ท่องภพสยบหล้า - บทที่ 133 สิบสองหน้ากระดูก
บทที่ 133 สิบสองหน้ากระดูก
ค่ายกองทัพประจำเมืองร้างว่างเปล่า ศึกใหญ่ปะทุขึ้นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว
ฝ่ายหนึ่งคือขุนพลระดับสูงของกองทัพประจำเมืองเฟิงหลิน อีกฝ่ายหนึ่งคือสิบสองหน้ากระดูกแห่งพรรคกระดูกขาว
ทั้งสองฝ่ายจับคู่สู้ประจันบาน
ฟางหนวดเฟิ้มสู้กับหน้ากระดูกหนู
เว่ยเหยี่ยนสู้กับหน้ากระดูกงู
เจ้าหล่างสู้กับหน้ากระดูกสุนัข
ขอบเขตมังกรทะยานขั้นสูงสุดที่บาดเจ็บสาหัสคนหนึ่ง ชายหนุ่มที่เพิ่งก้าวสู่ขอบเขตมังกรทะยานคนหนึ่ง และยังมีผู้บำเพ็ญขอบเขตผ่านสวรรค์ที่ประตูฟ้าดินยังไม่เปิดคนหนึ่ง
ส่วนคู่ต่อสู้ของเขาคือผู้แข็งแกร่งขอบเขตมังกรทะยานขั้นสูงสุดสามคน
ห่างกันคนละชั้น ชัยชนะรางเลือน แต่ไม่มีใครถอย
……
เจ้าหล่างเข้าสู่สนามรบช้าที่สุด แต่สู้จนถึงจุดเดือดเร็วที่สุด
ใช้กำแพงหินสกัดกั้นหน้ากระดูกสุนัข ใช้ทะเลเพลิงล้อม
หนามหินพุ่งขึ้นมา เถาวัลย์งูพันเลื้อย
เขาประสานปางมืออย่างรวดเร็ว สำแดงระบบวิชาเต๋าที่ซับซ้อนเปลี่ยนแปลงมากมาย
ในทะเลเพลิง วิญญาณสุนัขร้ายกระโจนออกมา
บนกำแพง หน้ากระดูกสุนัขพุ่งลงมาจากฟ้า!
“แค่ไอ้หนูขอบเขตผ่านสวรรค์คนหนึ่งก็กล้าสอดเข้ามายุ่งกับการต่อสู้ระดับนี้รึ”
มือใหญ่ของเขากางออก วิญญาณสุนัขต่างขู่กรรโชก ท่วงท่าโหดเหี้ยมน่ากลัว
สุนัขบางตัวพ่นลมหายใจ ลมหายใจของมันเน่าเหม็น
สุนัขบางตัวกระโจนโจมตี ความเร็วสุดยอด
สุนัขบางตัวใหญ่มหึมา สุนัขบางตัวเขี้ยวคมน้ำลายไหลยืด
เขาเหมือนสร้างกองทัพขึ้นมาด้วยตัวคนเดียว องอาจเกรียงไหร บดขยี้ทะเลเพลิง!
