ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 77 โชคครั้งใหญ่?
สองชั่วยามผ่านไป
บนท้องฟ้าเหนือหอเซียนหลิงอวิ๋น
ลำแสงสองสายทะยานมาโดยที่มิได้หยุดพักระหว่างทาง ก่อนจะตรงเข้าสู่ประตูใหญ่
“ผู้อาวุโสทั้งสาม รีบมาเร็ว!”
หลินมู่เฟิงยังไม่ทันได้ข้ามพ้นประตูก็ป่าวร้องด้วยความลิงโลด ใบหน้าแดงก่ำอย่างตื่นเต้น
บรรดาลูกศิษย์ของหอเซียนหลิงอวิ๋นมองตามเชิงว่าคำนับ
ผู้ที่รู้จักประมุขของตนดีล้วนรู้ว่าเป็นไปได้มากว่าประมุขเพิ่งได้สมบัติล้ำค่ามาจากที่ไหนสักแห่ง จึงต้องรีบมาอวดสมบัติ!
ทันทีที่สายตาของพวกเขามองไป ก็เห็นว่าในมือของประมุขมีกล่องสี่เหลี่ยมใบหนึ่ง กล่องใบนั้นโปร่งใส ด้านในคล้ายกับบรรจุบางอย่างไว้ด้วย
หรือว่าจะเป็นสิ่งนี้
เป็นสมบัติอันใดกันแน่
ผู้อาวุโสทั้งสามย่อมคุ้นเคยกับภาพเหตุการณ์เช่นนี้ดี จึงไม่รีรอรีบกระวีกระวาดเข้าไปในโถงใหญ่ เอ่ยถามด้วยความคาดหวัง “มีอะไรหรือ มีอะไรหรือ มีของดีมาใช่ไหม!”
หลินมู่เฟิงยกมือขึ้นลูบเครา ยิ้มอย่างมีเลศนัย ตอบว่า “วันนี้ไปเยี่ยมเยือนปรมาจารย์ ได้ประโยชน์มากนัก สมบัติชิ้นนี้ล้ำค่าเกินกว่าพวกเจ้าจะจินตนาการได้!”
ใหญ่เกินกว่าพวกเจ้าจะจินตนาการ?
ฟืดๆ!
ลมหายใจของผู้อาวุโสทั้งสามก็พลันหนักหน่วงขึ้นอย่างห้ามไม่อยู่ สายตาจ้องประมุขสำนักตนเขม็ง
“จะ จริงหรือ” ผู้อาวุโสใหญ่เอ่ยถามเสียงสั่น
ผู้อาวุโสรองใจร้อน จึงถามขึ้นอย่างอดรนทนไม่ไหว “สรุปแล้วคือสิ่งใดกัน รีบนำออกมาให้พวกข้าดูเพื่อเปิดโลก
ทัศน์เร็ว!”
“เร็วเถิด อย่าได้ร้้งรออีกเลย!” ผู้อาวุโสสามเร่งเร้า
หลินมู่เฟิงใบหน้าแดงก่ำ รอยยิ้มฉีกกว้างขึ้นเรื่อยๆ พลางยกกล่องอาหารขึ้นสูง พูดด้วยความตื่นเต้น “ก็คือสิ่งนี้อย่างไรเล่า! ถ่าดาด๊า!” ผู้อาวุโสทั้งสามแทบหยุดหายใจพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พลางเบนสายตาไปหยุดที่กล่องใส่อาหาร
ทันทีที่เห็นก็ถึงกับชะงักไป
ประกายรัศมีเรืองรองเฉกเช่นในจินตนาการของพวกเขามิได้ปรากฏแก่สายตา มีเพียงกล่องธรรมดาแสนจะธรรมดาใบหนึ่ง ข้างในคล้ายกับว่าจะใส่…น้ำแกง?
ผู้อาวุโสใหญ่งุนงงอยู่บ้าง เอ่ยถามอย่างไม่กล้าปักใจเชื่อ “หรือว่านี่จะเป็น…น้ำแกงไก่?”
“ไม่ใช่ น้ำแกงนกอินทรีต่างหาก!”
หลินมู่เฟิงเอ่ยท้วง “นี่เป็นน้ำแกงนกอินทรีที่ข้าต้องประจบประแจงปรมาจารย์อย่างยากลำบากกว่าจะได้มา!”
น้ำแกงนกอินทรี?
ต่างกันตรงไหน
รอยยิ้มค่อยๆ เลือนไปจากใบหน้าของผู้อาวุโสทั้งสาม ไม่รู้ว่าควรตอบประมุขสำนักตนด้วยท่าทีอย่างไรดี
กอปรกับในใจรู้สึกอึดอัดอยู่บ้าง ต่างคนต่างสบตากันแล้วส่ายหน้าโดยที่ไม่มีใครสังเกตเห็น
หรือว่าครั้งนี้ประมุขออกเดินทางไปครานี้ เกิดบังเอิญเจอศัตรูคู่อาฆาตโดยบังเอิญ และถูกทำร้ายจนสมองพังไปแล้ว?
