ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 53 มดปลวกเล็ดลอดขึ้นสวรรค์
หลี่เนี่ยนฝานสมองแล่นปราด
มองปราดเดียวก็รู้ว่าฉินม่านอวิ๋นเป็นสตรีจากตระกูลใหญ่มีฐานะ คล้ายกับว่าผู้มีอารยะซึ่งถือกำเนิดในครอบครัวลักษณะนี้จะเชี่ยวชาญการเดินหมาก ไม่แน่นางอาจช่วยให้ตนตื่นเต้นก็เป็นได้!
ฝีมือการเดินหมากของต๋าจี่นั้นไม่เอาไหน ไม่อาจเล่นต่อไปได้จริงๆ
ในป่าเร้นร้างห่างผู้คนแห่งนี้ คู่ประลองนั้นหาได้ยากเต็มประดา
เขาจึงเอ่ยถามอย่างอดไม่ได้ “แม่นางฉิน เจ้าเดินหมากเป็นไหม”
ฉินม่านอวิ๋นชะงักไปชั่วขณะ จากนั้นจึงพยักหน้า “ก็พอได้”
หลี่เนี่ยนฝานดวงตาเป็นประกาย เขาฟังน้ำเสียงถ่อมตัวของนางออก รีบเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ดีเลย มาเล่นสักตา!”
“เช่นนั้นก็เชิญคุณชายหลี่ชี้แนะด้วย” ฉินม่านอวิ๋นย่อมไม่ปฏิเสธ นี่เป็นโอกาสที่จะตีสนิทปรมาจารย์
ในใจนางรู้สึกประหม่าอยู่บ้าง ใบหน้าแดงระเรื่อ คิดไปเรื่อยเปื่อยอย่างห้ามไม่อยู่
หากฝีมือการเดินหมากของนางยอดเยี่ยมจนทำให้ปรมาจารย์ตกเป็นรอง นางควรออมมือให้ใช่ไหม
นางได้ยินผู้อาวุโสเล่าตำนานมาไม่น้อย
ปรมาจารย์ผู้ปลีกวิเวกบางคนฝีมือการเดินหมากต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แต่ดันชอบหาคนมาเดินหมากด้วย เมื่อใดที่แพ้
ก็จะโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ถลึงตาใส่ เอาใจยากโดยแท้
ตนควรทำอย่างไรถึงจะทำให้คุณชายหลี่พอใจได้ ควรต่อให้คุณชายหลี่สักสองสามตาอย่างไรจึงจะแนบเนียน
ในตอนนั้น การประลองหมากก็ได้เริ่มต้นขึ้น
คุณชายหลี่ถือหมากสีดำ ยิ้มเอ่ย “เจ้าเริ่มก่อนเถิด”
ฉินม่านอวิ๋นรีบตั้งสติ สีหน้าเคร่งขรึม ต้องสำแดงความสามารถของตนให้คุณชายหลี่ประหลาดใจ!
นางหยิบหมากสีขาวขึ้นมาก่อน จากนั้นจึงมองไปยังกระดานหมาก
ทันทีที่มองไป นางก็ชะงักงันไป
กระดานหมากนี้แลดูธรรมดามิได้มีความพิเศษ ทว่าในพื้นหลังของใจกลางกระดานหมากนั้นประทับตราคล้าย
ลายน้ำ เป็นคำสองคำว่า ‘ฟ้าดิน’!
เพียงแค่เห็น ฉินม่านอวิ๋นก็รู้สึกว่าตนตาพร่าไป เมื่อฟื้นขึ้นมาอีกคราก็พบว่าตนเองอยู่ท่ามกลางโลกอันขาวโพลน บนโลกนี้แสนว่างเปล่า มีเพียงอายสีดำขาวโคจรไป ทั้งสองอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
กระดานหมากนี้ถึงกับกลายเป็นโลกอีกแห่งหนึ่งเลยหรือ?!
