ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 84 การเมินเฉยนั้นน่ากลัว
จักรพรรดิลั่วติดตามหลี่เนี่ยนฝานไปจนถึงประตูเมืองลั่วเซียน
หลี่เนี่ยนฝานพูด “จักรพรรดิลั่ว ท่านก็เป็นผู้บำเพ็ญเซียน หากเป็นไปได้ รบกวนช่วยดูแลนานนานให้ที”
“คุณชายหลี่วางใจเถิด ข้าจะคอยดูแลนาง!” จักรพรรดิลั่วพยักหน้ารับคำ
“ขอบคุณ ข้าขอตัวก่อน”
ครั้นมองไม่เห็นแผ่นหลังของหลี่เนี่ยนฝานแล้ว จักรพรรดิลั่วก็ยกมือขึ้นตบหน้าตนเองดังฉาดโดยไม่ลังเล
ตบสลับซ้ายขวาไปเลย
“ผัวะๆๆ!”
สามฉาดแรงๆ เสียงดังสนั่น
“โง่! ข้ามันโง่!” จักรพรรดิลั่วกัดฟันกรอด แทบหลั่งน้ำตา
เห็นนานนานอยู่ทนโท่ รู้ทั้งรู้ว่าหลี่เนี่ยนฝานสนิทกับนานนาน โอกาสครั้งใหญ่เพียงนี้แต่กลับปล่อยหลุดมือให้คนอื่นไปเสียได้!
พลาดโอกาสทอง พลาดโอกาสทองซะแล้ว!
นั่นเป็นของที่คุณชายหลี่จรดพู่กันเขียนเองเชียวนะ มิหนำซ้ำเรื่องที่เขียนยังเกี่ยวข้องกับตำหนักสวรรค์ แฝงด้วยวิถีอายุวัฒนะ เรียกได้ว่าเป็นของล้ำค่าประเมินราคาไม่ได้และโชควาสนาอันยิ่งใหญ่!
ยิ่งไปกว่านั้น นอกจากกระดาษเขียนคำอวยพรแล้ว ถึงแม้นานนานจะมีเพียงรากปราณระดับล่าง แต่เบื้องหลังก็ยังมีคุณชายหลี่เชียวนะ!
เป็นถึงผู้ยิ่งใหญ่ได้ มีหรือจะไม่มั่นคง
โอกาสสำคัญเช่นนี้ไยตนจึงปล่อยให้หลุดมือไปได้
สมองของข้ามีไว้ประดับหัวก็แค่นั้น ใช้ประโยชน์อันใดได้
ลั่วซืออวี่เอ่ยปากโน้มน้าว “ท่านพ่อ ช่างเถิด ปรมาจารย์ทำเช่นนี้ย่อมมีเจตนาลึกซึ้ง ในเมื่อพวกเรารู้แล้ว ก็ตั้งใจตามน้ำไปยังไม่สาย”
จักรพรรดิลั่วพรูลมหายใจยาว “เฮ้อ ก็คงจะต้องเป็นเช่นนี้ละ”
ทว่าในตอนนั้นเอง อยู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป พลังทั้งร่างพลันพลุ่งพล่าน แปลงเป็นลำแสงโผทะยานไปยังประตูเมืองทิศบูรพา
“เจ้าหนูโสโครกจากที่ใดกล้ามาก่อเรื่องในอาณาเขตราชวงศ์เซียนเฉียนหลง?!”
เขาเดือดดาลสุดขีด เปล่งเสียงตวาดลั่น แทบใช้ความเร็วสูงสุดในชีวิตพุ่งเข้าปะทะ
จักรพรรดิลั่วในใจร้อนรน เพิ่งรับปากคุณชายหลี่ไม่ทันขาดคำว่าจะดูแลนานนานให้ดี ไม่ทันไรนานนานก็ถูกจับไปแล้ว แบบนี้เขาไม่ต้องชดใช้ด้วยชีวิตแก่ๆ นี้หรอกหรือ!
ห้ามเกิดเรื่องเด็ดขาด จะปล่อยให้นานนานเป็นอะไรไปไม่ได้!
