ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 83 ของขวัญคือกระดาษเขียนคำอวยพร
สถานที่ซึ่งสำนักต่างๆ มาคัดเลือกลูกศิษย์นั้นอยู่ที่มุมทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองลั่วเซียน
ผู้คนซึ่งสัญจรไปมาที่นี่เทียบไม่ได้กับที่อื่นๆ อย่าว่าแต่การละเล่นร้องรำ แม้แต่เสียงดังจ้อกแจ้กจอแจยังน้อยกว ว่ามาก
เมื่อเปรียบกันแล้ว คล้ายกับเป็นบรรยาการที่ตึงเครียดอย่างหนึ่ง
ครั้นเดินทางถึงที่หมาย หลี่เนี่ยนฝานก็ชะงักงันไป นึกไม่ถึงว่าผู้คนจะเยอะแยะขนาดนี้
นอกจากเหล่าผู้บำเพ็ญตนมากหน้าหลายตาซึ่งแลดูสง่างาม ก็ยังมีเด็กๆ และพ่อแม่ของเด็กๆ มากันอุ่นหนาฝาคั่ง
บนใบหน้าของพวกเขาบ้างก็ประดับรอยยิ้มตื่นเต้นครื้นเครง บ้างก็แสนโศกาอาดูร แน่นอนว่าผู้ที่โศกาอาดูรนั้นมีเ เป็นส่วนมาก
สิ่งที่เรียกว่ารับคัดเลือกลูกศิษย์นั้น แท้จริงแล้วก็คือทดสอบรากปราณ ผู้ที่ไร้ซึ่งรากปราณย่อมมีมากกว่า
“คุณชายหลี่ เจ้ามาแล้ว” ป้าจางเห็นหลี่เนี่ยนฝานก็รุดรีบเข้ามาทักทาย เขามองออกว่านางมีสีหน้าวิตกกังวล
หลี่เนี่ยนฝานจึงเอ่ยถาม “ป้าจาง มีเรื่องอะไรหรือ”
“เฮ้อ จะใครที่ไหนก็นานนานน่ะสิ” ป้าจางทอดถอนใจ ตอบด้วยความหนักใจ “เด็กคนนั้นมีรากปราณระดับล่าง แต่กลับดื้อ อดึงจะบำเพ็ญเพียรให้ได้ เกลี้ยกล่อมเท่าไหร่ก็ไม่ยอม!”
หลี่เนี่ยนฝานเลิกคิ้วเล็กน้อย “นางอยู่ไหนหรือ”
“อยู่นั่นไง”
เมื่อมองตามทิศทางที่ป้าจางชี้ไป ก็เห็นเด็กหญิงตัวน้อยกำลังยืนตาแดงก่ำสีหน้าน้อยเนื้อต่ำใจอยู่ท่ามกลางฝูงชน
มีเด็กน้อยอีกหลายคนที่อยู่กับนาง ทว่าพวกเขากลับมีสีหน้าสับสน
ผู้เป็นหัวหน้าคือหญิงชราคนหนึ่ง สีหน้าแลดูชอกช้ำไม่ต่างกัน
ในบรรดาสำนักพรรคต่างๆ ก็มีฐานะต่างกันออกไป สำนักซึ่งอยู่มุมแร้นแค้นเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นสำนักเล็กซึ่งมี ฐานะต่ำต้อย
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่มีคุณสมบัติระดับดีเลิศจะถูกสำนักใหญ่รับไว้เป็นศิษย์ สำนักเล็กจึงทำได้เพียงรับส่วนแบ่งซึ งคุณสมบัติด้อยกว่าไป
“คุณชายหลี่ นานนานฟังเจ้ามากที่สุดแล้ว เจ้าช่วยไปโน้มน้าวนางหน่อยเถอะ”
ป้าจางกล่าวอย่างร้อนใจ “ข้าไปสืบรู้มาว่ารากปราณระดับต่ำไม่เพียงไร้อนาคต แต่ยังไปเป็นตัวตายตัวแทนของผู้บำเพ็ ญเซียน สำนักที่นางกราบอาจารย์เข้าไปนั้นกันดารยิ่งนัก หากจะบำเพ็ญเซียนเช่นนี้ ไม่สู้เป็นปุถุชนอย่างสบายใจจะด ดีกว่า”
