ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 57 จักรพรรดิปีศาจจันทราเงิน
ตอนที่ 57 จักรพรรดิปีศาจจันทราเงิน
หลังจากที่ผู้คนแยกย้ายกันจากไปไม่นาน ลำแสงสองสายก็หักเลี้ยวกลับมา
เป็นไป๋อู๋เฉินและจ้าวซานเหอ
จากนั้น ก็มีลำแสงอีกหลายเส้นพุ่งมาอย่างเร่งร้อน
ไป๋อู๋เฉินและจ้าวซานเหอสีหน้าเคร่งขรึมทันใด “คำนับผู้อาวุโสเหยา”
เหยาเมิ่งจีลูบหนวดคราหนึ่ง กล่าวกลั้วหัวเราะ “ทุกคนล้วนแต่เป็นแขกคนสำคัญของคุณชายหลี่ ไม่ต้องเกรงใจ”
ในมือของเขามีสุนัขจิ้งจอกสีขาวตัวหนึ่งอยู่ เขาโยนมันออกไป ปล่อยให้เป็นอิสระ
แน่นอนว่าจิ้งจอกเก้าหางเมื่อครู่เป็นของปลอม อันที่จริงมันเป็นเพียงจิ้งจอกขาวธรรมดาตัวหนึ่ง ทว่าถูกเหยาเมิ่งจีใช้อาคมพรางตา ทำให้ผู้อื่นคิดว่ามันมีเก้าหางก็เท่านั้น
แผนการนี้พวกเขาเป็นคนคิดขึ้นมา ประสานงานกันอย่างแนบเนียน
พวกเขาคิดวิธีการเอาไว้มากมาย ถ้าหากมาไล่ตะเพิดตรงๆ ก็อาจสร้างความเคืองแค้นให้เหล่าผู้บำเพ็ญเซียน เมื่อใดที่เกิดการปะทะกันและส่งผลกระทบต่อปรมาจารย์ย่อมไม่ดีแน่ หากพูดโน้มน้าว ก็ค่อนข้างไร้ประโยชน์ จะมีคนฟังมากเท่าไรกัน
หลังจากจัดเรียงตัวเลือกหลากหลาย ในที่สุดพวกเขาก็คิดกลยุทธ์นี้ขึ้นได้ นำพาทุกคนออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน อีกทั้งยังไม่ต้องรบกวนปรมาจารย์อีกด้วย สมบูรณ์แบบ
จักรพรรดิลั่วยกมือขึ้นประสาน “ผู้อาวุโสเหยาแผนการล้ำเลิศ โชคดีที่เป็นท่านถึงทำให้ทุกคนคิดว่ากำลังเผชิญกับเรื่องยากแล้วจากไป”
“นี่เป็นผลจากที่ทุกคนร่วมแรงร่วมใจกัน ได้ช่วยขจัดเรื่องหนักใจของปรมาจารย์ นับเป็นโชคของข้าแล้ว” เหยาเมิ่งจียิ้มเอ่ย
เขาอารมณ์ดีเป็นที่สุด ตนแก้ปัญหาซึ่งทำให้คุณชายหนักอกหนักใจ คิดดูก็นับว่าได้ผูกมิตรแล้ว รุดไปเยี่ยมเยียนก็คงไม่ทำให้ปรมาจารย์ขุ่นเคือง
“ฮ่าๆๆ ผู้อาวุโสเหยาจะไปเยี่ยมเยียนคุณชายหลี่หรือ” ไป๋อู๋เฉินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ตั้งใจเช่นนั้น แต่ไม่ใช่ตอนนี้” เหยาเมิ่งจีผงกศีรษะ จากนั้นจึงเอ่ยว่า “เรือนของคุณชายหลี่เพิ่งจะกลับมาเงียบสงบ ไม่ควรรบกวน ข้าจะรออีกสักระยะค่อยมาใหม่”
จ้าวซานเหอเอ่ยว่า “ผู้อาวุโสเหยาไตร่ตรองรอบคอบดีแท้ สมเหตุสมผลยิ่งนัก”
ในเมื่อคุณชายหลี่ชอบความเงียบสงบ เช่นนั้นก่อนที่พวกเขาจะแวะเวียนไปย่อมต้องประเมินดูก่อน
จากนั้น หลังจากที่พวกเขากล่าวทักทายสนทนากันแล้ว จึงกล่าวอำลาแยกย้ายกันจากไป
ฉินม่านอวิ๋นและผู้เฒ่ามิได้กลับ ทว่ามุ่งหน้าไปยังภัตตาคารแห่งหนึ่งในเมืองลั่วเซียน
ไม่ว่าขุนเขาสูงเพียงใด เมื่อมีเซียนพำนักย่อมศักดิ์สิทธิ์
นี่เป็นสถานที่ซึ่งอยู่ใกล้กับปรมาจารย์มากที่สุด ทำเลทองแห่งใดก็ไม่อาจเทียบ
“อาจารย์ ท่านจะไปพบปรมาจารย์เมื่อไรหรือ” ฉินม่านอวิ๋นเอ่ยถาม
เหยาเมิ่งจีสีหน้าครึ้มลง กระซิบบอกว่า “รอจังหวะเหมาะสม!”