ฉินม่านอวิ๋นยืนอยู่ลำพังบนผืนโลกนี้ สัมผัสได้เพียงว่าตนเองนั้นแสนกระจิริดเปราะบาง ประดุจเศษฝุ่นในห้วง
จักรวาล
ขณะเดียวกัน ฟ้าดินกว้างใหญ่ทรงพลังก็กดทับเข้าหานาง
ความรู้สึกนี้ก็เหมือนกับมดปลวกมองขึ้นฟ้า ปุถุชนพบเทพเซียน!
อ่อนแอ น่าเวทนา ไร้ค่าไร้ความหมาย
นางกัดฟัน ใช้พลังไปเกินครึ่งกว่าจะวางหมากสีขาวในมือลงได้!
ผึง!
จากนั้น โลกซึ่งเคยมีสมดุลระหว่างสีขาวดำก็พลันแตกหัก ร่วงลงสู่ความโกลาหล
ฉินม่านอวิ๋นประหวั่นพรั่นพรึงอยู่ในใจ หลี่เนี่ยนฝานกลับไม่รู้สึกอะไร มือถือหมากสีดำ วางลงอย่างง่ายดาย!
ตู้ม!
ร่างกายของฉินม่านอวิ๋นสั่นเทิ้มรุนแรง ด้วยการเผชิญหน้าของหมากสีดำและขาว อายสีดำขาวเริ่มโรมรันพันตู
นางติดอยู่ท่ามกลางทั้งสองฝ่าย ประหนึ่งเรือพายกลางมหาสมุทร จะล่มเมื่อใดก็ไม่อาจรู้ได้
น่ากลัวเหลือเกิน!
กระดานหมากนี้เป็นสิ่งเลอค่าระดับไหนกัน ในนี้ถึงกับมีมรรคาแห่งฟ้าดินแฝงอยู่ด้วย!
ความเข้มข้นของทำนองมรรคา ทำให้ผู้ที่ได้ฟังต้องขวัญหนีดีฝ่อ!
นี่มันเดินหมากที่ไหนกัน นี่มันบททดสอบความเข้าใจต่อมรรคาแห่งฟ้าดินชัดๆ!
ใช่แล้ว คุณชายหลี่ใช้ฟ้าดินเป็นกระดานหมาก ตนน่าจะนึกออกแต่แรกแล้วว่าสิ่งที่เรียกว่าการเดินหมากนี้ไม่
ธรรมดา
ในที่สุดฉินม่านอวิ๋นก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดบนตัวของต๋าจี่จึงมีทำนองมรรคาเข้มข้นเพียงนั้น ถึงขนาดที่หลงเหลือร่องรอยไว้เสียด้วย ถ้าหากเดินหมากกับคุณชายหลี่อยู่เป็นนิจ ต่อให้เป็นหมูตัวหนึ่งก็คงมิวายเหาะขึ้นฟ้าได้เช่นเดียวกัน
นี่เป็นมรรคาแห่งฟ้าดินเชียวนะ เกรงว่าโลกบำเพ็ญเซียนทั้งใบคงหาผู้ที่เข้าใจมรรคาแห่งฟ้าดินคนที่สองไม่ได้อีกแล้ว!
โอกาส!
คุณชายหลี่กำลังมอบโอกาสอันยิ่งใหญ่ให้ข้าสินะ!
ต้องเป็นเพราะหยาดน้ำแข็งทมิฬพันปีซึ่งตนมอบให้ทำให้คุณชายหลี่ซาบซึ้งอย่างแน่นอน เขาถึงได้ยอมมอบ
โชคดีนี้แก่ตน!
ปรมาจารย์ทำสิ่งใดล้วนแต่ตามใจตนเอง ขอเพียงพึงพอใจ ก็จะแจกของชั้นเลิศต่างๆ อย่างง่ายดาย!
