ท่องภพสยบหล้า - บทที่ 102 ลายน้ำดุจเกล็ดหิมะ
จี้เสวียนเบิกตากว้าง
เขาไม่อยากเชื่อเลย ในวันนี้เวลานี้ ซ่งเหิงเจียงคนแก่ใกล้ลงโลงกลับกล้าพูดแบบนี้ เสนอเงื่อนไขเช่นนี้ออกมา!
เขาย่อมรู้จักความกำแหงอหังการของซ่งเหิงเจียงดี
เขาเคยตรวจสอบข่าวลือเรื่องความแข็งแกร่งของซ่งเหิงเจียงเหมือนกัน
แต่ว่าถึงขนาดนี้เสียที่ไหน
กล้าหยามหมิ่นจี้เสวียนคนนี้รึ
ต่อให้เป็นอัครมหาเสนาบดีหรือแม่ทัพใหญ่ ก็ไม่เคยปฏิบัติกับเขาเช่นนี้
ในชั่วพริบตานั้น เขาไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง
แต่เมื่อมองดวงตาของซ่งเจียงเหิง ดวงตาที่เคยขุ่นมัวรางเลือนคู่นั้น เวลานี้กลับฉายประกายโชติช่วง
เขาจำต้องเชื่อแล้วว่านี่คือเรื่องจริง
นี่คือเงื่อนไขของซ่งเจียงเหิง
เพราะอีกฝ่ายคือซ่งเจียงเหิง!
……
ในอาณาเขตรัฐจวง จวงเฉิงเฉียนปกครองแผ่นดิน ซ่งเหิงเจียงปกครองแดนวารี นี่คือสัญญาเมื่อตอนก่อตั้งรัฐจวง!
ว่ากันตามหลักแล้ว เจ้านครวารีกับเจ้ารัฐจวงอยู่ในระดับเดียวกัน
ทั่วทั้งแม่น้ำชิงแปดร้อยลี้ล้วนอยู่ใต้การปกครองของซ่งเหิงเจียง สองฝั่งแม่น้ำชิงอยู่ในการดูแลของเขา
ซ่งเหิงเจียงจะใช้ความผิดฐานละเมิดข้อตกลงนี้สังหารเขาก็สมเหตุสมผล
จี้เสวียนรู้ดี เจ้าเขตปกครองชิงเหอไม่มีทางออกหน้า เจ้าเมืองวั่งเจียงกับเจ้าเมืองเฟิงหลินที่อยู่แถวนี้ก็ไม่มีทางออกหน้า กระทั่งว่าทางราชสำนักจวงก็จะไม่มีใครออกหน้าลงมือเช่นกัน
เพราะพวกเขาออกหน้าเมื่อใด แก่นแท้ของเรื่องจะเปลี่ยนไป ตอนนี้พูดได้ว่าจี้เสวียนละเมิดข้อตกลง ถึงตอนนั้นก็จะเป็นราชสำนักจวงใช้อำนาจรังแกคน สงครามระหว่างเผ่ามนุษย์ในเขตรัฐจวงกับเผ่าวารีก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง
รัฐจวงไม่มีทางแบกรับค่าตอบแทนแบบนี้แน่ ไม่ใช่แค่ส่วนในจะเสียหายอย่างมหาศาลเท่านั้น แต่จะแผ่ลามออกไปเพราะเรื่องนี้ หรือไม่ก็เป็นฉนวนทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างเผ่าวารีและเผ่ามนุษย์ทั้งหมดในตอนนี้
รัฐจวงแบกความรับผิดชอบนี้ไม่ไหว
ซ่งเหิงเจียงยินดีจะฆ่าเขาหรือไม่
เห็นได้ชัดว่าไม่ยินดี ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องพูดให้มากความ ลงมือไปเลยก็ได้ จี้เสวียนจะอย่างไรก็เป็นขุนนางระดับสูงของราชสำนักจวงเช่นกัน หากเขาถูกฆ่า ก็หมายถึงว่าความขัดแย้งของเผ่าวารีแม่น้ำชิงกับราชสำนักจวงไม่อาจแก้ไขอะไรได้แล้ว
โดยเฉพาะนครวารีแม่น้ำชิงยิ่งไม่ยอมเป็นฝ่ายเริ่มสงครามก่อน เพราะนครวารีแม่น้ำชิงยังเป็นฝ่ายที่เสียเปรียบกว่า
ซ่งเหิงเจียงกล้าฆ่าเขาหรือไม่
คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องจินตนาการเลย
ไม่ต้องคำนึงถึงส่วนได้ส่วนเสีย ไม่จำเป็นต้องพิจารณาเหตุผล
สีแดงฉานที่แม่น้ำหลันถึงตอนนี้ก็ยังไม่จางหาย นั่นคือคำตอบที่ซ่งเหิงเจียงมีให้กับคู่ต่อสู้ทุกคน
เช่นนั้น ซ่งเหิงเจียงฆ่าเขาได้ไหม
เขาจี้เสวียนอยู่ระดับห้าห้าคลังขั้นสมบูรณ์พอดี ห่างจากระดับสี่หอนอกอีกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
เมื่อหลายร้อยปีก่อน ความแข็งแกร่งของซ่งเหิงเจียงไม่มีข้อกังขาใดๆ แต่หลายร้อยปีต่อมา ในวันนี้ที่ทุกคนรู้ว่าอายุขัยของเขาใกล้จะหมดลงแล้วเต็มที เขาจะยังเหลือพลังต่อสู้อีกกี่ส่วนกัน?