ถึงแม้ว่าจะช่วยขจัดเรื่องหนักใจให้ปรมาจารย์แล้ว แต่ในใจของเขายังคงรู้สึกไม่มั่นคงอยู่บ้าง รู้สึกว่าตนเองยังทำได้ไม่ดีพอ ยังไม่ถึงเวลาไปพบปรมาจารย์
หากเป็นเป็นเพียงการไล่ผู้บำเพ็ญเซียน คำขอนี้ของปรมาจารย์ง่ายดายเกินไป เรื่องที่ง่ายดังปอกกล้วยเข้าปากเยี่ยงนี้ย่อมมิใช่เรื่องจริง
เมื่อมาอยู่ในระดับเขาแล้ว แต่ไหนแต่ไรมา การใช้ความรู้สึกนั้นไม่มีทางผิดพลาด
หนึ่งในนั้นต้องแฝงปริศนาเป็นแน่!
เหยาเมิ่งจีขบคิดอย่างหนัก สุดท้ายก็เบนสายตาไปยังฉินม่านอวิ๋น เอ่ยอย่างแน่วแน่ “เจ้าหวนระลึกให้ดี เล่าคำพูดของปรมาจารย์ให้ข้าฟังอีกรอบ ห้ามผิดเพี้ยนไปแม้แต่คำเดียว!”
ฉินม่านอวิ๋นเองก็สีหน้าจริงจัง ไม่กล้าสุกเอาเผากิน พยายามนึกถึงทุกสิ่งอย่างในยามนั้น
ผ่านไปหนึ่งชั่วยามเต็มๆ นางถึงมั่นใจแล้วว่าตนได้ระลึกถึงทุกเรื่องอย่างครบถ้วน มิหนำซ้ำยังเลียนน้ำเสียงของ
หลี่เนี่ยนฝาน เอ่ยว่า “ช่วงนี้มีลำแสงของผู้บำเพ็ญเซียนบินผ่านไปผ่านมา ทำเอาข้าออกไปข้างนอกไม่ได้ ขึ้นเขาไปล่าสัตว์ยิ่งไม่ต้องพูดถึง พวกเจ้าช่วยไปสืบให้หน่อยได้ไหมว่าเป็นเพราะเหตุใด”
เหยาเมิ่งจีตื่นตระหนกไปทั้งร่าง ห้วงสำนึกมีแสงวับวาม ราวกับคว้าบางอย่างได้
เขาลูบหนวดของตน ใคร่ครวญถึงประโยคนั้นไม่ตก ถึงกับยกพู่กันขึ้นมาเขียนตรงหน้า
สมองของเขาแปรปรวนอย่างรวดเร็ว เอ่ยเสียงแผ่วเบา “ข้าจำต้องกระจ่างในคำใบ้ของปรมาจารย์เสียก่อน จึง
จะไปพบเขาได้ ไม่เช่นนั้นอาจทำให้ปรมาจารย์ขุ่นเคืองได้”
และนั่นก็กินเวลาไปถึงสามวัน ระหว่างนั้นฉินม่านอวิ๋นเองก็พยายามทำความเข้าใจกับปริศนาลึกลับในคำพูดนี้ แต่ก็ไม่บังเกิดผล เฉกเช่นการชมมวลบุปผากลางม่านหมอก
ในวันนั้น ราตรีอนธการเข้าปกคลุม
ทิวเขาล้วนกลายเป็นเงาดำมหึมา และบนเขาลูกหนึ่ง แสงโคมสว่างไสวกลางไหล่เขา เสียงอึกทึกครึกโครมดังมา
ที่นี่เป็นอาณาเขตของจักรพรรดิปีศาจจันทราเงิน ปีศาจลูกสมุนน้อยใหญ่ของมันมีนับไม่ถ้วน ระรานไปทั่วทั้ง
เขตแดนแห่งนี้ โอหังไม่มีใครเกิน
ปีศาจศีรษะเหมือนสัตว์กลุ่มนี้กำลังสนทนากัน บางครั้งบางคราวก็ส่งเสียงหัวเราะเจ้าเล่ห์ ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความโหดเหี้ยม
ณ ทิศทางที่พวกมันมองไป มีกรงเหล็กขนาดยักษ์ใหญ่กรงหนึ่งวางอยู่ ในนั้นขังมนุษย์ไว้นับร้อยคน
คนเหล่านั้นมองไปรอบๆ ด้วยความหวาดผวา ถูกภูติผีปีศาจห้อมล้อมไว้เช่นนี้ ก็เป็นลมล้มพับกันไปนักต่อนัก
“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าดูแม่นางน้อยตรงนั้นช่างน่ากินนัก ผิวขาวผ่องเชียว”
