่ม่านอวิ๋น เช่นนั้นอารามเต๋าหลินเซียนมีบันทึกเกี่ยวกับตำหนักสวรรค์หรือไม่เล่า” ลั่วซืออวี่เอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ไม่มี” ฉินม่านอวิ๋นส่ายหน้า “ของระดับนี้อยู่เหนือกว่าที่พวกข้าจะจินตนาการได้”
ต่อให้อาจารย์รุ่นก่อนๆ สำเร็จเป็นเซียน ก็คงไม่อาจเทียบได้กับหนึ่งในพลรบของกองทัพสวรรค์หนึ่งแสนนาย
มิใช่ว่านางประเมินตนเองต่ำไป แต่นี่คือเรื่องจริง
ปรมาจารย์ที่ลั่วซืออวี่พูดถึงน่ากลัวว่าจะต้องอยู่ระดับที่สั่นสะเทือนฟ้าดินเชียวละ!
อยู่ๆ จงซิ่วก็รำพันขึ้นมาว่า “ไม่น่าเชื่อเลยว่าเทพซึ่งมีตบะแก่กล้าเป็นอมตะ ท้ายสุดแล้วจะถูกพระพุทธองค์กำราบได้อย่างง่ายดาย ต้องมีพลังที่น่าหวาดกลัวเพียงใดกัน”
“ไม่ต้องพูดแล้ว! บุคคลระดับนี้ไม่ใช่คนที่พวกเจ้าจะมาวิพากษ์วิจารณ์มั่วๆ ซั่วๆ ได้!” จักรพรรดิลั่วรีบปราม ขณะเดียวกันก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเปี่ยมความเคารพยำเกรง “มีเพียงผู้ที่ก้าวข้ามโลกโลกีย์อย่างคุณชายหลี่เท่านั้นละจึงจะเอ่ยถึงบุคคลผู้ยิ่งใหญ่ค้ำฟ้าเหล่านั้นด้วยวิธีการเล่าเรื่อง”
อย่าว่าแต่ผู้ยิ่งใหญ่อย่างพระยูไลเลย ต่อให้เป็นนาจาหรือว่าเทพเอ้อร์หลาง1 ก็ไม่ใช่บุคคลที่พวกเขาจะนำไปซุบซิบนินทาได้
ทำได้เพียงเก็บงำไว้ในก้นบึ้งของจิตใจ เคารพบูชาไปเงียบๆ
“ท่านพ่อ ท่านว่าคุณชายหลี่จะมีผลท้อสวรรค์ไหม” ลั่วซืออวี่เอ่ยถามด้วยความสงสัยทันใด
“ไม่…”
จักรพรรดิลั่วส่ายศีรษะโดยไม่ยั้งคิด แต่จากนั้นกลับชะงักฉับพลัน ม่านตาหดเล็กเหลือเท่ารูสนเข็ม
อาจจะมีจริงๆ ก็ได้!
คุณชายหลี่ระดับไหนแล้ว เป็นคนที่สุดยอดกว่าพระยูไลในนิทานด้วยซ้ำไป แค่มีผลท้อสวรรค์จะแปลกที่ไหน
จักรพรรดิลั่วไม่พูดจา ลั่วซืออวี่กลับผงกศีรษะ พูดเสียงแผ่วเบา “น่าจะมีจริงๆ!”
“ท่านพี่ม่านอวิ๋น ท่านไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านี้ข้าพบเจออะไรมาบ้าง” ลั่วซืออวี่หวนระลึกถึงอดีต “ครั้งแรกที่ข้าพบกับคุณชายหลี่ เขาชวนข้ากินแตงโม แตงโมธรรมดาๆ เช่นนั้นเลย แต่ว่า…มันกลับทำให้ข้าทะลวงถึงขั้นจู้จีสำเร็จ! ท่านจินตนาการออกไหมว่าแตงโมนั่นถึงกับมีทำนองมรรคาแฝงอยู่!
ข้างกายของคุณชายหลี่มีอาวุธเซียนชิ้นหนึ่ง ชื่อว่าเครื่องฟอกอากาศ ดูดอากาศเข้าไป แล้วพ่นพลังปราณออกมา! พ่นพลังปราณออกมาไม่หยุด! แล้วก็มีอาวุธเซียนอีกชิ้นหนึ่ง ชื่อว่าเครื่องกรองน้ำ ใส่น้ำธรรมดาเข้าไป จะได้ธาราปราณออกมา! ข้ามอบหยกคุ้มกายแสนธรรมดาให้ชิ้นหนึ่ง เขาไปแต่งเติมอีกไม่เท่าไร ก็มอบจิตวิญญาณจริงๆ ของหงส์ฟ้าให้แก่ป้ายหยก! เขาเขียนโคลงคู่แผ่นหนึ่ง ในนั้นถึงกับแฝงวิถีอายุวัฒนะ! เขาเชิญพวกข้าไปกินหม้อไฟ ในหม้อมีพลังหยินหยางปนอยู่ แม้แต่ผักก็ยังมีทำนองมรรคาแฝงอยู่ด้วย!