เขาย้ำเตือนตนเองไม่หยุดหย่อน ถึงขั้นที่แม้แต่พลังปราณก็ยังเริ่มลุกโชน ต้องช่วยนานนานให้ได้
เงาดำก็ว่องไวไม่แพ้กัน เขาที่พานานนานไปกำลังจะแปลงเป็นกลุ่มหมอกดำทะมึน เคลื่อนที่อย่างเร็วรี่ท่ามกลางความมืดมิดอนธการ
“จักรพรรดิลั่ว เด็กคนนี้มิได้เป็นลูกหลานเจ้า ไยเจ้าต้องรีบร้อนไล่ตามด้วยเล่า” เงาดำเอ่ยเสียงเจ้าเล่ห์ แค่นหัวเราะเย็นเยียบ
“นักพรตเทียนหมัว!”
จักรพรรดิลั่วแทบคำรามชื่อของเงาดำนี้ออกมา “เจ้าวางนานนานลงเดี๋ยวนี้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป ไม่เช่นนั้นต่อให้หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ข้าจักรพรรดิแห่งราชวงศ์เซียนเฉียนหลงจะตามสังหารเจ้าจนให้ตายกันไปข้าง!”
เขาลอบด่ากราดอยู่ในใจ ไอ้เจ้านักพรตเทียนหมัวนี่มันสมองกลับไปแล้ว ไม่รู้ถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ แม้ว่าเด็กคนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกับข้า แต่ก็เป็นคนที่สำคัญมาก
“เหอะๆ เป็นเพราะปรมาจารย์ท่านนั้น เจ้าถึงได้มาตามสังหารข้ากระมัง” นักพรตเทียนหมัวหัวเราะเยาะ “เจ้า
คิดจะใช้เรื่องนี้ประจบเขา?”
“เจ้ามันจะไปรู้อะไร! เจ้าไม่รู้เสียแล้วว่ากำลังล่วงเกินบุคคลระดับใดอยู่!” จักรพรรดิลั่วตวาดลั่น “กลับไปครานี้เจ้าอาจไม่มีชีวิตรอดก็เป็นได้ ปรมาจารย์ท่านนั้นอยู่ในระดับที่เจ้าไม่กล้าจินตนาการเชียวละ!”
“ฮ่าๆๆ อย่ามาขู่ข้าหน่อยเลย!”
นักพรตเทียนหมัวหัวเราะเย้นหยันอย่างอดไม่ได้ “สามารถเขียนกระดาษอวยพรแฝงทำนองมรรคาได้ ข้าเองก็รู้ว่าไม่ธรรมดา แล้วก็ไม่กล้าจินตนาการด้วย แปดส่วนคงจะเป็นอริยบุคคลขั้นต้าเซิ่งที่ผ่านด่านเคราะห์สำเร็จแล้วกระมัง แต่เพราะไม่อาจสำเร็จเป็นเซียนถึงได้รั้งอยู่บนโลกมนุษย์”
“เจ้ากบก้นบ่อ เจ้ามันกบก้นบ่อแท้ๆ!” จักรพรรดิลั่วหน้าแดงก่ำ การเมินเฉยไม่ใฝ่รู้นี่น่ากลัวเสียจริง เป็นภัยต่อตนและผู้อื่น!
มีตาหามีแววไม่!
ผู้ฝึกตนขั้นต้าเซิ่งเขียนกระดาษคำอวยพรเทียบขนเส้นเดียวของคุณชายหลี่ได้ด้วยรึ
ทั้งสองเป็นผู้ฝึกตนขั้นชูเชี่ยวเหมือนกัน ปราดเปรียวว่องไว มองจากด้านล่างดูประหนึ่งดาวตกวาบผ่านฟากฟ้าไป
ไม่นานก็เข้าไปในป่าทึบ
ความเร็วของนักพรตเทียนหมัวลดลงฉับพลัน ก่อนจะหยุดลงบนก้อนหินมหึมา เขาปล่อยนานนานลงบนต้นไม้อย่างไม่แยแส หันหลังไปมองจักรพรรดิลั่วอย่างเย้ยหยัน
เขาเอ่ยว่า “เจ้านี่มันตอแยไม่เลิก น่ารำคาญเหมือนแมลงวัน!”