“เจ้าอยากตายหรือไง คนพวกนี้เตรียมไว้ให้พระราชา พวกเจ้ากินได้แค่เนื้อบุรุษ”
“มีเนื้อบุรุษก็ไม่เลวแล้ว สิ่งที่ข้ากลัวที่สุดก็คือข้าได้เนื้อคนแก่”
บทสนทนาของปีศาจนั้นดังเข้าหูของปุถุชนกลุ่มนั้น ก็ยิ่งทำให้สีหน้าของพวกเขาซีดเผือดยิ่งกว่า เนื้อตัวสั่นเทา
ในตอนนั้นเอง พายุปีศาจโหมคลั่งหมุนเข้ามา เงาดำทะมึนมหึมาควบเข้ามากลางอากาศ
ปีกอันใหญ่โตคู่หนึ่งแผ่สยายด้านหลังเงาร่างสีดำ ทุกครั้งที่มันกระพือก็พัดเอาพายุหมุนสีดำขึ้นมา ร่างกายร่นถอยไปไกลหลายจั้งตามกระแสลม
พั่บๆๆ!
ปีกยักษ์ใหญ่กระพือสามครา เงาร่างสีดำก็ลงแตะบนศิลาก้อนใหญ่บนสันเขา ปีกกว้างด้านหลังพลันสยายออกเต็มที่ จากนั้นจึงหดกลับไปยังแผ่นหลัง
ที่แท้ก็เป็นปีศาจอินทรีภูเขาซึ่งมีศีรษะเป็นอินทรีนั่นเอง!
เหล่าปีศาจล้วนรีบร้อนค้อมคำนับ “คำนับพระราชา!”
ปีศาจอินทรียืนอยู่บนหินยักษ์สูงตระหง่าน ดวงตาฉายแววคมปลาบ เย็นเยียบทิ่มแทง ยามที่สายตากวาดมองไป ปีศาจทั้งหลายก็ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง จากที่มีเสียงดังเอะอะโวยวายก็ตกอยู่ในความเงียบสงัดทันใด
“พระราชา นี่เป็นอาหารที่พวกข้าเตรียมไว้ให้ท่าน” ปีศาจหมูซึ่งมีศีรษะหมูชี้ไปยังกรงขัง พลางเอ่ยประจบกระแจง
จักรพรรดิปีศาจจันทราเงินเพียงกวาดตามองอย่างเรียบเฉย สีหน้าลึกล้ำประดุจสายน้ำ เอ่ยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าให้พวกเจ้าไปตามหาจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง หาพบหรือยัง”
“เรื่องนั้น…”
ปีศาจหมูหดคอ พูดอย่างกระวนกระวาย “ตอนนี้ยังหาไม่พบขอรับ”
“พวกสวะไร้ประโยชน์!” จักรพรรดิปีศาจจันทราเงินตบเข้าที่ศีรษะของปีศาจหมูจนกระเด็นลิ่วออกไป ดุดันผิดปกติ
“เป็นสวะไร้ประโยชน์กันทั้งนั้น!” สายตาของมันเกรี้ยวกราด ราวกับว่ากำลังเลือกคนมาขย้ำกิน
ครึ่งเดือนก่อนหน้านี้ เขาตั้งใจส่งราชาปีศาจสองตนมุ่งหน้าไปตามหาจิ้งจอกสวรรค์เก้าหาง นึกไม่ถึงว่าเจ้าเดรัจฉานทั้งสองจะไม่หวนคืนกลับมา ไม่รู้ว่าไปตายอยู่ที่ไหน
ในยามนั้นจิ้งจอกสวรรค์เก้าหางเพิ่งแปลงกาย บนร่างยังหลงเหลือปราณปีศาจ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ตามหานางได้ง่ายที่สุด บัดนี้ปราณปีศาจบนร่างของนางสูญสลายไปแล้ว
นอกเสียจากมีพลังวิเศษมองทะลุปรุโปร่งจึงจะสามารถมองร่างที่แท้จริงออก หากต้องการตามหาก็ยากเย็นยิ่ง
กว่านับร้อยเท่า!
เจ้าพวกกระจอกทั้งสอง เป็นเพียงหมูโง่ๆ ทำให้จักรพรรดิปีศาจอย่างข้าต้องพลาดโอกาสทองไป พลาดเรื่องสำคัญไป!
……………………………………………….