“ป้าจาง ข้าจะลองดูแล้วกัน ถ้านานนานไม่ยอม ข้าคิดว่าท่านจะให้นางลองดูก่อนก็ได้ อย่างน้อยก็ยังดีกว่าเสียใจภ ภายหลัง”
หลี่เนี่ยนฝานเงียบงันไปสักพัก ก่อนจะเดินไปหานานนาน
“นานนาน”
“พี่เนี่ยนฝาน” นานนานตาแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม “ข้ามีรากปราณระดับล่าง”
“รากปราณระดับล่างก็ไม่เลวแล้ว นี่เป็นพรสวรรค์ที่มีหนึ่งในร้อยเชียวนะ” หลี่เนี่ยนฝานยิ้มเอ่ย
ดวงตาของนานนานเป็นประกายขึ้นทันใด ถามอย่างคาดหวัง “งั้นท่านก็ไม่ได้มาโน้มน้าวให้ข้ายอมแพ้หรอกหรือ”
หลี่เนี่ยนฝานลูบศีรษะของนานนาน “แน่นอนว่าไม่ใช่ พี่นำของขวัญมาให้เจ้า”
เขารู้อยู่แก่ใจว่านานนานเป็นเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่ามุ่งมั่นอยากบำเพ็ญเซียน โน้มน้าวไม่ได้หรอก
ในตอนนั้นเมื่อหญิงชราหันหน้าไปเห็นจักรพรรดิลั่ว ก็ตะลึงงัน รีบเดินเข้ามากล่าวอย่างเคารพ “ผู้น้อยคำนับจักรพร รรดิลั่ว คำนับองค์หญิง”
จักรพรรดิลั่วพยักหน้าตอบรับ
หญิงชราเหลือบมองหลี่เนี่ยนฝานอย่างไม่เชื่อสายตา ไม่รู้ว่าปุถุชนผู้นี้มีคุณธรรมความสามารถใด ถึงทำให้จักรพรร รดิลั่วมาคอยตามประกบซ้ายประกบขวาเช่นนี้
นางมองไปที่นานนานอีกครา หัวใจกระตุกวูบหนึ่ง หรือว่าลูกศิษย์ที่ตนรับผู้นี้มีพื้นเพไม่ธรรมดา?
ส่วนจักรพรรดิลั่วนั้น ภายนอกแสร้งเป็นแกร่งกล้าสุขุม แท้จริงแล้วหัวใจมีเลือดไหลซิบ แทบอยากจะตบบ้องหูตนเองให ห้รู้แล้วรู้รอด
ข้านี่โง่เง่าจริงๆ ไอ้เจ้าหมูโง่เอ๊ย!
เขาเกือบจะบริภาษตนเองเสียตรงนั้น
รู้ทั้งรู้ว่านานนานสนิทสนมกับหลี่เนี่ยนฝาน แต่ไม่รู้จักรับนานนานไว้เป็นศิษย์ พลาดโอกาสครั้งสำคัญไปอย่า าง
น่าเสียดาย!
คำใบ้ของคุณชายหลี่ชัดเจนไม่พอหรือ ไฉนตนนึกไม่ถึงกันนะ
เขายิ่งคิดยิ่งโมโห แทบอยากจะร่ำไห้ออกมา
ตอนนี้เขาคิดอยากจะรับนานนานเป็นศิษย์ ก็กลับกลัวว่าจะไปยั่วโทสะหลี่เนี่ยนฝาน คร่ำเครียดจนหัวคิ้วขมวดเป ป็นปม
“ของขวัญ?”
นานนานมองหลี่เนี่ยนฝานอย่างตื่นเต้น “ของขวัญอะไรหรือ”
“รอประเดี๋ยว” หลี่เนี่ยนฝานยิ้มบาง เขาเตรียมของไว้แต่แรกแล้ว ค่อยๆ หยิบสี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ[1]ออกม มาจากมิติระบบ
เขากวาดตามองไป แล้วเดินไปยังโต๊ะหินแถวนั้น ก่อนจะกางแผ่นกระดาษออก
จักรพรรดิลั่วหัวใจเต้นระส่ำ ขนลุกซู่ไปทั้งตัว ทั้งกระวนกระวายทั้งคาดหวังสุดขีด
คุณชายหลี่คงไม่คิดจะ…
หากเป็นเช่นนั้นจริง เขาก็แทบไม่อยากจะนึก นี่เป็นโอกาสครั้งสำคัญแล้ว!