เจ้าหล่างทะยานตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็ว กำแพงหินแต่ละทางๆ พุ่งขึ้นมา
พุ่งขึ้นมาจากสองฝั่งของรอยแยกแผ่นดิน ขัดขวางไม่หยุด เคลื่อนไปไม่หยุด
เขารู้ดีถึงอาการบาดเจ็บของฟางหนวดเฟิ้ม เขาเข้าใจผู้ชายคนนี้เป็นอย่างดี หากไม่ใช่ว่ายืนหยัดไม่ไหวแล้วล่ะก็ ก็ไม่ยอมแม้แต่จะกระอักเลือดออกมาให้เห็น
และเขาก็รู้จักเว่ยเหยี่ยนที่เพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตมังกรทะยานเช่นกันว่ายากจะเอาชนะศัตรูได้ในเวลาอันสั้น แม้ว่าเขาจะเชื่อในตัวเว่ยเหยี่ยนเป็นอย่างมากก็ตาม
ส่วนตัวเขาเอง ประตูฟ้าดินยังไม่เปิด ยากจะเอาชนะคู่ต่อสู้ โอกาสที่จะยืนหยัดต่อไปเล็กจ้อยราวดาวอับแสง
แต่เขาจะต้องพยายามอย่างสุดกำลัง
เพราะโอกาสของทุกคนล้วนเลือนราง ดังนั้นพวกเขาทุกคนล้วนต้องพยายามอย่างสุดกำลังเท่านั้น
ไม่มีทางให้ถอย มีแต่ต้องเดินไปข้างหน้า
แม้จะเป็นแค่ดาวอับแสง แต่เจ้าหล่างก็อยากสัมผัสมัน
……
บนเวทีสูง ฟางหนวดเฟิ้มเข้าตะลุมบอนอยู่กับหน้ากระดูกหนู
เขาออกจากค่ายไม่นานก็ถูกสามหน้ากระดูกร่วมมือกันดักซุ่มโจมตี ได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที
ตอนนี้ร่างกายส่งสัญญาณวิกฤตตั้งนานแล้ว อาศัยใจยืนหยัดล้วนๆ ไม่ยอมแพ้
แต่เขากลับเป็นฝ่ายได้เปรียบ ยิ่งสู้ยิ่งองอาจ
แต่ละกระบวนท่าล้วนพนันด้วยชีวิต บีบจนคู่ต่อสู้ต้องถอยหลบทุกครั้ง
ในฐานะที่เป็นแม่ทัพหลัก เขารู้ดีถึงพลังแท้จริงของเว่ยเหยี่ยนและเจ้าหล่าง และยิ่งรู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้อันตรายเพียงใด
หากเขาล้มที่นี่ สถานการณ์รบจะพ่ายแพ้ทันที
ดังนั้นเขาไม่ใช่แค่จะล้มไม่ได้ แต่ยังต้องชนะอีกด้วย จะต้องใช้ร่างที่บาดเจ็บสาหัส วิญญาณที่ใกล้มอดดับ เอาชนะกระทั่งฆ่าศัตรูให้ได้ ถึงจะพลิกสถานการณ์กลับมา คว้าโอกาสชนะอันรางเลือน
แต่หน้ากระดูกหนูมีประสบการณ์ต่อสู้โชกโชน เหมือนว่าจะมองเป้าหมายของเขาออก สู้ไปอย่างสุขุมรอบคอบ บางครั้งยอมที่จะไม่โจมตี เพื่อทำการป้องกันและหลบหลีก ไม่ให้โอกาสเขาได้สู้จนตาย
แต่จะค่อยๆ กินแรงเขาให้ตายทั้งเป็น
……
ธรณีพิบัติขยายกว้างออกไป สาหัสถึงขนาดส่งผลกับการต่อสู้แล้ว
มังกรปฐพีพลิกตัว ขุนเขาธาราสั่นคลอน
ทั้งสองฝ่ายที่เข้าปะทะกันล้วนเป็นยอดฝีมือ นี่ถึงจะรักษาการโจมตีอันดุเดือดในธรณีพิบัติได้
ทว่า การต่อสู้แบบนี้มีความหมายอะไร ต่อให้สู้ตายสังหารศัตรูได้ จะมีประโยชน์ต่อการพลิกสถานการณ์ของเมืองเฟิงหลินกลับมาได้เพียงเศษเสี้ยวหรือ
เว่ยเหยี่ยนรู้ว่าทุกอย่างไม่อาจย้อนคืนมาได้อีกแล้ว เหมือนครั้งนั้นที่ใจกลางตำบลเสี่ยวหลิน เมื่อหมอกสลายไป ผืนดินว่างโล่ง
แต่ตอนนี้เขาไม่อาจไปคิดคำนึงถึงปัญหาพวกนี้ได้
จะให้อย่างไร เขาก็ไม่อาจมองฟางหนวดเฟิ้มและเจ้าหล่างรบตายต่อหน้าเขา
โดยเฉพาะในเวลาที่เขายังมีกำลังรบเหลืออยู่
โดยเฉพาะเขายังยึดมั่นว่ายังมีโอกาสที่จะสังหารศัตรูได้!