จักรพรรดิลั่วขมวดคิ้วมุ่น ในใจผุดลางสังหรณ์ไม่ดีนัก แต่ก็กล่าวว่า “นักพรตเทียนหมัว เด็กคนนี้ไม่ใช่คนที่เจ้าจะแตะต้องได้ ข้าจะบอกเจ้าไว้ว่าปรมาจารย์ท่านนั้นเหนือกว่าเจ้ามาก น่ากลัวว่าจะสำเร็จมรรคผลแล้ว!”
“สำเร็จมรรคผล? อุก ฮ่าๆๆ…”
นักพรตเทียนหมัวอดแหงนหน้าระเบิดหัวเราะไม่ได้ ราวกับว่าได้ฟังเรื่องน่าขันที่สุดในใต้หล้า ส่ายหน้าอย่างเดียดฉันท์ “จักรพรรดิลั่ว เจ้ารู้หรือไม่ว่าเจ้ากำลังพูดอะไรอยู่ จะคุยโวทั้งทีก็ให้เข้าท่าหน่อย สิ่งใดที่เรียกว่ามรรคผล ความคิดเป็นความจริง คำพูดเป็นกฎเกณฑ์! เซียนยังทำไม่ได้ โลกบำเพ็ญเซียนไหนเลยจะมีผู้ที่ทำได้เพียงนั้น”
“เกินเยียวยา โง่เขลาดักดาน!”
จักรพรรดิลั่วส่ายหน้า สองมือยื่นออกไป เปลวไฟแดงฉานสายหนึ่งส่องสว่างฟ้ายามราตรี ราวกับเป็นโซ่เพลิงสายยาว โรมรันเข้าใส่นักพรตเทียนหมัว
นักพรตเทียนหมัวหัวเราะเยาะอีกหลายครา มือขวายื่นออกมา ธงใหญ่สีดำทะมึนปรากฏขึ้น ธงนี้ดูเก่ามอซอ แถมบนนั้นยังมีรูขาดวิ่น ทว่ากลับโบกสะบัดลิ่วลม นำพาลมดำกลิ่นคาวคลุ้งพร้อมกับเสียงหวีดร้องโหยหวนของเหล่าภูติผีมา
ไอดำแผ่กระจายออกมาจากธงนั้น โอบล้อมนักพรตเทียนหมัวอยู่ใจกลาง
โซ่เพลิงค่อยๆ โอบรัดรอบไอดำ ก่อนจะหดรัดอย่างรวดเร็วราวกับงูเหลือมตัวยักษ์ใหญ่
“ฟ่อๆๆ”
เปลวไฟและไอดำเข้าปะทะกัน ทันใดนั้นก็ส่งเสียงเล็กแหลมแสบหู ต่างฝ่ายต่างนิ่งค้าง
“ธงเซ่นโลหิต!”
สีหน้าของจักรพรรดิลั่วหนักอึ้งขึ้นมา “นักพรตเทียนหมัว เจ้าทำร้ายผู้บริสุทธิ์ ถึงกับสร้างของวิเศษชั่วร้ายพรรค์นี้ขึ้นมา สมควรตาย!”
“จุ๊ๆ ได้ยินว่าเพลิงมังกรพสุธาของราชวงศ์เซียนเฉียนหลงเป็นอริกับวิชามารทั้งปวง วันนี้ได้เห็นก็ไม่เท่าไหร่” ท่ามกลางไอดำ เสียงหัวเราะเยาะชั่วร้ายของนักพรตเทียนหมัวก็ดังมา
จากนั้นไอดำก็เริ่มหมุนวนไม่หยุด มีบางส่วนเปลี่ยนรูปเป็นงูตัวเล็กมากมาย แล้วพุ่งเข้าโจมตีจักรพรรดิลั่ว
“วอนตาย!” จักรพรรดิลั่วตวาดเสียงทุ้ม มือซ้ายยกขึ้นเล็กน้อย ชามกลมสีแดงเพลิงก็ปรากฏบนฝ่ามือ
ชามกลมหมุนช้าๆ ครั้นหันไปหาไอดำเหล่านั้น ก็มีแสงของเปลวเพลิงโชติช่วงส่องสว่างออกมาจนงูเล็กฝูงนั้นสลายไปจนไร้รูปร่าง
หลังจากนั้นในชามกลมก็มีเปลวไฟพุ่งออกมารวมเป็นหนึ่งเดียวกับโซ่เพลิง และกลายเป็นมังกรยักษ์เปลวเพลิง
มังกรยักษ์นั้นมีขนาดใหญ่กว่าโซ่เพลิงหลายเท่าเห็นจะได้ ร่างของมันยังคงพัวพันกับไอดำ เศียรมังกรอันน่าเกรงขามชูขึ้นมองลงมายังไอดำเบื้องล่าง ก่อนจะอ้าปากพ่นปราณมังกรออกมามากมาย!