ฉินม่านอวิ๋นตั้งมั่นหมายประจบหลี่เนี่ยนฝาน
นางอยู่ท่ามกลางมรรคาแห่งฟ้าดิน เงยหน้าขึ้นไปก็เห็นอายสีขาวดำประชันกัน เพียงชั่วพริบตาเดียวก็สำแดง
ความเปลี่ยนแปลงมหาศาลนับเป็นโกฏิอนันต์ ทำให้สมองของนางอึงอื้อไม่หยุดหย่อน
มรรคาแห่งฟ้าดินเหล่านี้ทั้งคลุมเครือและลึกล้ำ การเปลี่ยนแปลงบางอย่างฉินม่านอวิ๋นก็พอจะกระจ่างได้ แต่
ส่วนมาก นางมองเพียงแวบเดียว ก็รู้สึกราวกับสมองบวมฉุ หน้ามืดตาลาย
เฉกเช่นนักเรียนประถมคนหนึ่งไปอ่านแคลคูลัส ไม่เพียงไม่เข้าใจแม้แต่นิดเดียว มิหนำซ้ำยังพาลตาลายมึนงงเข้าไปอีก
ฉินม่านอวิ๋นกัดฟันเดินหน้าต่อ คุณชายหลี่ให้โอกาสนี้กับข้าแล้ว ย่อมต้องเพียรพยายาม
เพียงแต่ว่า…มดปลวกเล็ดลอดขึ้นไปบนสวรรค์ ไหนเลยจะรั้งอยู่ได้นาน
ภายในช่วงเวลาเพียงครึ่งถ้วยชา แม้แต่จะจับตัวหมากในมือให้มั่น ฉินม่านอวิ๋นก็ทำไม่ได้แล้ว
หลี่เนี่ยนฝานลอบรำพันอยู่ในใจ เขาไม่อยากแสดงออกชัดเจน ว่าอันที่จริงเขาได้จำแนกฉินม่านอวิ๋นไว้ในกลุ่ม
อ่อนหัดแล้ว
เมื่อเทียบกับต๋าจี่แล้ว ฝีมือการเดินหมากของนางยังย่ำแย่กว่าสักหนึ่งแสนแปดพันลี้เห็นจะได้ ถ้าหากเปรียบต๋าจี่เป็นระดับเด็กอนุบาล งั้นฉินม่านอวิ๋นก็คงอยู่ระดับเอมบริโอที่ลอยล่องอย่างสำราญใจในท้องแม่
ตนยังหลงคิดว่านางแค่ถ่อมตัว ที่แท้ก็ไม่ได้ถ่อมตัว แต่ว่ากำลังพูดอย่างภาคภูมิใจอยู่!
ฉินม่านอวิ๋นประเมินฝีมือการเดินหมากของตนเองพลาดไป นั่นมันไม่ใช่พอได้ แต่ไม่ได้เลยต่างหากล่ะ
เฮ้อ อ่อนหัดจริงๆ
อ่อนหัดยังพอทำเนา หลี่เนี่ยนฝานเห็นฉินม่านอวิ๋นเหงื่อกาฬโซมกาย ก็ยิ่งจนคำพูดเข้าไปใหญ่
แค่เดินหมากเอง ต้องกังวลถึงขนาดนี้เลยหรือ
เม็ดเหงื่อเหล่านั้นไหลรินอย่างรวดเร็วราวกับหยาดฝน หายใจประหนึ่งทั้งร่างเหนื่อยล้า ถ้าหากไม่รู้คงคิดว่านาง
ไปออกกำลังกายหนักสักอย่างมา
“คุณชายหลี่ ข้าไม่ไหวแล้ว…” ฉินม่านอวิ๋นพูดอย่างอ่อนแรง นางมองกระดานหมาก ก็พลันรู้สึกอับอาย ไม่รู้จะ
เอาหน้าไปซุกไว้ที่ใด
เดินไปได้ทั้งหมดเพียงสิบเอ็ดครั้ง อเนจอนาถอุจาดตา ผลการศึกในครานี้ หากผู้ใดเห็นเข้าก็คงหัวเราะจนฟันร่วงกระมัง
ก่อนหน้านี้ตนยังคิดจะอ่อนข้อให้คุณชายหลี่สักสองสามตา ที่แท้ตนก็คิดมากไป
หลี่เนี่ยนฝานส่ายหน้า เอ่ยอย่างจนปัญญา “มองออกแล้ว”
ลั่วซืออวี่ซึ่งมองกระดานหมากอยู่ด้านข้าง ดวงตากลับสุกสกาว
ท่านพี่ม่านอวิ๋นเป็นถึงเทพธิดาของอารามเต๋าหลินเซียน นึกไม่ถึงว่าฝีมือการเดินหมากจะไม่เอาอ่าว พ่ายแพ้ได้
น่าสงสารเหลือเกิน
ดูท่าคงจะถึงตาข้าเฉิดฉายบ้างแล้ว!