หลังจากเงียบงันอย่างยากจะอดทนอยู่ครู่หนึ่ง
“เพียะ!”
“เพียะ!”
“เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ! เพียะ!”
สิบครั้งพอดี ไม่ขาดสักครั้ง
จี้เสวียนไม่ออมแรงเลย ในเมื่อตัดสินใจรับเรื่องอัปยศเช่นนี้ไว้แล้ว เขาก็จะไม่อิดออดลังเล รอให้คนอื่นมาเย้ยหยัน
ตบหน้าตัวเองแล้วยังทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่พอใจ เขาจะไม่ทำเรื่องโง่เง่าแบบนั้น
ครั้นเสียงฝ่ามือเงียบลง ใบหน้าซูบตอบของจี้เสวียนบวมขึ้นมาด้วยความเร็วที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
เขามองซ่งเหิงเจียงอย่างเงียบงันอยู่เช่นนั้น รอคำตอบของฝ่ายตรงข้าม
ซ่งเหิงเจียงหนังตาหย่อน เหมือนกลับไปมีสภาพแก่ชราแสงเทียนใกล้มอดดับอีกครั้ง
เขาดูเหมือนแค่พูดก็ยังเหนื่อย ทำแค่ยกมือขึ้นมาเท่านั้น
“ไปเสีย”
จากนั้นก็หมุนตัวไป
เขาซ่งเหิงเจียงไม่ใช่คนไม่รู้จักเลิกรา ในเมื่อจี้เสวียนยอมอ่อนข้อรับความผิด เขาก็ไม่ตามหยามหมิ่นอีก
เหตุการณ์ในคืนนี้ ท่าทีของเขาแสดงออกมาให้เห็นชัดมากพอแล้ว ต่อไปก็ดูว่าเจ้ารัฐจวงที่นั่งบัลลังก์อยู่ในราชวังคนนั้นจะตอบสนองอย่างไร
ยอดคลื่นส่งเขากลับลงไปในแม่น้ำชิง ผิวน้ำผสานเป็นหนึ่ง
ระลอกน้ำน่าพรั่นพรึงสงบลง คลื่นยักษ์หายไป ทั้งแม่น้ำชิงกลับคืนสู่ความสงบ
แสงจันทร์สาดส่องบนผิวน้ำ เหมือนว่าทุกอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ยามสายลมยามค่ำคืนพัดผ่าน ลายน้ำดุจเกล็ดหิมะ
……
ตั้งแต่ต้นจนจบ จี้เสวียนไม่กล้าพูดถึงผู้ฝึกตนกรมอาญาที่เจียงวั่งแทงตาย ซ่งเหิงเจียงก็ไม่พูดถึงสตรีเผ่าหอยที่ถูกลักพาตัวไปแต่หนีกลับมาได้คนนั้น
ถึงแม้จี้เสวียนจะมาเพราะผู้ใต้บังคับบัญชาคนนั้น และซ่งเหิงเจียงมาเพื่อสตรีเผ่าหอยที่อยู่ใต้การปกครองของเขาก็ตาม
แต่ในยามที่แม่น้ำเจียงแปดร้อยลี้เกิดคลื่นปั่นป่วน พวกเขาก็รักษาสมดุลบางอย่างอยู่ใต้ผิวน้ำอย่างรู้ใจกัน
นั่นเป็นเส้นแบ่งที่รู้กันดีแก่ใจระหว่างราชสำนักจวงและนครวารีแม่น้ำชิงในช่วงหลายร้อยปีที่ผ่านมา
เมื่อคลื่นลมหายไป จี้เสวียนยืนอยู่ที่เดิม
ไม่มีใครปรากฏตัวขึ้นที่นี่ทั้งสิ้น เพราะใครหน้าไหนก็ไม่อยากเผชิญหน้ากับเพลิงโทสะของจี้เสวียน ทว่าจี้เสวียนรู้ดี ความอัปยศที่เขาได้รับในวันนี้ไปถึงหูใครบางคนแล้วอย่างแน่นอน
ในบรรดาบุคคลยิ่งใหญ่ระดับเดียวกับเขาพวกนั้น ยามเขาขายหน้าจะเห็นชัดเหมือนเกิดตอนกลางวันแสกๆ ไม่มีทางปกปิดได้เลย
แต่เขาไม่ได้แสดงความอับอายสักเท่าไร กลับแยกแยะทิศทาง ก่อนบินไปทางที่ไป๋เหลียนถูกซัดกระเด็นก่อนหน้านี้
เรื่องเกิดขึ้นแล้ว เสียหน้าไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำก็คือไม่ให้ผลประโยชน์ของตัวเองหลุดมือไป เพลิงสีขาวที่แปลกประหลาดนั่น ผู้หญิงที่พลังไม่ธรรมดาคนนั้น หากจับเป็นต้องได้ผลตอบแทนมากพอจะทำให้เขาพอใจได้แน่