เมื่อจักรพรรดิลั่วเพ่งพินิจไป ก็พบว่าหลี่เนี่ยนฝานก็ให้ต๋าจี่ฝนหมึก ส่วนตนหลับตาลงสร้างอารมณ์สุนทรีย์
ในเมื่ออยากบำเพ็ญเซียน เช่นนั้นก็เขียนคำอวยพรก็แล้วกัน
บำเพ็ญเซียนเพื่อให้มีอายุวัฒนะไม่ใช่หรอกหรือ?
ขอให้นานนานอายุยืนยาวจริงๆ แล้วกัน
หลี่เนี่ยนฝานค่อยๆ ลืมตาขึ้น ในดวงตาระคนความหมายล้ำลึก
เขาหยิบพู่กันขึ้นมา
ทันใดนั้น สุนทรีย์อันบางเบาก็ทะลักทลายออกประดุจกระแสน้ำ!
มองจากภายนอก ร่างของเขาคล้ายกับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าดิน อยู่เหนือโลกีย์ทั้งปวง
ผู้คนจากสำนักต่างๆ ยังไม่ทันได้สังเกตเห็นมุมนี้ ในตอนนั้นหัวใจก็เต้นโครม รู้สึกเพียงว่าพลังปราณในร่างกาย หยุดชะงักฉับพลัน แรงกดทับไร้รูปร่างบีบจนตนหายใจไม่ออก
พวกเขาต่างมองไปยังหลี่เนี่ยนฝาน ความสะพรึงกลัวฉายวาบในดวงตา
เขาเป็นปุถุชนจริงหรือ
“ทำนองมรรคาโคจร ทำนองมรรคาโคจรจริงๆ ด้วย!”
ผู้เฒ่าผอมซูบเซียวซึ่งหลบซ่อนอยู่ในมุมมืดพลันถลึงตา แทบส่งเสียงหวีดร้องออกมา
มิน่าเล่าจักรพรรดิลั่วถึงได้ยินยอมพร้อมใจติดตามอยู่ข้างหลังปุถุชนคนนี้ ที่แท้อีกฝ่ายก็มิใช่ปุถุชน หากแต่เป็น นปรมาจารย์ผู้เร้นกายอยู่บนโลกโลกีย์
สายตาของเขาจ้องแผ่นกระดาษเขม็ง ความคิดแล่นปราด
เขามาแล้ว!
เขามาแล้ว!
จักรพรรดิลั่วดวงตาเบิกกว้าง กอบอากาศเข้าปอด ไม่กล้าแม้แต่จะขยับเขยื้อน ด้วยกลัวว่าจะไปกระทบกระเทือนหลี่เนี่ย ยนฝานเข้า
หลี่เนี่ยนฝานจรดพู่กันลง ตวัดฉวัดเฉวียน เพียงอึดใจเดียวก็เขียนเสร็จ
“สวรรค์มีไป๋อวี้จิง สิบสองหอห้าเมือง
เซียนลูบศีรษะ มอบพลังอมตะให้แก่ข้า[2]”
สี่ประโยคสั้นๆ เพิ่งเขียนจบ กลับมีกระแสลมกรรโชกถาโถมเข้าใส่ พัดอาภรณ์ทุกคนจนปลิวไสว ลมนี้แลดูรุนแรงนัก แต่ ยามปะทะเข้ากับร่างคนกลับโชยเบาๆ อย่างนุ่มนวลเกินพรรณนา
ปุถุชนคิดว่านี่เป็นเพียงลมธรรมดา ผู้บำเพ็ญเซียนในที่แห่งนั้นกลับสัมผัสได้ถึงทำนองมรรคามหาศาล ทำนองมรรคา นี้ถึงกับกลายเป็นระลอกคลื่นที่หมายกลืนกินแผ่นดินนี้ให้จมลง
และทำนองมรรคาอันเข้มข้นนี้ก็ออกมาจากแผ่นกระดาษเขียนคำอวยพร!
