ที่แท้ข้าก็คือลูกพี่เซียน - ตอนที่ 94 ฝันไปเถอะ
ยามตะวันชิงพลบ
ป่าเขาในวันนี้เงียบสงัดกว่าที่ผ่านมามาก ราวกับว่าเสียงร้องของเหล่าภูติผีปีศาจได้มลายหายไปโดยมิได้นัดหมาย
หลี่เนี่ยนฝานรู้สึกตกใจอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เตรียมตัวเข้านอน
เวลาผ่านไป ฟ้ายามราตรีสีเข้มขึ้นถนัดตา
ต๋าจี่เดินออกจากห้อง คำนับหน้าห้องของหลี่เนี่ยนฝาน ลอบคิดในใจ ‘นายท่าน คืนนี้เป็นเวลาที่ต๋าจี่จะแบ่งเบาเรื่องทุกข์ใจของท่านเอง!’
นางเงยหน้าขึ้นมองดวงจันทร์เพ็ญนวลกระจ่าง ก่อนจะย่องออกไปจากเรือนสี่ประสานอย่างเงียบเชียบ
……
ในส่วนลึกของป่า พุ่มไม้หนาทึบ ภูมิประเทศโดยรอบกลับยุบลงไปตรงกลาง ก่อเกิดเป็นแอ่งซึ่งเกิดจากธรรมชาติ
ตำแหน่งใจกลางของแอ่งกลายเป็นแสงรำไรเพียงในรัศมีโดยรอบนับพันลี้ ทั้งยังมีเสียงดังจ้อกแจ้กจอแจ เสียงตะโกนโหวกเหวก และเสียงหัวเราะลั่น
เมื่อเข้าไปมองใกล้ กลับเห็นปีศาจมากมายนับไม่ถ้วนกำลังรวมตัวกัน แม้ว่าพวกมันจะมีร่างเป็นคน แต่กลับมีศีรษะเป็นสัตว์นานาชนิด
มีเพียงส่วนน้อยที่ยังคงร่างเดิมไว้ ไม่ยินดีอยู่ในร่างครึ่งคนครึ่งปีศาจ
ยกตัวอย่างเช่นภูตจิ้งจอกหกหาง
ยามนั้น มันปะปนอยู่ท่ามกลางเหล่าปีศาจ ร่างเล็กโผกระโจนไปตามต้นไม้ ปีนป่ายขึ้นไปบนกิ่งไม้
เมื่อมองจากบนต้นไม้ลงมายังเบื้องล่างก็จะเห็นเหล่าปีศาจหลั่งไหลมารวมกันดุจสายน้ำ ทั้งเหาะเหินขึ้นฟ้า คลานอยู่บนพื้น ห้อยโหนอยู่บนต้นไม้ แออัดเบียดเสียดกันไปทั่วทุกที่
จิ้งจอกน้อยตกใจจนตัวหดไปเล็กจ้อย ขนสีขาวบริสุทธิ์สั่นสะท้าน
มันมองป้ายหยกซึ่งห้อยอยู่ที่คอของตน ดวงตาเปี่ยมความกระวนกระวาย ‘ทำอย่างไรดี ปีศาจมากมายเช่นนี้ ข้าจะสู้ไหวได้อย่างไร ท่านพี่บอกว่าป้ายหยกนี้ปกป้องข้าได้ ไม่รู้ว่าจ จริงหรือโกหก’
ในตอนนั้นเอง ปีศาจงูหลามสีฟ้าก็เลื้อยมาด้านข้างมันพร้อมเอ่ยเสียงเย็น “จิ้งจอกน้อย ขยับไปหน่อย ที่เจ้าถูกข้ายึดแล้ว!”
หางของจิ้งจอกหกหางชูชันขึ้นมา หันหน้าไปแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ปีศาจงูหลาม
ปีศาจงูหลามแลบลิ้นออกมา ชูคอขึ้นสูง พูดอย่างไม่ญาติดีนัก “เจ้ามองอะไร”
จิ้งจอกน้อยหูตกในทันใด ส่งเสียงฟึดฟัด “ไปก็ไป”
มันกระโดดลงจากต้นไม้ ร่างกระจิริดเบียดเสียดไปด้านหน้าของเหล่าปีศาจ
ตู้ม!
