ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 81 นักพรตเทียนเหยี่ยน
ผู้ฝึกตนที่พูดก่อนหน้าคลี่ยิ้มบาง “น่าสนใจ เช่นนี้ให้ข้าลองสักหน่อย”
เขาเหาะทะยานไปหยุดเบื้องหน้าผนังศิลา ใช้พลังปราณเป็นตัวหมาก วางลงบนกระดานหมากทันใด
ตึง!
ลงหมาก!
บนกระดานหมากมีตัวหมากปรากฏขึ้นเอง ไม่รู้ว่าทั้งสองห่างกันกี่ปี ถึงกับมาประลองฝีมือกันข้ามกาลเวลา
ถึงกระนั้น เดินไปได้เพียงสามตา ผู้ฝึกตนคนนั้นซึ่งเดิมทีพกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมก็พลันมีสีหน้าสับสน ดวงตาแดงก ก่ำ พลังปราณทั้งร่างเริ่มปั่นป่วน
“อ๊อก!”
เขากระอักโลหิตสดออกมา ถอยกรูดไปห้าก้าว นัยน์ตาพลันหมองมัวไร้แวว นี่เป็นลางบ่งบอกว่าจิตเต๋านั้นได้รับบาดเจ จ็บหนัก
“ปริศนาทารุณจิตธรรม”
ผู้คนสีหน้าพลันเปลี่ยนไป ต่างคนต่างเบนสายตาไปยังผู้เฒ่าชิงหยางด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ผู้เฒ่าชิงหยาง ก่อน
หน้านี้ท่านไม่เคยบอกนี่ว่านี่เป็นปริศนาทารุณจิตธรรม”
ผู้เฒ่าชิงหยางขมวดคิ้ว “ในเมื่อเป็นแดนเร้นลับ บททดสอบก่อนเข้าไปมีหรือจะง่ายดาย เรื่องนี้ต้องให้ข้าบอกพวกเจ จ้าด้วยหรือ”
ไม่มีใครพูดอะไร พวกเขาแลดูคล้ายกับสุขุมเยือกเย็น แท้จริงแล้วกลับเก็บงำเส้นสนกลในไว้
ในแดนเร้นลับ ความเป็นไปได้สารพัดประการล้วนมีโอกาสเกิดขึ้น ขอเพียงได้รับโอกาสสุดท้ายย่อมกลายเป็นผู้มีชัย กักเก ก็บพลังและผงาดเหนือความสำเร็จของผู้อื่น จึงจะเป็นวิถีจอมราชา
แก่นแท้ของผู้บำเพ็ญเซียนมีเพียงประโยคเดียว ‘สหายตาย ข้ารอด!’
ไม่มีผู้ใดก้าวขึ้นหน้าอีกไปชั่วขณะ สถานการณ์ตกอยู่ในภาวะนิ่งงัน
ในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงแหบพร่าดังมา หัวเราะเย็นเยียบพลางเอ่ย “นักพรตเทียนเหยี่ยน มิสู้ท่านลงมือดูสักหน่อย ไม่ อย่างนั้นแดนเร้นลับคงเปิดไม่ออกไปตลอดกาล!”
นักพรตเทียนเหยี่ยน?
ทุกคนล้วนตะลึงงัน เบนสายตาไปมองยังผู้เฒ่าชุดดำพร้อมกัน
ผู้เฒ่าคนนี้ไว้เคราแพะ เรือนผมและหนวดกึ่งดำกึ่งขาว ใบหน้าซูบตอบ ยืนอยู่ในแถวหลังสุดของฝูงชน มิได้
ปริปากเอ่ยวาจาแต่อย่างใด
หลินมู่เฟิงเองก็หันไปด้วยความประหลาดใจ “นักพรตเทียนเหยี่ยน เจ้าคนคลั่งไคล้วิชาหมาก?”
“นึกไม่ถึงว่าผู้เฒ่าชิงหยางจะเชิญเขามาด้วย!” ผู้เฒ่าซุนเองก็ตื่นอกตกใจไม่แพ้กัน
เหตุที่นักพรตเทียนเหยี่ยนเลื่องชื่อลือนามก็เพราะเขารักการเดินหมากยิ่งชีพ ใช้ทั้งชีวิตไปกับการเดินหมาก
ว่ากันว่าพรสวรรค์ของเขาโดดเด่นเป็นหนึ่งไม่มีสอง อายุเพียงสี่สิบปีก็สำเร็จขั้นหยวนอิง เพียงแต่ว่าตั้งแต่นั้นม มา
ไม่รู้ว่าผีอะไรเข้าสิง นึกครึ้มหลงใหลในวิถีเดินหมาก ไม่เพียงเลิกบำเพ็ญเพียร พลังตบะก็ยังถดถอย กลายเป็นตัว วตลกตัวหนึ่ง จนสำนักต้องไล่ตะเพิดออกมา!