ฟู่
เปลวเพลิงสีแดงฉานโอบล้อมไอดำไว้ ที่แห่งนี้คล้ายกับกลายเป็นทะเลเพลิง
วิ้ดๆๆ
เสียงแหลมเสียดโสตประสาทดังมาจากในไอดำไม่หยุดหย่อน หมุนวนสะเปะสะปะ ราวกับจะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
“ท่านพ่อ”
ไกลออกไป ลั่วซืออวี่กับจงซิ่วมาไม่ทันการณ์ เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ก็ผ่อนลมหายใจยาวอย่างอดไม่ได้ เห็นทีผลแพ้ชนะคงลิขิตไว้แล้ว
“ซืออวี่ เจ้าไปพานานนานออกมา” จักรพรรดิลั่วบอก
ลั่วซืออวี่พยักหน้า รุดเข้าไปนำตัวนานนานออกมาอย่างเร็วรี่
กระนั้นแล้ว ยามที่มือของนางกำลังจะแตะตัวนานนาน ไอดำมิดหมีสายหนึ่งก็ทะลุผ่านชั้นเปลวเพลิง กลายเป็นโซ่กุญแจสีดำพันร่างของลั่วซืออวี่ไว้
“คิๆๆ”
เสียงหัวเราะแหลมแปร่งของนักพรตเทียนหมัวก็ดังมาจากท่ามกลางเปลวเพลิง ราวกับว่าเห็นเหยื่อซึ่งใช้เหยื่อล่อมาอีกที
จักรพรรดิลั่วหน้าพลันถอดสีเล็กน้อย เอ่ยอย่างไม่เชื่อสายตา “เป็นไปได้อย่างไร”
“จักรพรรดิลั่ว ข้ากล้ามาจับคนใต้จมูกเจ้า เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าข้าจะไม่เตรียมการมาก่อน” นักพรตเทียนหมัวเอ่ยเสียงเย็นเยียบ พานให้สีหน้าของจักรพรรดิลั่วหนักอึ้งจนถึงก้นเหว
เขาสมองแล่นปราดเล็กน้อย จึงสังเกตเห็นว่ารอบกายมืดสนิดเป็นพิเศษ นี่ไม่ใช่สีของยามราตรี หากแต่เป็นความมืดอันบริสุทธิ์!
เงยหน้ามองฟ้าก็ไม่เห็นแม้แต่ดวงจันทร์
“ค่ายกล?” จักรพรรดิลั่วพูดลอดไรฟัน
ไม่รู้ว่าเขาถูกความมืดมิดก้อนนี้ห่อหุ้มไว้และติดกับอยู่ในนี้ตั้งแต่เมื่อใด
“สวบๆๆ”
เสียงฝีเท้าดังขึ้นจากในป่า
ผู้ฝึกตนสวมชุดสีดำสามคนเยื้องย่างมา มองจักรพรรดิลั่วและคนอื่นๆ อย่างไม่ญาติดีนัก
“ฮ่าๆๆ จักรพรรดิลั่วหนอจักรพรรดิลั่ว เจ้าช่างเป็นตัวอย่างของคนที่แส่ไม่เข้าเรื่อง นึกไม่ถึงว่าจะมีจุดจบเช่นนี้เพียงเพราะเด็กที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกัน น่าขันเสียจริง” นักพรตเทียนหมัวหัวเราะลั่น “ตัวเองไม่เพียงถูกจับ แต่ลูกเมียก็มาตกอยู่ในกำมือของข้าด้วย!”