เสียงดังก้องกัมปนาทดังขึ้นทันใด ผืนพสุธาสั่นสะท้าน
กลับเห็นว่าปีศาจหมูป่าสีดำหล่นลงมาจากฟ้า ยืนอยู่ใจกลางวงล้อมของปีศาจทั้งปวง เหนือพุงอันใหญ่โตของมันมีหัวหมูหัวหนึ่ง สองเขี้ยวใหญ่ยื่นออกมา ดวงตาเรียวเล็กเย็นเยียบ กวา าดมองไปทั่วทั้งบริเวณ
“เมื่อก่อนข้าเป็นแม่ทัพอันดับหนึ่งของจักรพรรดิปีศาจจันทราเงิน บัดนี้ทุกคนมาจากทั่วทุกสารทิศ มารวมตัวกันที่นี่ก็เพื่อตำแหน่งจักรพรรดิปีศาจ! ตามกฎเดิม ใช้พลังเป็นตัวตัดสินและ ะคัดเลือกจักรพรรดิปีศาจตนใหม่ ทุกท่านเป็นประจักษ์พยาน ณ ที่แห่งนี้ร่วมกัน!”
ปีศาจนับไม่ถ้วนส่งเสียงตะโกนกู่ร้อง “จักรพรรดิปีศาจ จักรพรรดิปีศาจ”
“โฮก!”
เสียงคำรามร้องดังสนั่นหวั่นไหว
ลมคลั่งถือกำเนิด ปัดเป่าต้นไม้โดยรอบระเนระนาด
หนำซ้ำยังกลบเสียงหวีดร้องของบรรดาปีศาจไป
“ตำแหน่งจักรพรรดิปีศาจเป็นของข้า!” ปีศาจเสือก้าวออกมาจากฝูงชน สายตาพยัคฆ์เปี่ยมความอหังการกวาด
มองไปทั่วทั้งบริเวณ
ปีศาจไม่น้อยหดคอลงพร้อมกัน บ่งชัดว่าทั้งเคารพและยำเกรงปีศาจเสือตนนี้
“ย่อมต้องมีข้าด้วย!” ปีศาจสิงโตตนหนึ่งก็ก้าวออกมาเช่นกัน สายตาจ้องมองปีศาจเสือเขม็ง
ทันใดนั้นปีศาจหมีสีดำทะมึนก็ย่างสามขุมออกมา “ข้าก็เช่นกัน!”
จากเสียงดังอื้ออึงก็กลายเป็นเงียบสงัด
ปีศาจหมี ปีศาจเสือ และปีศาจสิงโต ทั้งสามตนมีร่างกายอันใหญ่โต ความน่าเกรงขามแผ่ซ่านไปรอบกาย ทำให้ปีศาจทั้งหลายสั่นทะท้านไปตามกัน
รออยู่เนิ่นนานก็ยังไร้วี่แววว่าจะมีปีศาจตนอื่นแสดงตัวออกมา
ปีศาจหมูคำรามสุดเสียง “ไม่มีปีศาจตนใดอยากออกมาแล้วหรือ”
“ไม่ต้องรอแล้ว แถบนี้นอกจากพวกข้าทั้งสาม ยังจะมีผู้ใดมีคุณสมบัติพอที่จะครองบัลลังก์จักรพรรดิปีศาจอีกเล่า” ปีศาจเสือหัวเราะเย้ยหยัน “เริ่มได้แล้ว!”
“ยะ ยังมี…ข้าด้วย”
ในตอนนั้นเอง เสียงแผ่วเบาก็ดังขึ้น พลันดึงดูดความสนใจของเหล่าปีศาจ
“หืม?”
ดวงตาคมกริบของปีศาจเสือกวาดมองไปหยุดลงที่เงาร่างเล็กกระจ้อยร่อยสีขาว ก่อนจะส่งเสียงหัวเราะแดกดัน “ที่แท้ก็เป็นจิ้งจอกหกหางตัวหนึ่ง”
มันเดินไปยังเบื้องหน้าของจิ้งจอกหกหางทีละก้าวๆ ระเบิดหัวเราะลั่น “จิ้งจอกน้อย หางที่เจ็ดของเจ้ายังไม่ทันได้งอกออกมาอย่างสมบูรณ์ รอให้งอกเสร็จแล้วค่อยว่ากันดีกว่ากร ระมัง!”
ท่านพี่ตั้งใจมอบหมายภารกิจให้แล้ว ข้าจะตื่นกลัวไม่ได้!
จิ้งจอกหกหางกัดฟันกรอด จงใจกระโดดขึ้นไปบนศิลาใหญ่ หางทั้งหกสั่นเทิ้ม เอ่ยขึ้นว่า “ตำแหน่งจักรพรรดิปีศาจ…เป็นของข้า!”
