ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 71 โทรทัศน์สั่งการด้วยเสียงได้ด้วย!
พระธาตุแผ่ธรรม?
ตราบใดที่เป็นลูกศิษย์หอเซียนหลิงอวิ๋นย่อมรู้ว่าในนั้นมีบันทึกวิชาเวทของหอเซียนหลิงอวิ๋น!
นี่เป็นศาสตร์ขั้นสูงซึ่งได้รับการเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดีในหอเซียนหลิงอวิ๋น ทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของอำนาจอันแข็งแกร่งที่สุดของหอเซียนหลิงอวิ๋น
พระธาตุแผ่ธรรมเป็นสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งซึ่งมีคุณลักษณะพิเศษ นั่นคือปราศจากกลไกโจมตีหรือป้องกัน หน้าที่เพียงหนึ่งเดียวคือเผยแผ่คำสอน!
ขอเพียงถ่ายทอดวิชาหรือคำสอนเข้าไปในพระธาตุแผ่ธรรม ก็จะสร้างรอยประทับแผ่ธรรม ทำให้ผู้คนดื่มด่ำอย่างลึกซึ้งราวกับบรรลุในธรรมพร้อมกับคนอื่นๆ
พระธาตุแผ่ธรรมทำให้การสำเร็จวิชาของผู้คนรุ่นแล้วรุ่นเล่าดำเนินสืบไป สะดวกต่อการบำเพ็ญเพียรของอนุชนรุ่นหลังอย่างยิ่งยวด การเผยแผ่คำสอนเช่นนี้นำพาการตื่นรู้และความซาบซึ้งไปพร้อมกัน แม้จะเทียบไม่ได้กับการอาบชโลมในคำสอนโดยตรง แต่ก็มีพลานุภาพอันน่าสะพรึงเช่นกัน
และสิ่งที่ถูกบันทึกไว้ในนั้นก็คือแก่นแท้ในการบรรลุมรรคผลของปรมาจารย์แห่งหอเซียนหลิงอวิ๋นก่อนที่จะสำเร็จเป็นเซียน!
ด้วยพระธาตุแผ่ธรรม การทบทวนคำสอนที่ปรมาจารย์เหลือไว้อย่างสม่ำเสมอ ประสิทธิผลในการบำเพ็ญเพียรทบทวีขึ้นเป็นเท่าตัว ฉะนั้นจึงนับว่าเป็นสมบัติชิ้นสำคัญที่สุดของหอเซียนหลิงอวิ๋น
ขณะที่หลินชิงอวิ๋นกำลังตื่นตะลึง หลินมู่เฟิงกลับไม่รู้สึกหม่นหมองแม้แต่น้อย หนำซ้ำยังกลัวว่าของกำนัลที่ตนนำมานั้นจะถูกปฏิเสธ
แม้แต่น้ำแข็งทมิฬพันปีของอารามเต๋าหลินเซียนยังถูกยกมาไว้ที่นี่ได้ พระธาตุแผ่ธรรมของตนนั้นก็ต้องทำได้เช่น
กัน!
เขารู้สึกเต็มตื้นอยู่บ้าง โชคดีที่ก่อนจะมาที่นี่เขาได้ตัดสินใจไว้แล้วอย่างดิบดี หากนำของขวัญที่ดูแร้นแค้นเกินไปมาก็จะทำให้ปรมาจารย์เกิดภาพจำที่ไม่ดีนัก
เช่นนั้นต่อให้มีพระธาตุแผ่ธรรมไปแล้วจะเกิดประโยชน์อันใด
หลี่เนี่ยนฝานเห็นภาพในผลึกแก้วกลมใส จึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ “โทรทัศน์หรือ?”