ผู้บำเพ็ญเซียนซึ่งอยู่ในที่แห่งนั้นหัวใจเต้นระส่ำแทบคลั่ง ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
ผู้ยิ่งใหญ่ระดับนี้โผล่มาจากที่ใดกัน
ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าถาม ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่กล้าพูด ทำได้เพียงถ่อมตัวอย่างหวาดหวั่น
จักรพรรดิลั่วอยู่ใกล้ที่สุด เมื่อเห็นบทกลอนสั้นๆ เพียงสิบกว่าคำ สมองก็พลันกู่ก้องกราวกับทะลวงผ่านม่านหม มอกอันสับสน คลับคล้ายคลับคลาว่าเห็นที่พำนักของเทพเซียนบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า หอสูงตระหง่านนำพาความยิ่งใหญ่น่าเกร รงขาม ทั้งยังมีเสียงบรรเลงดนตรี ชวนเคลิบเคลิ้มถอนตัวไม่ขึ้น
หลี่เนี่ยนฝานม้วนกระดาษเรียบร้อย ยิ้มเอ่ย “นานนาน อันนี้ให้เจ้า”
“ขอบคุณพี่เนี่ยนฝาน” นานนานรับไว้ด้วยความดีใจ นางสัมผัสถึงสุนทรีย์ไม่ได้ รู้สึกเพียงว่าตัวหนังสือที่พี่เน นี่ยนฝานเขียนนั้นงดงามราวกับบินออกมาจากกระดาษอย่างไรอย่างนั้น
แผ่นกระดาษเขียนคำอวยพรนี้…ให้คนไปง่ายๆ เช่นนี้เลยหรือ? ทั้งยังมอบให้ปุถุชนเสียด้วย
ผู้บำเพ็ญเซียนทุกคนล้วนงุนงงไปตามกัน สมองของพวกเขาไม่อาจตอบสนอง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าควรทำอย่างไร
หญิงชราผู้นั้นสมองขาวโพลน ความสามารถในการขบคิดมลายหายไปสิ้นราวกับกลายเป็นหุ่นไม้ นิ่งงันอยู่ที่เดิมเช่นนั้น น
สมบัติล้ำค่า!
นี่เป็นสมบัติล้ำค่าไม่อาจประเมินราคาได้!
มอบให้แก่ลูกศิษย์ที่ตนเพิ่งรับเข้าสำนักเนี่ยนะ
นางรู้สึกราวกับเป็นภาพฝัน งงงันที่อยู่ๆ สวรรค์ก็โยนแป้งทอดไส้เนื้อชิ้นโตลงมาให้
“ชอบก็ดีแล้ว จำไว้ว่าต้องตั้งใจฝึกฝน” หลี่เนี่ยนฝานบอก
นานนานพยักหน้ารัว ยืนยันเป็นมั่นเหมาะ “อื้มๆ ข้าจะทำให้ได้!”
“เอาละ นี่ก็ดึกแล้ว ข้าต้องกลับบ้านแล้วละ” หลี่เนี่ยนฝานบอก
ทันใดนั้นนานนานก็พูดขึ้นว่า “พี่เนี่ยนฝานรอก่อน ต่อไปข้าจะต้องแย่งของที่ดีที่สุดในโลกมาให้ท่าน!!”
“ฮ่าๆๆ ได้ ข้าจะรอ!”
………………………………..
[1] สี่สิ่งล้ำค่าในห้องหนังสือ หมายถึงพู่กัน กระดาษ หมึก และแท่นฝนหมึก
[2] สวรรค์มีไป๋อวี้จิง สิบสองหอห้าเมือง เซียนลูบศีรษะ มอบพลังมอมตะให้แก่ข้า มาจากบทกลอนของหลี่ไป๋ อ้างถึง งความเชื่อในปรัชญาเต๋าว่าบนสวรรค์มีไป๋อวี้จิง และบนเทือกเขาคุนหลุนมีห้าเมืองสิบสองหอ นอกจากนั้นยังเล่าว่า หลี่ไป๋ได้ความเป็นอมตะมาจากเทพเซียน