มันตั้งใจลากเสียงให้สูงขึ้น กระนั้นกลับฟังดูไร้พิษสงแต่อย่างใด ออกจะน่ารักเสียมากกว่า
“อุก ฮ่าๆๆ”
ไม่ทันไรเหล่าปีศาจโดยรอบก็พากันฮาครืน เอ่ยวาจาถากถางไปอีกคำรบ
ปีศาจเสือหรี่ตาลงน้อยๆ ยื่นศีรษะเข้ามาใกล้ ลำพังศีรษะของปีศาจเสือก็มีขนาดใกล้เคียงกับปีศาจจิ้งจอกหกหางแล้ว
มันเอ่ยเย้าหยอกว่า “จิ้งจอกน้อยน่ารักน่าชังเหลือเกิน มิสู้รอข้าขึ้นเป็นจักรพรรดิปีศาจ แล้วจะให้เจ้าเป็นชายาก็แล้วกัน”
ไหนเลยจะรู้ว่าจิ้งจอกหกหางพลันขนลุกชันในทันใด
“ถุ้ย! คางคกริอาจอยากกินเนื้อหงส์!” มันทั้งเดือดดาลทั้งอับอาย ยกก้นขึ้นปล่อยระเบิดผายลมใส่ปีศาจเสือโดยไม่ต้องยั้งคิด
ปีศาจเสือเข้ามาใกล้เหลือเกินด้วยหมายจะสัพยอกหยอกเอิน จึงถูกระเบิดผายลมอัดเข้าเต็มรัก จนเส้นขนบนใบหน้าถูกพัดไหวเล็กน้อย
สีหน้าของมันงงงันไปชั่วขณะ
ระเบิดลมนั้นแม้ว่าจะไร้ซึ่งพลังทำลายล้าง แต่ก็สร้างความอัปยศอดสูให้มัน
“เจ้าวอนตายซะแล้ว!”
สีหน้าของปีศาจเสือมืดครึ้มลงทันใด ปราณปีศาจเข้มข้นกำจายออกมา แววตาเปี่ยมความเหี้ยมโหด
มันเงื้อมือขึ้นมาหมายจะฟาดไปยังจิ้งจอกหกหาง
ร่างของจิ้งจอกหกหางกระโจนเบาๆ หลบหลีกการโจมตีของปีศาจเสือได้อย่างปราดเปรียว ก่อนจะหนีไปไกล
ตู้ม!
ศิลายักษ์ซึ่งมันยืนอยู่ก่อนหน้านี้ถูกปีศาจเสือฟาดใส่จนแหลกเป็นผุยผง
ปีศาจเสือเงยหน้ามองจิ้งจอกหกหางซึ่งกำลังหลบหนีทันใด นัยน์ตาเรียวเล็กหดเล็กน้อย คมเขี้ยวโผล่จากปาก น้ำลายค่อยๆ ไหลลงมา
มันอ้าปากกว้าง ทันใดนั้นก็มีใบมีดแหลมคมกริบพุ่งเข้าใส่จิ้งจอกหกหางหลายระลอก
สวบๆ
ต้นไม้โดยรอบถูกใบมีดแหลมตัดขาดในชั่วพริบตา
บรรดาปีศาจกระวีกระวาดหลีกหนี บางส่วนมัวแต่ชมความสนุกจนหลบไม่ทัน จำต้องตอบแทนด้วยชีวิต
จิ้งจอกหกหางใบหน้าฉายแววกระวนกระวาย ตกใจกลัวจนส่งเสียงร้องออกมาพลางหลบหลีกการโจมตีอย่างยากลำบาก
“เหอะ” ใบหน้าของปีศาจเสือปรากฏรอยยิ้มเย็นเยียบ ยกมือขึ้นโบก กระแสลมก็พลันโหมเปลี่ยนทิศทาง
จิ้งจอกหกหางรู้สึกว่าตนกำลังทวนกระแสลม ขนสีขาวถูกลมเป่าจนยุ่งเหยิง ไม่เพียงก้าวเดินอย่างยากลำบาก มิหนำซ้ำร่างก็ยังร่นถอยไปเรื่อยๆ
กระแสลมรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดก็ก่อเกิดเป็นแรงพัดมหาศาล ทำให้จิ้งจอกหกหางถูกดูดไปทางปีศาจเสือ
“ในเมื่อไม่ยินดีเป็นชายาของข้า ข้าก็จะจับเจ้ากินซะ!” ปีศาจเสือเห็นจิ้งจอกหกหางเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ปากกระหายเลือดอ้ากว้างเพื่อรอให้จิ้งจอกน้อย เข้ามาในปาก
จิ้งจอกหกหางตกใจแทบหมดสติ น้ำตารินไหล ร่ำร้องออกมาไม่หยุด “ข้าไม่อยากถูกกิน ท่านพี่ ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย!”