โลกบำเพ็ญเซียนนี้น่าสนใจจริงๆ ไม่ต้องใช้ไฟฟ้า ก็มีของเล่นที่คล้ายคลึงกับโลกเดิมอยู่มากมายทีเดียว
การผูกมิตรกับผู้บำเพ็ญเซียนช่างนำพามาแต่เรื่องดีโดยแท้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่มีของน่าสนุกเช่นนี้อยู่เต็มไป
หมดแบบนี้หรอก
เป็นไปได้มากว่าของชิ้นนี้จะไม่ได้มีประโยชน์กับผู้บำเพ็ญเซียนมากนัก แต่ตนเองเป็นแค่ปุถุชนคนหนึ่ง ปรารถนา
จะครอบครองเห็นจะเป็นเรื่องเพ้อฝัน
หลินชิงอวิ๋นเอ่ยถามอย่างห้ามไม่อยู่ “คุณชายหลี่ โทรทัศน์คือสิ่งใดหรือ”
“อ้อ เป็นของเล่นอย่างหนึ่งที่บ้านเกิดข้าน่ะ” หลี่เนี่ยนฝานหลุดยิ้ม เอ่ยพลางหวนระลึก “ในนั้นจะฉายรายการสนุกๆ เยอะแยะเลยละ เนื้อหาสาระที่ฉายมากมายก็ตื่นเต้น สามารถเลือกดูรายการที่ตนเองสนใจได้ ข้าจำได้ว่าในตอนนั้นข้าชอบดูการต่อสู้มาก”
เฮ้อ พอมาถึงที่นี่ก็ไม่มีความบันเทิงอะไรเลยสักอย่าง ห่อเหี่ยวจริงๆ
ผลึกแก้วกลมนี้แย่กว่าโทรทัศน์อยู่มาก ระยะเวลาที่ฉายนั้นแสนจะสั้นยังไม่พอ ภาพยังไม่มีมิติ สเปเชียลเอฟเฟกต์ก็ธรรมดา
นกกระจอกอัคคีนั้น เมื่อเปรียบเทียบกับสเปเชียลเอฟเฟกต์ของโลกเดิมแล้วยังห่างชั้นกันมากโข
กระนั้นแล้ว เมื่อหลินมู่เฟิงและหลินชิงอวิ๋นได้ฟังคำพูดนี้ ก็รู้สึกประหนึ่งถูกอัสนีบาตผ่าแสกหน้า ทำให้พวกเขาสมองชาวาบ ส่งเสียงดังหวึ่งๆ
สมองถูกโจมตีเข้าเต็มเปา
เห็นได้ชัดว่าบ้านเกิดของคุณชายหลี่คือแดนเซียน อีกทั้งสิ่งที่เรียกว่าโทรทัศน์นี้ยังเป็นอาวุธเซียนซึ่งเหนือกว่าพระธาตุแผ่ธรรมไม่รู้กี่เท่า! ไม่เพียงเก็บรักษาวิชาคำสอนได้มาก แต่ยังสามารถเลือกสรรได้ตามใจต้องการ ไม่ว่าจะเป็นศาสตร์ใดก็ล้วนมี
คุณชายหลี่ชอบศาสตร์การต่อสู้มากที่สุด!
เป็นไปได้มากว่าคุณชายหลี่จะเป็นคนหนึ่งที่คลั่งไคล้การต่อสู้ หลังประมือมาแล้วทั้งแดนเซียนจนไร้คู่ต่อสู้จนรู้สึกเหงาหงอย จึงลงมาใช้ชีวิตเยี่ยงปุถุชนบนโลกมนุษย์
หลินมู่เฟิงและหลินชิงอวิ๋นยิ่งรู้สึกเคารพยำเกรงยิ่งกว่าเดิม ถ้าหากไม่รู้ข้อห้ามของคุณชายหลี่ เกรงว่าพวกเขาคงทนไม่ไหวคุกเข่าแทบเท้าไปตรงนั้น
หลี่เนี่ยนฝานส่ายหน้า ออกจะผิดหวังอยู่บ้าง “เป็นของที่น่าสนใจอยู่หรอก แต่น่าเสียดายที่รายการในนี้ไม่ค่อยมีอะไร เปลี่ยนได้ไหม”
เขารังเกียจมรดกตกทอดของปรมาจารย์สำนักตนหรือ ไม่ชอบหรืออย่างไร
หลินมู่เฟิงและหลินชิงอวิ๋นหดตัวด้วยความถ่อมตน ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ทว่าในชั่วขณะต่อมา ก็พบว่าผลึกแก้วกลมกลับพลันส่องประกาย ภาพในนั้นหายไปทันใด ข้อมูลซึ่งเดิมทีถูกบันทึกไว้ถึงกับมลายหายไปทั้งอย่างนั้น!
นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น
หลินมู่เฟิงยืนอึ้งทึ่มทื่อ เนื้อตัวสั่นเทิ้ม รู้สึกเพียงว่าเลือดลมตีกลับ ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่างด้วยความตกใจ
ก่อนที่ปรมาจารย์จะสำเร็จเป็นเซียนก็ไม่ได้บอกไว้นี่นาว่าเรื่องราวที่บันทึกไว้ในนั้นจะถูกลบทิ้งได้!