ในตอนนั้น เรื่องนี้ดังกระพือไปทั่ว โลกของผู้บำเพ็ญเซียนก็มีเรื่องให้ซุบซิบน้อยนัก กว่าจะมีเรื่องชวนพิศวง เช่นนี้ก็แสนยากเย็น ทำให้นักพรตเทียนเหยี่ยนกลายเป็นคนดังที่ทุกคนรู้จักกันถ้วนหน้าในชั่วพริบตา
บัดนี้ เวลาล่วงเลยไปสี่ร้อยปี ชื่อเสียงเรียงนามของนักพรตเทียนเหยี่ยนค่อยๆ ถูกลืมเลือนไป นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะถูก กเอ่ยขึ้นมาอีก มิหนำซ้ำยังได้เจอตัวเป็นๆ อีกด้วย
หลินมู่เฟิงส่งกระแสจิตของตนออกไปด้วยความสงสัย ทันใดนั้นใบหน้าก็ฉายแววตื่นตกใจ “เอ๊ะ? ขั้นชูเชี่ยวระดับต้น? หร รือว่าเขาจะใช้วิถีเดินหมากเพื่อทะลวงถึงขั้นเฟินเสิน”
“เป็นไปได้ อย่างไรเสียทางที่เหล่าอัจฉริยะเดินก็มักจะต่างจากคนทั่วไป” ผู้เฒ่าซุนพยักหน้า “ถ้าหากเป็นเขา ประ ะตูของแดนเร้นลับก็อาจจะเปิดได้จริง”
นักพรตเทียนเหยี่ยนมิได้เอ่ยวาจา เขาจ้องมองกระดานหมาก ร่างค่อยๆ เคลื่อนไปหน้าผนังศิลา ดวงตากะพริบปริบๆ
โลกใบนี้นอกจากการเดินหมากแล้ว ก็คล้ายกับว่าไม่มีสิ่งอื่นใดที่เขาสนใจอีก
ภายใต้สายตาของผู้คน เขายกมือขึ้นมาชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งบนกระดานหมาก
ตึง!
แสงจรัสบนผนังศิลายิ่งสว่างขึ้นกว่าเก่า ตื่นเต้นราวกับว่าในที่สุดก็ได้พบกับคู่ต่อสู้ที่เฝ้ารอมานานหลายปี
“มีความหวัง!” ผู้เฒ่าซุนดวงตาเป็นประกาย “เห็นทีครั้งนี้มีคนช่วยล่าสมบัติแล้วสิ”
“ผิดแล้ว” หลินมู่เฟิงกลับส่ายหน้า ถอนหายใจแผ่วเบา “วิธีแก้หมากกระดานนี้มีเพียงหนึ่งเดียว เดินผิดไปเพียง
หนึ่งก้าว จะแพ้ทั้งกระดาน! ยิ่งตกหลุมพรางยิ่งถลำลึก!”
ผู้เฒ่าซุนมองหลินมู่เฟิงด้วยความประหลาดใจ “ผู้เฒ่าหลิน คิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าหรือ ไม่รู้อย่าแสร้งทำเป็นรู้ดี หน่อยเลย”
“ตัวข้าย่อมไม่รู้ แต่ข้ามีปรมาจารย์คอยหนุนหลัง!” หลินมู่เฟิงเอ่ยเสียงเรียบ “หมากกระดานนี้ข้าเคยเห็นที่เรือ อนปรมาจารย์ ทั้งยังโชคดีรู้วิธีแก้โจทย์”
ผู้เฒ่าซุนนัยน์ตาพลันเบิกกว้าง กล่าวอย่างไม่อยากเชื่อ “เจ้าพูดจริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอน” หลินมู่เฟิงพยักหน้า ก่อนจะยิ้มขื่นพล่างส่ายศีรษะ “เท่าที่ข้ารู้ หมากกระดานนี้เป็นเพียงระดับ บง่าย เหมือนใช้สำหรับมือใหม่ฝึกเล่น”
“มะ…หมากระดับง่าย?”
ผู้เฒ่าซุนตกใจสุดขีดจนผมแทบตั้งชี้
หากหมากกระดานนี้เป็นเพียงระดับง่าย เช่นนั้นหมากระดับยากจะเป็นอย่างไรกัน คงยากสะเทือนฟ้าดินเลยกระมัง?