“อุก ฮ่าๆๆ”
ตอนนั้นเอง เสียงระเบิดหัวเราะก็พลันดังขึ้นในโถงกลาง “ผู้เฒ่าหลิน เจ้าบ้าไปแล้วหรือ เจ้านำน้ำแกงนกอินทรี
กล่องหนึ่งกลับมา เพราะคิดว่าเป็นสมบัติล้ำค่า หอเซียนหลิงอวิ๋นคงไม่ได้ยากจนข้นแค้นถึงขั้นนั้นหรอกใช่ไหม ถ้าหากลำบากจริงๆ ไปหยิบหมั่นโถวที่สำนักข้ามาก็ได้ เอาไส้เนื้อนะ!”
หลินมู่เฟิงชะงักงันไป ก่อนจะสังเกตเห็นว่าด้านหลังของผู้อาวุโสทั้งสามยังมีผู้เฒ่าชุดดำคนหนึ่ง ผิวของเขากร้านเกรียม ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น มิได้ดูเหมือนผู้บำเพ็ญเซียนทั่วไป หากแต่เหมือนกับชาวไร่ชาวนาแถบชนบทที่กรำงานหนักเสียมากกว่า
“ผู้เฒ่าซุน? เจ้ามาทำอะไรที่นี่” หลินมู่เฟิงตกตะลึง
“ข้าตั้งใจนำโชคมามอบให้เจ้า!” ผู้เฒ่าซุนหัวเราะร่วน เอ่ยอย่างกระหยิ่มใจ “โชคนี้มูลค่าสูงล้ำกว่าน้ำแกงเนื้อ
นกอินทรีของเจ้าเสียอีก ผู้เฒ่าหลินหนอ เจ้าก็อายุอานามเป็นพันปีแล้ว อย่าทำตัวไม่ประสาถึงเพียงนั้นเลย วางน้ำแกงนก
อินทรีในมือลงเถิด”
“เจ้านำโชคมาให้ข้า?” หลินมู่เฟิงยกยิ้มมุมปากอย่างเดียดฉันท์ แค่นยิ้มเย็นเยียบ “ไม่มีโชคอันใดเทียบได้กับน้ำแกงนกอินทรีนี้! ข้าว่าเจ้ามาที่นี่เพื่อแสวงโชคเสียมากกว่า!”
“ผู้เฒ่าหลิน เจ้าสมองกลับตาลปัตรไปแล้วหรือ ยอดสุราธาราหยกมาวางต่อหน้าเจ้ายังไม่ชายตามอง นี่เจ้าเก็บน้ำแกงเหลือกลับมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ คิดว่าข้าจะสนงั้นรึ” ผู้เฒ่าซุนกล่าวอย่างเดือดดาล โมโหจนสีหน้าแดงก่ำ
ดูหมิ่น นี่มันดูหมิ่นกันชัดๆ!
“เหอะๆ กบก้นบ่อไหนเลยจะรู้ว่าน้ำแกงนกอินทรีนี้ไม่ธรรมดา”
หลินมู่เฟิงใช้สายตาเหยียดหยามกวาดมองพวกเขา ครานี้จึงมั่นใจขึ้นมา ค่อยๆ เปิดฝากล่องอย่างระมัดระวัง ด้วยกลัวว่าน้ำแกงจะหกออกมาแม้เพียงเล็กน้อย กล่องอาหารนั้นแน่นหนา ประดิษฐ์ด้วยวิธีพิเศษซึ่งกักเก็บความร้อนไม่ให้รั่วไหลออกไปแม้แต่น้อย น้ำแกงกำลังเดือดได้ที่ แลดูประหนึ่งเพิ่งตักมาใหม่
สิ่งของของปรมาจารย์นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ แม้แต่กล่องอาหารซึ่งยกให้เขาอย่างไม่ใส่ใจก็ยังยอดเยี่ยมเพียงนี้
“แกร็ก”
กลิ่นหอมจรุงจิตพวยพุ่งออกมายามเปิดกล่องราวกับภูเขาไฟซึ่งถูกกดทับไว้แสนนาน
ผู้เฒ่าซุนกำลังจะกล่าวค่อนแคะ ทว่าคำพูดมาหยุดที่ริมฝีปากก็พูดไม่ออก รู้สึกได้เพียงว่ากลิ่นหอมนี้ไหลไปตามจมูกไปกักยังลำคอของเขา จนไม่อาจเปล่งเสียงออกมา
ผู้อาวุโสทั้งสามสีหน้าเคร่งขรึมลงฉับพลัน จมูกฟุดฟิดพร้อมกัน สายตามองไปยังน้ำแกงนกอินทรีด้วยความสะพรึง
หอม
หอมเหลือเกิน!
