ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 91 มีชัยเหนือสวรรค์!
ทันทีที่มองไป สมองของเขาก็พลันดังก้องกัมปนาท คำว่าฟ้าดินสองคำบนกระดานหมากดึงดูดความคิดของเขาเข้าไปประหนึ่งวังน้ำวน
แต่ทว่าเขาย่อมคุ้นเคยกับวิถีหมาก จึงสูดลมหายใจเข้าลึก ประคองสติสัมปชัญญะให้มั่นคง
ชั่วขณะนั้น ภาพที่เขามองเห็นนั้นแตกต่างจากคนอื่น มิได้อยู่ในโลกบนกระดานหมากอีกต่อไป แต่กลับเห็นว่ากระดานหมากคล้ายกับแผ่กว้างสุดลูกหูลูกตา ขยายไปทั้งผืนพิภพ ในที่สุดก กระดานหมากนี้ก็โอบล้อมฟ้าดินไว้จริงๆ
โลกใบนี้ใหญ่โตมโหฬาร ใหญ่โตถึงขั้นที่เขาเป็นนักหมากล้อม ก็ยังไม่รู้ว่าควรเริ่มเดินอย่างไร
ความรู้สึกนี้ก็เหมือนการที่ อยู่ๆ ปุถุชนคนหนึ่งก็จับพลัดจับผลูได้มาครอบครองแว่นแคว้นแห่งหนึ่ง ย่อมไม่รู้ว่าควรปกครองอย่างไร
ตึงๆๆ!
ทำนองมรรคมหาศาลเข้าโจมตีเขาระลอกแล้วระลอกเล่า หมายจะกลืนกินให้เขาจมลง ทำให้เขายอมแพ้ตรงนั้น
นี่คือสภาวการณ์ฟ้าดินหรือ
ใช้ฟ้าดินเป็นหมากย่อมต้องถูกโจมตีจากสภาวการณ์ฟ้าดินอันไร้ที่สิ้นสุด
ถ้าหากทำนองมรรคาในกายไม่เพียงพอ ก็จะแหลกสลายไปในชั่วพริบตา!
ในใจของนักพรตเทียนเหยี่ยนทั้งหวั่นกลัวทั้งตื่นเต้น เขาจับจ้องไปยังกระดานหมากเขม็ง คล้ายกับกำลังเสาะหาตำแหน่งวางหมาก
นี่เป็นโอกาสที่ปรมาจารย์มอบให้ข้า สำหรับข้าแล้วนับเป็นวาสนาสูงสุดแห่งใต้หล้า ต้องทำให้ดีที่สุด!
ในที่สุด สายตาของเขาก็พลันแน่วแน่ วางหมากลงในจุดกึ่งกลางของกระดาน!
“แกร็ก!”
ทันทีที่หมากสีขาววางลง กระดานหมากก็คล้ายกับว่าส่องแสงวาบขึ้นมา
หลี่เนี่ยนฝานมองนักพรตเทียนเหยี่ยน ยกยิ้มอย่างห้ามไม่อยู่
ดูจากตั้งแต่การหยิบหมากขึ้นมาและวิธีการวางหมาก นักพรตเทียนเหยี่ยนเชี่ยวชาญวิถีหมากอย่างแน่นอน การเดินหมากมั่นคงและชำนิชำนาญ ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ ที่ผ่านมา หยิบหมากขึ้นมาย ยังไม่มั่นคง ไม่รู้ว่ายามลงหมากจะเป็นอย่างไร
เพียงแต่ว่า เมื่อมองจากทางเดินหมากของเขาแล้วกลับรุนแรงและบีบคั้นเกินไป อาจเป็นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เดินหมากกับเขาจึงตื่นเต้นเกินไป พลอยให้เป็นแบบนี้
หลี่เนี่ยนฝานคลี่ยิ้มบาง หยิบหมากสีดำขึ้นมาวางลงดัง ‘แกร็ก’
แต่กลับวางลงบนจุดดาวทางมุมซ้าย!
นักพรตเทียนเหยี่ยนนัยน์ตาหดเกร็ง หัวใจของเขาเต้นโครม เขานั่งไม่ติดราวกับเห็นการแปรผันของสภาวการณ์ฟ้าดิน เขาเกิดภาพหลอนว่าตนเป็นนักหมากล้อมคนหนึ่งซึ่งกำลังใช้ฟ้าดินเป ป็นหมากมาประลองกัน ก่อกวนสภาวการณ์ฟ้าดิน !
ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้เขาแทบลอยได้
“แกร็กๆๆ”
หลี่เนี่ยนฝานและนักพรตเทียนเหยี่ยนลงหมากกันอย่างไม่ลดละ เกิดเป็นเสียงกังวานใสดังชัดไปทั้งเรือน
หลินมู่เฟิงและผู้เฒ่าซุนสังเกตการณ์อยู่ด้านข้างอย่างเงียบเชียบ
พวกเขามองนักพรตเทียนเหยี่ยน ดวงตาเผยความรู้สึกอิจฉาเต็มประดา
ในฐานะผู้ชมข้างสนาม พวกเขาสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของไอปราณบนร่างของนักพรตเทียน
เหยี่ยนได้อย่างแจ่มชัด รอบกายมีทำนองมรรคาโคจรไม่หยุดหย่อน ไอปราณยิ่งเบาบางลง นี่หมายความว่าได้รับการชำระล้างจากทำนองมรรคา โอกาสเช่นนี้ยิ่งใหญ่เกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบ !
แม้แต่คนโง่เขลาก็ยังรู้ว่าปรมาจารย์กำลังชี้แนะนักพรตเทียนเหยี่ยนอยู่!
ความจริงแล้วหลี่เนี่ยนฝานก็กำลังชี้แนะเขาอยู่จริงๆ นั่นละ
ตั้งแต่เริ่มลงหมาก หลี่เนี่ยนฝานก็พบว่าฝีมือการเดินหมากของนักพรตเทียนเหนี่ยนนั้นนับว่าอยู่ในขั้นเริ่มต้น อาจอยู่ในระดับเดียวกับต๋าจี่
ถ้าหากตนไม่ออมมือให้ ป่านนี้คงบุกจนเขาแพ้ราบคาบไปแล้ว แต่ในใจก็ทำไม่ลง
แม้จะบอกว่าฝีมือการเดินหมากของนักพรตเทียนเหยี่ยนเทียบเคียงได้กับต๋าจี่ แต่ต๋าจี่นั้นทำได้เพราะโจทย์ที่ตนให้นางฝึกฝน ระดับความคล่องแคล่วต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แตกต่างจากนักพ พรตเทียนเหยี่ยน เขาวางหมากได้จริง มิหนำซ้ำยังพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ฉะนั้นแล้วหลี่เนี่ยนฝานถึงได้จงใจลงหมากผิดไปหลายตา เพื่อให้นักพรตเทียนเหยี่ยนได้ฟื้นคืนจากความตาย เพื่อคว้าโอกาสครั้งใหม่ และเขาก็ไม่ทำให้หลี่เนี่ยนฝานต้องผิดหวั งจริงๆ เขาพัฒนารุดหน้า ทำให้หลี่เนี่ยนฝานดีใจอยู่ไม่น้อย
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม นักพรตเทียนเหยี่ยนก็ลงหมากสีขาวในมือ ก่อนจะเอ่ยถอนใจอย่างแผ่วเบา “คุณชายหลี่ ข้าแพ้แล้ว”
“แพ้ชนะเป็นเรื่องธรรมดาของนักรบ นี่เป็นเพียงการเดินหมาก มีความสุขก็พอแล้ว” หลี่เนียนฝานยิ้มเอ่ย
สมแล้วที่เป็นปรมาจารย์ ใช้ฟ้าดินเป็นกระดานหมากเพื่อความบันเทิงใจ
นักพรตเทียนเหยี่ยนหยัดกายลุกขึ้น บอกกับหลี่เนี่ยนฝานด้วยน้ำเสียงเลื่อมใส “ขอบคุณคุณชายหลี่ที่ชี้แนะ ทำให้ข้าได้ประโยชน์มากโข จากนี้ไปข้ายินดีเป็นลูกศิษย์ของคุณชายห ลี่!”
“ไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด!”
หลี่เนี่ยนฝานรีบร้อนผุดลุกขึ้นปรามนักพรตเทียนเหยี่ยน “ท่านเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เดินหมากเป็นเพียงงานอดิเรก ไหนเลยข้าจะกล้ารับท่านเป็นศิษย์”
ผู้เฒ่าคนนี้คลั่งไคล้การเดินหมากมากจริงๆ แฮะ ก็แค่เดินหมาก ถึงกับต้องมากราบตนเป็นอาจารย์เลย
ถึงแม้การรับผู้บำเพ็ญเซียนเป็นลูกศิษย์จะน่าภูมิใจก็เถอะ แต่ถึงอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นถึงผู้บำเพ็ญเซียน อีกทั้งยังมีชีวิตอยู่มาเป็นพันปี หลี่เนี่ยนฝานเลยไม่รู้จริงๆ ว่า าจะรับเขาเป็นศิษย์ได้อย่างไร
จำได้ว่าในนิยายบนโลกเดิม มักจะมียอดฝีมือผู้ล้ำเลิศมากมายซึ่งถูกตัวละครเอกเอาชนะได้ในด้านใดด้านหนึ่ง จากนั้นก็จะตามติดตัวละครเอกไปแบบแทบถวายชีวิตให้ ถึงแม้ดูแล้วจะเท ท่ไม่เบา แต่เมื่อเกิดขึ้นกับตัวขึ้นมาจริงๆ ก็รู้สึกว่าออกจะน่ากลัวอยู่บ้าง
ดวงตาของนักพรตเทียนเหยี่ยนฉายแววเจ็บปวดรวดร้าว เฮ้อ ปรมาจารย์ดูแคลนความสามารถในการตื่นรู้ของตนจริงๆ ด้วย
ก็จริง ตนมีคุณสมบัติอะไรที่จะไปเป็นลูกศิษย์ของปรมาจารย์ได้เล่า
เขารู้สึกกระวนกระวาย เอ่ยถามอย่างคาดหวัง “ชะ เช่นนั้นข้ามาเดินหมากกับคุณชายหลี่อีกได้ไหม”