หลังจากนั้น อยู่ๆ เขาก็ฉุกคิดถึงความเป็นไปได้อย่างหนึ่ง ใบหน้าฉายแววหวาดผวาอย่างห้ามไม่อยู่ แทบเอ่ยปากเนื้อตัว วสั่นเทิ้ม “เดี๋ยวก่อน! เจ้าบอกว่าเจ้าเคยเห็นที่เรือนของปรมาจารย์ เป็นเรื่องบังเอิญหรือ หรือว่า…ปรมาจารย์จงใจให ห้เจ้าเห็น?”
ใบหน้าของหลินมู่เฟิงแฝงความเคารพยำเกรง เอ่ยเสียงเคร่งขรึม “เป็นไปได้มาก เกรงว่าปรมาจารย์จะรู้ว่าโจทย์ในแดนเร ร้นลับนี้ไม่ใช่ข้า ผู้ฝึกตนคนอื่นก็แก้ได้ จึงจงใจชี้แนะข้ารอบหนึ่ง!”
คาดการณ์ได้แม่นยำ!
นี่สิถึงจะเรียกว่าคาดการณ์ได้แม่นยำจริงๆ !
ผู้เฒ่าซุนสัมผัสได้ว่าหัวใจของตนกำลังกระตุก สมองชาวาบ ราวกับว่าในความเวิ้งว้างมีดวงตาคู่หนึ่งมองมายังตน มือไร้รูปร่างข้างหนึ่งกำลังขับเคลื่อนทุกสิ่ง
หลินมู่เฟิงและผู้เฒ่าซุนมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างมองเห็นความเคารพเลื่อมใสอย่างยิ่งยวดในดวงตาของกันและกัน
คำพูดมาหยุดที่ริมฝีปาก แต่กลับต้องฝืนกล้ำกลืนลงคอไป ไม่กล้าเอ่ยออกมา
ใช้ฟ้าดินเป็นกระดานหมาก สรรพสิ่งเป็นตัวหมาก!
นี่สิจึงจะเป็นระดับของปรมาจารย์!
ทุกครั้งที่ประสบพบเจอเรื่องราวต่างๆ พวกเขาจะเกิดความรู้สึกว่าระดับของปรมาจารย์นั้นสูงส่งไร้ขีดจำกัด!
ไม่อาจจินตนาการ ไม่อาจคาดเดา!
หลินมู่เฟิงมองไปยังนักพรตเทียนเหยี่ยน แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงซับซ้อน “ศาสตราหมื่นพัน มุ่งสู่เส้นทางเดียวกัน ไม่ม มีใครรู้ว่าทางเส้นใดถูก ทางเส้นใดผิด วิถีเดินหมาก วิถีเดินหมาก…”
“แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเส้นทางใดถูกต้อง แต่ข้ารู้ว่าเดินตามปรมาจารย์ย่อมไม่ผิดพลาด” ผู้เฒ่าซุนมองหลินมู่เฟิง กล่าวด้วยความอิจฉา “หากเจ้าไม่ยินยอมพร้อมใจจะเป็นตัวหมากของปรมาจารย์ มิสู้มอบให้ข้าจะดีกว่า”
“เจ้า?” หลินมู่เฟิงชายตามองผู้เฒ่าซุน หัวเราะอย่างผยองใจ “เจ้าคู่ควรรึ”
ในตอนนั้นเอง สีหน้าของนักพรตเทียนเหยี่ยนก็ย่ำแย่เสียเต็มประดา ใบหน้าซีดเผือดราวกระดาษ เหงื่อเม็ดใหญ่บนใบหน น้าแลดูประดุจเม็ดฝนกระหน่ำลงมา สุดท้ายแล้วทั้งร่างก็สั่นเทา กระอักเลือดออกมาดัง ‘อั่ก’
“ข้าผิดแล้ว ข้าผิดตรงไหนกัน” ความสับสนและคลุ้มคลั่งประดังกันอยู่ในดวงตาของเขา จับจ้องไปยังกระดานหมาก จิต ตเต๋าจวนจะพังทลายอยู่รอมร่อ
“เฮ้อ ข้าเอง”
หลินมู่เฟิงขึ้นหน้าไปพยุงนักพรตเทียนเหยี่ยน ยกมือขึ้นชี้กระดานหมาก ทันทีที่ลงหมากไป กระดานหมากก็พลันเปลี่ยนแป ปลง หมากทั้งกระดานดูราวกับมีชีวิตขึ้นมา
เดินไปเพียงตาเดียว จุดจบคล้ายกับถูกลิขิตไว้แล้ว ผนังศิลาไม่ได้เดินหมากต่อ ทว่าหมากทั้งกระดานก็อันตรธาน
หายไป เกิดเป็นเสียงดัง ‘ครืน’ ผนังศิลานั้นเริ่มเคลื่อนขึ้นเรื่อยๆ!