ในฐานะที่เป็นองค์หญิงแห่งราชวงศ์เซียนเฉียนหลง การเดินหมากเป็นความสนใจที่นางมีมาแต่ยังเด็ก นางยก
ให้ตนเองเป็นยอดฝีมือรุ่นเยาว์ อย่างน้อยก็ไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างอเนจอนาถเช่นเดียวกับฉินม่านอวิ๋นแน่
ประเดี๋ยวตนเพียงแสดงฝีมือการเดินหมาก ต้องทำให้คุณชายหลี่ตาลุกวาว ถ้าหากฝีมือคุณชายหลี่ไม่ถึงขั้น ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานตนก็ค่อยอ่อนข้อให้สักสองสามตา ย่อมทำให้เขามีภาพจำที่ดีต่อตนได้แน่
จากตรงนี้ขึ้นไปยังจุดสูงสุดของชีวิต มาคิดๆ ดูแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่สักหน่อย
นางจึงรีบออกปากอาสาทันที “คุณชายหลี่ ให้ข้าลองสักหน่อยเถิด”
“โอ้? เจ้าก็เล่นเป็นหรือ” คุณชายหลี่มองนาง
ลั่วซืออวี่ยิ้มเอ่ย “เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้ว ทั้งราชวงศ์เซียนเฉียนหลง ข้าได้รับการยอมรับว่าเป็นยอดฝีมือ ไม่มีผู้ใดเป็นคู่แข่งข้าได้”
“เช่นนั้นก็ได้ มาสิ”
หลี่เนี่ยนฝานพูดอย่างช่วยไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เพียงเล่นฆ่าเวลา ถ้าหากลั่วซืออวี่เป็นยอดฝีมือจริง อย่างนั้นก็น่าสนุกยิ่งกว่า
ลั่วซืออวี่นั่งลงตรงข้ามหลี่เนี่ยนฝานอย่างตื่นเต้น ทันทีที่มองกระดานหมากก็นิ่งงันไป
นี่มันอะไรกัน
เป็นการเดินหมากหรือ
สมองของนางพลันขาวโพลน ราวกับเป็นเด็กอนุบาลทำข้อสอบระดับมหาวิทยาลัย นัยน์ตาทั้งสองมืดมน ไม่
เข้าใจอะไรสักอย่าง
ความตื่นรู้ในมรรคาแห่งฟ้าดินของลั่วซืออวี่นั้นด้อยกว่าฉินม่านอวิ๋นมาก ยามที่ตนไปอยู่ใจกลางกระดานหมาก จิตเต๋าแทบพังครืนลงมา น่ากลัวเกินไปแล้ว
ถึงกับที่กว่านางจะหยิบตัวหมากขึ้นมาก็สิ้นเปลืองพลังเสียหมดตัว ทุกข์ตรมทว่าไม่อาจเอ่ย
ตนโง่เขลาเหลือเกิน เดินหมากกับคุณชายหลี่ไหนเลยจะง่ายดาย มิน่าเล่าท่านพี่ม่านอวิ๋นถึงเดินไปได้แค่สิบครั้ง
การประลองหมากซึ่งแฝงไปด้วยทำนองมรรคานั้นน่าสะพรึงกลัวเสียจริง!
มรรคาแห่งฟ้าดินที่เข้มข้นปานนี้ หากแผ่ซ่านออกไป เกรงว่าทั้งโลกบำเพ็ญเซียนคงจะต้านทานไม่ไหวกระมัง
………………………………………………