“อึก”
ทุกคนกลืนน้ำลายเสียอึกใหญ่ สัมผัสได้ว่าปากคอแห้งฝาก จำต้องกินน้ำแกงแก้กระหายสักคำ
“ประมุข น้ำแกงขาวข้นดั่งหยก กลิ่นหอมรัญจวน เห็นจะเป็นน้ำแกงชั้นดีหาได้ยากยิ่ง ข้าคิดว่าควรค่าแก่การให้
พวกข้าได้ศึกษา” ทันทีที่ผู้อาวุโสใหญ่พูดจบ ร่างก็กลายเป็นลำแสงพุ่งเข้าไปในห้องครัวของหอเซียนหลิงอวิ๋น ครั้นโผล่มาอีกหน ในมือก็ถือชามและตะเกียบไว้แล้วเสร็จสรรพ
“ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวได้ถูกต้อง” ผู้อาวุโสรองพยักหน้าหงึกๆ จากนั้นก็พุ่งเข้าไปในห้องครัวเช่นเดียวกัน
“มีเหตุผล ตรงใจข้าพอดี” ผู้อาวุโสสามย่อมไม่น้อยหน้า
ผู้เฒ่าซุนเองก็ไม่ลดละ ถึงแม้สายตาจะจับจ้องไปยังกล่องน้ำแกงนกอินทรี แต่ก็ยังปากแข็ง “หึ ต่อให้หอมหวนเพียงใด ก็เป็นเพียงน้ำแกงนกอินทรีชามหนึ่ง มีหรือจะเทียบกับของของข้าได้”
ชั่วขณะนั้นเอง ผู้อาวุโสใหญ่ก็ชะงักงันไป ก่อนจะพูดด้วยความตกใจ “เอ๊ะ นี่มัน…จะงอยปากของจักรพรรดิปีศาจจันทราเงิน?!”
เฮือก
ทุกคนเบนสายตาไปทันใด สูดลมหายใจเย็นเฉียบ
จักรพรรดิปีศาจจันทราเงิน!
เป็นจักรพรรดิปีศาจจันทราเงินจริงๆ ด้วย!
“ตกใจไม่เข้าเรื่อง!” หลินมู่เฟิงคลี่ยิ้มบาง กล่าวอย่างสบายอารมณ์ “ก็แค่จักรพรรดิปีศาจจันทราเงิน ก็แค่นกอินทรีตัวเล็กๆ ไม่ต้องไปใส่ใจ”
ก็แค่นกอินทรีตัวเล็กๆ?
ผู้อาวุโสทั้งสามมองหลินมู่เฟิง สีหน้าพลันแปลกประหลาดขึ้นมา
ประมุขสำนักตนออกไปข้างนอกหนเดียว ก็เปลี่ยนไปเป็นคนเสแสร้งแสดงปาหี่ได้เก่งกาจเพียงนี้เชียวหรือ
ถ้าหากข้าจำไม่ผิด ท่านกลัวจักรพรรดิปีศาจจันทราเงินแทบแย่เลยไม่ใช่หรือ
“จักรพรรดิปีศาจจันทราเงินแล้วอย่างไร เนื้อปีศาจก็คือเนื้อปีศาจ มีสิ่งใดน่าแปลกใจ” ผู้เฒ่าซุนยังคงทะนงตนยิ่งกว่าใคร
พวกเขาข่มความตื่นตระหนก สูดน้ำลายมุมปาก ต่างคนต่างตักน้ำแกงนกอินทรีให้ตนเองคนละชาม
เอ๊ะ?
ไฉนก้านๆ พวกนี้ในน้ำแกงถึงได้ดูเหมือนเห็ดโสมวิญญาณเก้าสังคีตนักเล่า
ทั้งยังมีใบไม้พวกนี้ ทำไมถึงได้เหมือนกับใบหญ้าหนีฉาง
กลีบดอกไม้เหล่านี้แลดูคล้ายเห็ดโมราอยู่นะ
พวกเขามองสิ่งที่อยู่ในชามของตน ฉับพลันก็รู้สึกประหนึ่งถูกอัสนีบาตฟาดผ่า ไม่อยากเชื่อความจริงซึ่งอยู่เบื้องหน้า
“นะ นี่คือ…” ผู้อาวุโสทั้งสามมองหลินมู่เฟิงอย่างไม่กล้าปักใจเชื่อ
“ใช่แล้วละ ถูกต้องแล้ว”
หลินมู่เฟิงยิ้มร่าพลางพยักหน้า “รีบกินตอนที่ยังร้อนเถิด ข้าบอกแล้วอย่างไรว่านี่คือโชคอันยิ่งใหญ่”
………………………………………………….