ขอบตาของเขาพลันเปียกชื้น ในใจบังเกิดความรู้สึกชอกช้ำ มรดกตกทอดที่ปรมาจารย์หลงเหลือไว้ไม่เหลือแม้แต่เศษซาก
แต่ว่า…หากปฐมาจารย์ยังอยู่ที่นี่ ก็คงจะเข้าใจได้กระมัง
หลี่เนี่ยนฝานกลับยิ้มร่าอย่างเบิกบาน “ฮ่าๆๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีฟังก์ชันลบข้อมูล แถมยังสั่งการด้วยเสียงได้
ด้วย”
หลินมู่เฟิงมุมปากกระตุกวูบ ทว่าทำได้เพียงฝืนตอบไปอย่างกระอักกระอ่วน “เหอะๆ ใช่แล้ว”
หลี่เนี่ยนฝานจึงเอ่ยถามว่า “ภาพในนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไรหรือ”
“คุณชายหลี่ ขอเพียงในใจของท่านนึกภาพ มันก็จะบันทึกภาพในใจของท่านออกมา”
“น่าสนใจ” หลี่เนี่ยนฝานหยิบผลึกแก้วกลมขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง พลางนึกในใจ
ไม่สู้ลองสักหน่อยดีกว่า
เขาค่อยๆ หลับตาลง สมองสร้างภาพขึ้นมา
ผลึกแก้วส่องสว่างเบาบางวาบหนึ่ง เมฆขาวหนาชั้นแล้วชั้นเล่าล่องลอยอยู่ภายใน
นัยน์ตาของหลินมู่เฟิงและหลินชิงอวิ๋นหดวูบ จ้องเขม็งไปยังพระธาตุแผ่ธรรม พวกเขาสงสัยเหลือเกินว่าสรุปแล้ว
หลี่เนี่ยนฝานนึกภาพใดอยู่
ผ่าง!
ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ มีเสียงระฆังดังก้องซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ในหูของพวกเขา
ชั่วขณะนั้นเอง แสงอรุณเบิกฟ้า แสงสีทองเอิบอาบหมู่เมฆเหล่านั้นจนกลายเป็นสีทอง!
ภาพเคลื่อนไกลออกไป หมู่เมฆไร้ที่สิ้นสุดแผ่คลุมผืนนภา และพระพุทธองค์ขนาดมหึมาสีทองอร่ามก็ปรากฏแก่สายตาของหลินชิงอวิ๋นและหลินมู่เฟิง
นี่คือพระพุทธรูปทองคำทั้งองค์ สองมือประนม สีหน้ามีเมตตาและการุณย์
องค์พระพุทธรูปใหญ่โตยิ่งนัก ทั้งร่างทะลวงฟ้าดิน ชั้นเมฆแลดูประหนึ่งพันรอบเอวของเขาเอาไว้
ฟืดๆ!
ลมหายใจของหลินมู่เฟิงและหลินชิงอวิ๋นถี่กระชั้น มองจากเงาร่างนี้ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงแรงกดทับมหาศาล
เกินแบกรับ เสมือนว่ากำลังกดจนหายใจไม่ออก
แข็งแกร่งเหลือเกิน น่ากลัวเหลือเกิน!
ฟ้าดินทั้งปวงคล้ายกับว่าอยู่ในกำมือของเขา ทำนองมรรคาอันมากอนันต์แปรเปลี่ยนเป็นเสียงบทสวด แผ่ซ่านไปทุกสารทิศอย่างไม่ลดละ
สมองของพวกเขาขาวโพลน ประดุจมดไรมองดูผู้ยิ่งใหญ่ของโลกหล้า ความรู้สึกว่าตนนั้นเล็กกระจิริดกลืนกืนพวกเขาจนหมด
เขาเป็นสิ่งมีชีวิตเช่นไรกันแน่
บนโลกนี้จะไปมีผู้แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้อย่างไร
ต่อให้เป็นเซียน เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเขาก็คงไม่เท่าไรหรอก
ภาพฉากยังคงดำเนินไปไม่หยุด
ทันใดนั้นก็พบว่าพระพุทธองค์แบมือออก กลางฝ่ามือมีวานรดื้อรั้นตัวหนึ่ง
เจ้าวานรตัวนี้สวมเกราะทองและอาภรณ์วิเศษ ในมือถือกระบอง หว่างคิ้วฉายแววไม่ยอมจำนน
เมื่อเปรียบกับพระพุทธองค์แล้ว วานรก็เหมือนกับมดไร อ่อนแอเหลือแสน กระนั้นในชั่วขณะที่เห็นวานรตัวนั้น หลินมู่เฟิงและหลินชิงอวิ๋นก็พลันตกตะลึง สมองชาวาบ สั่นสะท้านไปทั้งตัว!
นี่ นี่มัน…
ร่างกายของหลินชิงอวิ๋นเริ่มสั่นเทิ้ม นัยน์ตาเบิกกว้างจ้องเขม็ง ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
ภาพฉากนี้ช่างคุ้นตายิ่งนัก ยามนางหลับฝันก็เห็นภาพนี้นับครั้งไม่ถ้วน แต่ก็ไม่มีครั้งใดเลยที่กล้าขบคิด และยิ่งไม่อาจจินตนาการได้ว่าภาพนี้จะน่าตกใจได้มากเท่านี้
นึกไม่ถึง…ว่าบัดนี้จะถึงกับได้เห็นเป็นประจักษ์แก่สายตา!
………………………………………….