หลี่เนี่ยนฝานหัวเราะร่า ตอบไปว่า “ได้อยู่แล้ว ข้ากำลังกังวลว่าจะหาคู่ประลองด้วยไม่ได้อยู่พอดี”
“ขอบคุณ” นักพรตเทียนเหยี่ยนพลันมีสีหน้าตื่นเต้น ทว่าหลังจากนั้นเขาก็เอ่ยขึ้นอย่างกระดากอาย “เพียงแต่ฝีมือข้าอ่อนด้อยนัก ต้องให้คุณชายหลี่อ่อนข้อให้มาก…”
“ไม่เป็นไร ฝีมือหาใช่สิ่งที่ได้มาในชั่วข้ามคืน” หลี่เนี่ยนฝานโบกมือ พูดขึ้นทันใด “จะว่าไป ข้าจำได้ว่ายังมีนิทานเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเดินหมาก…”
“ขอถามคุณชายหลี่ว่าคือนิทานเรื่องอะไรหรือ” นักพรตเทียนเหยี่ยนตั้งใจสดับรับฟัง
หลินมู่เฟิงและผู้เฒ่าซุนก็หูผึ่ง เผยสีหน้าคาดหวังไม่แพ้กัน
สิ่งที่ปรมาจารย์เล่านั้นย่อมไม่ธรรมดา
หลี่เนี่ยนฝานเห็นท่าทางจริงจังของพวกเขา ก็ทำได้เพียงเล่าต่อ ”มีคนคนหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นปุถุชน แต่ก็ไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตาซึ่งถูกผู้อื่นควบคุม จึงเดินทางเข้าป่าลึก เสาะ ะหาและประลองหมากกับเทพเซียน จนท้ายที่สุดก็ใช้ชีวิตของตนเองเป็นหมากตัวสุดท้าย วางลงไปบนกระดานหมาก!”
เนื้อเรื่องต้นฉบับนั้นยาวจนเขาขี้เกียจเล่า จึงเล่าเพียงใจความสำคัญโดยสรุป
ทว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ ก็ยังทำให้ทั้งสามสมองชาวาบ ขนลุกซู่ไปทั่วทั้งร่าง!
ถึงแม้หลี่เนี่ยนฝานจะบอกว่าเล่านิทาน แต่หากไม่ได้เป็นคนโง่เขลาย่อมไม่มีทางคิดว่าเป็นนิทานทั่วไป!
หรือว่าจะเป็นเรื่องราวของปรมาจารย์เอง ไม่ก็สิ่งที่ปรมาจารย์ประสบพบเจอมา เช่นเดียวกับบันทึกท่องประจิม?
ไม่ยินยอมให้ผู้อื่นควบคุมโชคชะตาของตน ไม่ได้หมายถึงไม่ยินยอมพร้อมใจเป็นตัวหมากหรอกหรือ?
อีกทั้งเสาะหาและประลองหมากกับเทพเซียน หมายความว่าจากเพียงตัวหมากกลายเป็นผู้เล่น จำต้องมีความอาจหาญระดับใดถึงจะทำได้นะ!
ประเด็นสำคัญก็คืออีกฝ่ายเป็นเพียงปุถุชนเองนะ!
ต้องเป็นคนที่มหัศจรรย์เพียงใดกัน ออกจะเหลือเชื่อเกินไปด้วยซ้ำ!
“สุดท้ายแล้วผลเป็นอย่างไรหรือ” นักพรตเทียนเหยี่ยนลุกขึ้นยืนอย่างอดใจไม่ไหว สายตาจ้องหลี่เนี่ยนฝานเขม็ง น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อยด้วยความวิตกกังวล
หลี่เนี่ยนฝานตอบ “มีชัยเหนือสวรรค์[1]”
…………………………………………………..
[1] มีชัยเหนือสวรรค์ เป็นสำนวนจากเรื่องเทียนจวี๋(《天局》) หนึ่งในผลงานเรื่องสั้นของเจี่ยวเจี้ยน นักเขียนยุคทศวรรษที่ 80 เรื่องราวเล่าถึงชายผู้คลั่งไคล้ในการเดินหมาก ในคื นอันหนาวเหน็บคืนหนึ่งเขานำก้อนหินมาทำเป็นหมาก ละเมอเพ้อพกว่าตนประชันกับเทพเซียนอย่างดุเดือด ในตาสุดท้ายจึงใช้ชีวิตของตนเป็นเดิมพันจนเอาชนะเทพเซียนได้ และคุกเข่าลง สิ้นใจบนกระดานหมาก ภายหลังวลีนี้ถูกนำมาใช้เป็นวลีเด็ดของตัวละครฉีถงเหว่ย จากละครโทรทัศน์เรื่องในนามของประชาชน ซึ่งออกฉายในปี 2017