และเขามั่นใจได้ว่าภายใต้เหตุการณ์เช่นคืนนี้ สถานการณ์ระหว่างราชสำนักจวงที่มีเขาเป็นตัวแทนและเผ่าวารีแม่น้ำชิงที่ซ่งเหิงเจียงเป็นตัวแทนตึงเครียดอย่างยิ่ง พร้อมปะทุได้ทุกเมื่อ ไม่ว่าเบื้องหลังสตรีคนนั้นจะซ่อนขั้วอำนาจแบบใดเอาไว้ ก็ไม่มีทางกล้าเผยโฉมหน้าออกมาแน่
ดังนั้นเขายังมีความหวัง ไปตามหาสตรีที่ใกล้หมดลมหายใจคนนั้น
ทว่าเขาบินไปกลับในระยะร้อยลี้ ผลสุดท้ายต้องกลับไปมือเปล่า
……
กลับมาพูดถึงไป๋เหลียนที่ถูกหมัดโจมตีกระเด็น ทั้งตัวนางลอยไปกลางอากาศ เพลิงขาวที่พันล้อมกายมอดดับ วิชาเต๋าคุ้มกายทุกอย่างล้วนสลายไป
นางรู้ว่าตัวเองไม่มีโอกาสอีกแล้ว กำลังจะใช้พลังเฮือกสุดท้ายปลิดชีพตัวเอง
แต่จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นบางอย่าง
ร่างของนางที่ลอยตีลังกามาถูกอ้อมแขนที่อบอุ่นโอบกอดเอาไว้
มีคนรับนางได้
แต่คนผู้นี้อ่อนแอนัก แค่เศษเสี้ยวพลังที่จี้เสวียนโจมตีมาบนตัวนางก็ต้านไว้ไม่ได้ ในเสี้ยวขณะที่รับนางเอาไว้ไม่ใช่แค่ถูกนางพาลอยคว้างออกไปด้วยกันเท่านั้น แต่ยังกระอักเลือดอยู่ตรงคอนางอีก
เลือดนั้นร้อนลวก
ไป๋เหลียนที่สติพร่าเลือนรู้สึกได้ว่าพวกเขาทั้งสองร่วงลงสู่พื้น ทั้งยังกลิ้งต่อไปอีกหลายตลบ แต่คนคนนั้นไม่ว่าอย่างไรก็อยู่ข้างล่าง ทำให้นางมีเบาะเนื้อรองตลอด
‘ไม่เช่นนั้นข้าคงร่างสลายแล้วจริงๆ’ นางคิด
คนคนนี้อ่อนแอมากจริงๆ
ไป๋เหลียนสัมผัสได้ว่าไม่นานตัวเองก็ถูกอุ้มขึ้นมาอีกครั้ง จากนั้นคนผู้นี้น่าจะออกวิ่ง จากอัตราความถี่ของการหอบหายใจ และจังหวะการเต้นของหัวใจอันบ้าคลั่งในหน้าอกที่ร่างกายสัมผัสได้ ก็รู้ได้ว่าเขาพยายามสุดกำลังแล้ว
แต่เสียงลมนั่นบอกไป๋เหลียนว่าช้ามาก
‘เป็นแบบนี้ต่อไปคงต้องตายกระมัง ไม่มีทางหนีรอดเลยหรือ
ก็แค่มีคนมาหาความตายเพิ่มอีกคนเท่านั้น…
คนผู้นี้เป็นใครกัน ข้ามีลูกน้องที่โง่เขลาขนาดนี้ได้อย่างไร
ไม่ ไม่ถูก ไม่มีทางมีลูกน้องคนไหนมาปรากฏตัวที่นี่
พวกเขา คนพวกนั้น ทุกคนฉลาดมาก มีเหตุมีผลมาก
ดังนั้นแล้วคนคนนี้เป็นใคร’
หนังตาเหมือนหนักพันชั่ง ไป๋เหลียนพบว่าที่แท้แล้วการลืมตาเป็นเรื่องที่ลำบากยากเข็ญถึงเพียงนี้
แต่นางอาศัยแรงใจที่เหลืออยู่ นางจะต้องทำเรื่องที่นางอยากทำให้ได้
ดังนั้นจงลืมตาขึ้นมา
ไป๋เหลียนฝืนลืมตา ครรลองสายตาสั่นไหวรางเลือน
นั่นเป็นการสั่นสะเทือนที่เกิดจากการวิ่ง
นางฝืนทนรวบรวมสมาธิแล้วเพ่งสายตามอง จากมุมมองของคาง ในที่สุดก็เห็นใบหน้าของคนคนนี้ชัดเจน
คางค่อนข้างมน ไม่แหลม ริมฝีปากที่มีเลือดไหลเม้มแน่น จมูกโด่ง ดวงตาสุกสกาวคู่นั้นมองตรงไปข้างหน้า
‘เป็นเจียงวั่งนี่เอง’
จากนั้นนางก็หมดสติไปโดยสมบูรณ์
………………………………………………………