จักรพรรดิลั่วเงียบงันไม่เอ่ยวาจา สองมือขยับร่ายเวทอย่างว่องไว
“หวึ่งๆๆ”
ชามกลมในมือสั่นอย่างรุนแรง ส่งเสียงร้องแผ่วเบา
“ตู้ม”
หลังจากเสียงดังกัมปนาท เปลวเพลิงมหึมาก็พวยพุ่งออกมาราวกับภูเขาไฟ พุ่งขึ้นด้านบนหมายโจมตีไอดำซึ่งโอบล้อมไว้
“วืดๆๆ”
ไอดำนับไม่ถ้วนแตกกระสานซ่านเซ็น อุณหภูมิของแสงเพลิงทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ ประหนึ่งว่าจะเจาะทะลวงความมืดมนซึ่งพันธนาการตนไว้
“หึ”
นักพรตเทียนหมัวแค่นเสียงขึ้นจมูก กระชับธงเซ่นโลหิตแล้วโบกสะบัด
ในตอนนั้นเอง มวลไอดำมากมายบนท้องฟ้าก็เริ่มรวมตัวกัน อัดแน่นอย่างรวดเร็วแล้วพุ่งเข้าใส่จักรพรรดิลั่ว
จากนั้นก็กลายรูปเป็นโซ่สีดำอีกหลายสิบเส้น พุ่งเข้ารัดจักรพรรดิลั่วและจงซิ่วโดยไม่ทันตั้งตัว
จักรพรรดิลั่วทนไม่ไหวจึงเอ่ยว่า “นักพรตเทียนหมัว เจ้าควรไตร่ตรองให้ดีว่าจะตั้งตัวเป็นศัตรูกับปรมาจารย์จริงหรือ”
“ฮ่าๆๆ ข้าคิดเสร็จตั้งแต่เริ่มลงมือแล้ว!” นักพรตเทียนหมัวหัวเราะลั่น เอ่ยอย่างเดียดฉันท์ “โลกบำเพ็ญเซียนกว้างใหญ่เพียงนี้ ข้าจะไปที่ไหนก็ย่อมได้! อีกอย่าง เจ้าคิดหรือว่าเขาจะยอมเดือดร้อนเพียงเพราะพวกเจ้าไม่กี่คน”
จักรพรรดิลั่วส่ายหน้า กล่าวเสียงเย็น “ผู้ไม่รู้ย่อมไม่กลัวโดยแท้ หากปรมาจารย์อยากจะฆ่าเจ้า แค่คิดไปส่งเดชเขาก็จัดการได้แล้ว!”
“น่าขันสิ้นดี หากแข็งแกร่งอย่างที่เจ้าพูดจริง ข้าอยู่นี่ ไฉนจึงไม่เห็นเขามาช่วยพวกเจ้าเลยเล่า” นักพรตเทียนหมัวได้ใจเสียเต็มประดา สองมือถือธงพลางโบกสะบัด
“โฮก!”
ชั่วขณะนั้น กลุ่มไอดำก็ส่งเสียงคำราม พุ่งเข้าโจมตีจักรพรรดิลั่วและจงซิ่ว
อั่ก!
ทั้งสองถูกไอดำกระแทกจนกระเด็น สูญสิ้นเรี่ยวแรงต่อสู้
“ท่านพ่อ!” ลั่วซืออวี่ถูกมัดไว้ เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ก็ตกใจจนใบหน้างามสะคราญถอดสี
“ฮ่าๆๆ โฉมงามอย่าได้เกรงกลัว ประเดี๋ยวมาหาข้า ข้าจะเอ็นดูเจ้าเป็นอย่างดี” นักพรตเทียนหมัวมองลั่วซืออวี่พร้อมหัวเราะอย่างหยาบโลน “จักรพรรดิลั่ว ข้าต้องขอบคุณที่เจ้าอุตส่าห์ยกภรรยากับลูกสาวให้ข้านำมาทำเตาหลอม”
สาวงามย่อมมาก่อน แม้ว่าเขาแทบจะอดรนทนไม่ไหว แต่ก็ยังไม่ลืมเรื่องหลัก รีบสาวเท้าเข้าไปหานานนาน…
………………………………………..