อีกทั้ง ใบชาที่พวกเราเพิ่งจะดื่มกันวันนี้…”
ลั่วซืออวี่ยิ่งพูดก็ยิ่งรู้สึกว่าแม้แต่ตนเองก็ตื่นตะลึง ก่อนหน้านี้ไม่ทันได้เรียบเรียงความคิด บัดนี้มาใคร่ครวญดู ทั้งตัวของคุณชายหลี่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าล้วนแต่ไม่ธรรมดา!
เฮือก
แต่ละอย่างที่พูดมานั้นทำให้ฉินม่านอวิ๋นสูดลมหายใจเฮือก เมื่อถึงอย่างสุดท้าย นางก็แทบลมจับล้มตึงลงไปตรงนั้น
น่ากลัวเกินไปแล้ว ทำให้รู้สึกขนพอสยองเกล้าจริงๆ!
แม้แต่อากาศหายใจของคุณชายหลี่ก็เป็นของของเทพเซียน บุคคลสำคัญผู้สูงส่งเช่นนี้ หากมีผลท้อสวรรค์ในครอบครองก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว
นั่นเป็นถึงผลท้อสวรรค์เชียวนะ หนึ่งผลก็ทำให้คนเป็นอมตะไม่มีวันตาย โบยบินขึ้นฟ้า อายุยืนยาวเคียงคู่ฟ้าดิน!
นี่เป็นเป้าหมายสูงสุดซึ่งผู้บำเพ็ญเซียนนับไม่ถ้วนโหยหา
“อะแฮ่ม” ลั่วซืออวี่กระแอมเบาๆ เอ่ยปากว่า “สำหรับคุณชายหลี่ ผลท้อสวรรค์อาจเป็นเพียงของธรรมดา แต่กลับเป็นสิ่งที่พวกเราไม่อาจใฝ่ฝันถึง รีบล้มเลิกความคิดเพ้อฝันไปซะเถอะ อย่ารบกวนคุณชายหลี่!”
ลั่วซืออวี่และฉินม่านอวิ๋นพยักหน้าพร้อมกัน ไม่กล้าปรารถนาผลท้อสวรรค์
ขอแค่คุณชายหลี่ทำเรื่องเพียงน้อยนิดให้ ก็นับว่าเพียงพอที่จะใช้ทั้งชีวิตแล้ว
ผ่านไปเนิ่นนานกว่าที่หัวใจของฉินม่านอวิ๋นจะสงบลงได้ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นวันนี้น่าตกตะลึงเหลือเกิน และยังคอยโรมรันในห้วงสำนึกของนางอยู่ตลอด
ตนมาเยือนราชวงศ์เซียนเฉียนหลงครานี้ ได้ประสบกับโชคอันยิ่งใหญ่!
นางค่อยๆ เดินออกจากภัตตาคาร
กระนั้น ณ ริมแม่น้ำสายหนึ่งไม่ไกลออกไป กลับเห็นบัณฑิตคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ใต้ต้นหลิ่ว หันหน้าเผชิญ
สายน้ำ ดวงตาทั้งสองข้างหลับพริ้ม
ยามนั้นฟ้ามืดลงแล้ว แสงนวลของดวงจันทร์อาบไล้คลุมกายของบัณฑิต ราวกำลังห่มอาภรณ์ตัวนอกสีเงินให้กับเขาอีกชั้นหนึ่ง
บัณฑิตผู้นี้มองดูแล้วก็ยังคงเป็นบัณฑิตอ่อนปวกเปียกทั่วไป แต่ยิ่งฉินม่านอวิ๋นจ้องมองอย่างละเอียด กลับสัมผัสได้ว่าร่างกายของเขานั้นเบาหวิว และแอบรู้สึกว่าเขาได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติโดยรอบแล้ว
นางลังเลอยู่พักหนึ่ง ทว่าย่างเท้าตรงเข้าหาบัณฑิต
ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยอย่างเคารพนบนอบ “ข้าฉินม่านอวิ๋น คำนับผู้อาวุโส”
เมิ่งจวินเหลียงค่อยๆ ลืมตาขึ้น เอ่ยราบเรียบว่า “ข้าเป็นเพียงปุถุชนคนหนึ่ง แต่เจ้าเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เรียกข้าว่าผู้อาวุโสนั้นไม่เหมาะสม!”
“ผู้บรรลุก่อนเป็นครู นี่คือกฎเหล็ก” ฉินม่านอวิ๋นกดความทะนงตนไว้ต่ำสุด “มีปัญหาหนึ่งซึ่งรบกวนใจข้ามานาน ผู้อาวุโสได้โปรดแถลงไข”
เมิ่งจวินเหลียงมองนาง “ปัญหาอะไร”
ฉินม่านอวิ๋นสูดลมหายใจเข้าลึก กัดริมฝีปากแน่น ก่อนจะพูดว่า “ข้าขอถามว่า…เส้นทางระหว่างมนุษย์และเซียน ถูกตัดขาดได้อย่างไร”
……………………………………………….