ถือดาบเข้าไปในค่ายกลงูโลหิต ดาบยาวของเว่ยเหยี่ยนสะบัดไปหน้าหลังอย่างรวดเร็ว ร่างบุกไปข้างหน้าดาบกวัดแกว่ง
แม้จะเพิ่งก้าวเข้าสู่ขอบเขตมังกรทะยาน แต่เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งขอบเขตมังกรทะยานขั้นสูงสุดก็ไม่กลัวแม้แต่น้อย
ไม่ใช่แค่ไม่ถอยหลัง ไม่ใช่แค่ไม่หลบหลีก แต่กลับพุ่งเข้าไป กลับรักษาการบุกโจมตีเอาไว้ตลอด!
นี่คือความมั่นใจในตัวเองของอัจฉริยะ เป็นความมั่นใจที่สะสมจากการต่อสู้นับครั้งไม่ถ้วน
เว่ยเหยี่ยนมั่นใจว่าดาบอยู่ในมือ ไม่มีอะไรฟันไม่ขาด ไม่มีใครต้านทานได้
ทว่าหน้ากระดูกงูใช่ว่าจะอ่อนแอ นางดิ้นรนอยู่ในพรรคกระดูกขาวอันชั่วร้ายมาจนถึงวันนี้ อยู่ในสิบสองหน้ากระดูก ย่อมไม่ใช่ดอกไม้ในเรือนกระจกแน่นอน พลังบำเพ็ญขอบเขตมังกรทะยานขั้นสูงสุดเติบโตพัฒนาขึ้นมาจากการฆ่าสังหารอย่างโหดเหี้ยมครั้งแล้วครั้งเล่า
ตอนนี้ถูกฟันอยู่ในสถานการณ์อันตราย ริมฝีปากดุจลูกอิงเถา (ลูกเชอร์รี่) อ้าออก ลิ้นยาวแลบออกมา แปรเปลี่ยนเป็นลำแสงเจิดจ้าทางหนึ่งทันที แล้วเข้าประชิดไปข้างหน้าเว่ยเหยี่ยน
อาวุธเวทกระดูกขาว กระบี่นี้ชื่อว่าลิ้นนาคี!
เคร้ง!
วายุเหมันต์ตั้งขวางกระบี่ลิ้นนาคีสกัดเอาไว้อย่างเหลือเชื่อ
หน้ากระดูกงูนิ้วเพียงขยับ กระบี่อ่อนตัวลงทันที เลื้อยพันไปตามวายุเหมันต์
ทว่าในตอนนี้เอง การเคลื่อนไหวของนางพลันหยุดชะงัก ทั้งตัวติดอยู่ในกำแพงหินที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมากลางอากาศ!
นางคิดไม่ถึงเลยว่า ลำพังเพียงรองขุนพลขอบเขตจุดผ่านสวรรค์ตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะลงมือภายใต้การกดดันจากผู้บำเพ็ญขอบเขตมังกรทะยานขั้นสูงสุดได้
นี่เป็นไปได้อย่างไร
กำแพงหินทำได้แค่พันธนาการนางไว้ไม่ถึงหนึ่งอึดใจ
ทว่าสำหรับเว่ยเหยี่ยนแล้ว จะกำหนดเป็นตาย หนึ่งอึดใจยังยาวนานนัก!
มือเขาสะบัด วายุเหมันต์พุ่งออกไปไกลอย่างรวดเร็วพร้อมด้วยกระบี่ลิ้นนาคี ส่วนตัวเขาทั้งคนมาปรากฏอยู่ข้างหลังกำแพงหิน กำหมัดขวาแล้วซัดไปข้างหน้า!
มาพร้อมด้วยแสงทองที่แทบจะไร้ขีดจำกัด ประกายแสงที่เจิดจ้าจนตาแทบบอด โจมตีไปข้างหน้า!
ตูม!
ร่างหนึ่งพลันปรากฏขึ้น
แสงทองจางหายไป
หน้ากระดูกสุนัขแผงอกถูกชกทะลุ ร่างแขวนอยู่ที่แขนของเว่ยเหยี่ยน เขาทำได้เพียงแค่หันกลับมาอย่างยากลำบาก มองหน้ากระดูกงูเพียงแวบเดียว หัวก็ห้อยตก ไร้ซึ่งลมหายใจ
ของวิเศษลับ ยันต์สลับเงา!
คนหนึ่งถือยันต์หยิน คนหนึ่งถือยันต์หยาง ยามใช้ฟ้าดินสลับเปลี่ยน สลับร่างย้ายเงา เป็นของวิเศษลับสุดยอดของกลุ่มในยามร่วมมือออกสู้
ในสิบสองหน้าหน้ากระดูก กระดูกสุนัขและกระดูกงูเป็นคู่รัก
บางทีอาจจะไม่นับว่าเป็นคู่รัก ควรจะพูดว่าเป็น ‘คู่นอน’
อย่างน้อยหน้ากระดูกงูก็คิดเช่นนี้มาโดยตลอด
นางรู้ดีว่าตัวเองเป็นคนอย่างไร
ชั่วชีวิตของนาง นางไม่เคยเชื่อใครทั้งนั้น และก็คงไม่มีใครเชื่อนางด้วยเช่นกัน
นี่ไม่ใช่ความผิดของนาง และไม่ใช่ความผิดของผู้อื่นเช่นกัน
และโลกใบนี้ก็เป็นเช่นนี้
นางคิดว่านางเห็นความจริงของโลกตั้งนานแล้ว
นางกับสิบเอ็ดก็แค่รู้จักกันตั้งแต่เด็กเท่านั้น กระทั่งว่าการรู้จักกันตั้งแต่เด็กที่ว่าเป็นแค่การมองตากันไกลๆ ก่อนที่จะแยกกันไปฝึกฝนก็เท่านั้น
พบกันอีกครั้งก็เป็นสิบสองหน้ากระดูกเหมือนกันแล้ว
บางครั้งนางกระทั่งคิดว่า หากตอนนั้นพวกนางถูกจับให้อยู่กลุ่มเดียวกัน เช่นนั้นคนที่จะมีชีวิตรอดต่อไปเพียงหนึ่งเดียวคนนั้นจะเป็นใคร
คำถามนี้ไม่มีคำตอบ
เมื่อถึงระดับสิบสองหน้ากระดูกระดับนี้ พรรคกระดูกขาวไม่อนุญาตให้พวกเขาสังหารกันเอง
นางอยู่กับหน้ากระดูกสุนัขไม่ได้คาดหวังอะไร เพียงแค่หาความสุขให้ตัวเองล้วนๆ
นางเชื่อว่าหน้ากระดูกสุนัขก็คิดเช่นกัน
พวกเขาปลอบประโลมซึ่งกันและกัน แต่ไม่ได้รักซึ่งกันและกันแน่นอน
พวกเขากินด้วยกัน เดินทางด้วยกัน แต่ไม่เคียงคู่เด็ดขาด
ยันต์สลับเงาชุดนี้เป็นของวิเศษที่หน้ากระดูกสุนัขเป็นคนหามา ในอดีต พวกเขาอาศัยความฉับพลันของของวิเศษชุดนี้ทำภารกิจที่ความยากระดับสูงสำเร็จมาแล้วมากมาย
ยันต์สลับเงาชุดหนึ่งใช้ได้แค่เพียงสิบครั้งเท่านั้น ชุดนี้ของพวกเขามีโอกาสใช้แค่เพียงครั้งสุดท้ายแล้ว
นางไม่เคยคิดเลยว่า ผู้หญิงที่เอาแต่ใจตัวเอง ใจรวนเรแปรเปลี่ยนง่ายเช่นนี้ จะมีคนสู้ตายไม่คิดชีวิตเพื่อนางด้วย
หน้ากระดูกงูมองดวงตาคู่นั้นอย่างอึ้งงงงัน
ดวงตาที่ควรจะเจ้าเล่ห์ เหี้ยมเกรียมคู่นั้น ในช่วงเสี้ยวเวลาสุดท้ายกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน
และหมองหม่นลงไปอย่างคาดไม่ถึง
“กรี๊ด!”
นางเงยหน้าคำราม
กำแพงหินที่พันธนาการนางระเบิดทันที
………………………………………………………