ท่องภพสยบหล้า - บทที่ 134 ศึกนี้ข้าคือผู้ชนะ
บทที่ 134 ศึกนี้ข้าคือผู้ชนะ!
เวลาย้อนกลับไปเมื่อสิบอึดใจก่อน
กลับมายังการต่อสู้ของเจ้าหล่างกับหน้ากระดูกสุนัข
วิชาเต๋าของเจ้าหล่างแพรวพราว แปรเปลี่ยนหลากหลาย สร้างการป้องกันและกับดักอย่างต่อเนื่อง
ทว่าหน้ากระดูกสุนัขใช้กำลังบีบ พุ่งเข้าชน
เจอกำแพงหินก็ชนกำแพงหินถล่ม เจอเถาวัลย์งูก็ฉีกเถาวัลย์งูกระจุย
อาศัยพลังบำเพ็ญ ใช้พลังบีบ ไม่ให้โอกาสเจ้าหล่างแม้แต่น้อย
การรับมือวิธีนี้เหี้ยมโหดอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะ ในเวลาเดียวกันนั้นเขายังควบคุมวิญญาณสุนัขร้ายให้ล้อมโจมตี ทั้งยังตัดช่องทางหนีของเจ้าหล่าง
นี่เป็นความสามารถในการควบคุมสถานการณ์ต่อสู้ของผู้แข็งแกร่งที่ฆ่าฟันสังหารอยู่บนความเป็นตายมานานเท่านั้นถึงจะมี
เผชิญหน้ากับศัตรูที่มากประสบการณ์เช่นนี้ เจ้าหล่างทำได้แค่รักษาความใจเย็นเอาไว้เท่านั้น
บุ่มบ่ามไร้ประโยชน์ กลัวยิ่งไร้ประโยชน์
มีเพียงความใจเย็นเท่านั้นถึงจะตามหาดาวอับแสงที่เล็กจ้อยไปเรื่อยๆ ดวงนั้นเจอ
ความกดดันที่ศัตรูผู้แข็งแกร่งนำมา ทำให้เขาใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนมาได้อย่างยอดเยี่ยม
เขาไม่เคยปล่อยวิชาเต๋าออกมาได้เร็วขนาดนี้ ไม่เคยแม่นยำสมบูรณ์แบบขนาดนี้มาก่อน
เพราะเขาไม่มีทางเลือก
หากช้าไปเพียงอึดใจหรือผิดไปเพียงกระบวนท่าหนึ่งก็อาจจะตายได้
และนั่นจะนำมาสู่การพังทลายของสถานการการต่อสู้ของกองทัพประจำเมือง
ความแตกต่างโดยสิ้นเชิงด้านพลังบำเพ็ญเป็นตัวแทนของช่องว่างที่ไม่ยอมให้เขาพลาด
สำหรับผู้บำเพ็ญคนหนึ่ง ติดอยู่กับขั้นก่อนที่ประตูฟ้าดินจะเปิดคือเรื่องที่เจ็บปวดแสนสาหัส และมองไม่เห็นประตูฟ้าดินเสียที ยิ่งบีบให้ผู้บำเพ็ญจำนวนไม่น้อยคุ้มคลั่งเสียสติอยู่ทุกปี
เจ้าหล่างใช้จิตใจอันเข้มแข็งผ่านความยากลำบากเช่นนั้นมา
ในด้านขอบเขตยากจะยกระดับ เขาก็ตั้งใจในด้านเคล็ดวิชา
ใช้เหงื่อทุกหยดหยาดมาหล่อหลอมความแข็งแกร่งอีกแบบหนึ่ง
ทั่วทั้งขอบเขตรัฐจวง จากสำนักเต๋าจนถึงกองทัพ วิชาเต๋าระดับต้นที่เรียนได้ เขาแทบจะศึกษาได้อย่างเชี่ยวชาญทั้งหมด
อาศัยการจับกลุ่มวิชาเต๋าระดับต้นที่หลายคนไม่ให้ความสำคัญพวกนี้ ยืนหยัดต่อหน้าผู้แข็งแกร่งขอบเขตมังกรทะยานขั้นสูงสุดคนหนึ่งมาจนถึงตอนนี้
มาถึงขีดจำกัดแล้ว
เขารู้ว่ามาถึงขีดจำกัดแล้ว
ระบบวิชาเต๋าที่ผันเปลี่ยนซับซ้อน เป็นเอกลักษณ์ของเขามาโดยตลอด สู้จากการสลับเปลี่ยนกลุ่มวิชาเต๋ามาเนิ่นนาน เขารู้ถึงสภาพของตัวเองดีกว่าหน้ากระดูกสุนัข
หากคุ้นเคยกับวิชาเต๋าอันซับซ้อนเชื่อมต่อนี้ โดยพื้นฐานก็เป็นการประกาศแล้วว่าการต่อสู้จบสิ้นแล้ว
และดูจากการบุกเข้ามาที่สุขุมขึ้นเรื่อยๆ ของหน้ากระดูกสุนัข เสี้ยวขณะนั้นใกล้จะมาถึงแล้ว
แต่เจ้าหล่างยังคงหน้าไม่เปลี่ยนสี
เขาทำได้แค่ใจเย็นเท่านั้น
เผชิญหน้ากับวิญาณสุนัขร้ายที่คุ้มคลั่งกัดทึ้ง เผชิญหน้ากับหน้ากระดูกสุนัขที่บีบประชิดเข้ามาในช่วงเวลาสั้นๆ
เจ้าหล่างใช้มือขวากุมมือซ้าย ยื่นเพียงนิ้วก้อยซ้ายออกมา จากนั้นก็ย่อตัวลง ใช้นิ้วก้อยข้างนั้นแตะพื้นดิน!
ตูมๆๆๆ!
ท่ามกลางเสียงดังสนั่นหวั่นไหวจากรอยแยกแผ่นดินที่ลามมา กำแพงหินแผ่ลามไปอย่างทรงพลัง ขวางกั้นหน้ากระดูกสุนัขและวิญญาณสุนัขร้ายพวกนั้นเอาไว้ทั้งหมด
นี่คือวิชาเต๋าที่เขาสร้างขึ้นมาเอง——เขาวงกตกำแพงหิน
การต่อสู้ก่อนหน้านี้ก็วางแผนวางค่ายกลเอาไว้ล่วงหน้า ตอนนี้กระตุ้นขึ้นมาอย่างฉับพลันเช่นนี้ ก็แบ่งสนามต่อสู้ออกทันที กำจัดวิกฤตที่ต้องตายแน่แล้วของครั้งนี้ไปได้
“เป็นวิชาเต๋าที่ไม่เลวเลย หากปล่อยให้เจ้าเติบโต อนาคตบางทีอาจจะเป็นภัยคุกคามได้” เสียงแหบแห้งของหน้ากระดูกสุนัขเอ่ยขึ้น “แต่ว่า…เจ้าตอนนี้ช่างอ่อนแอนัก!”
พูดจบ ก็ประสานปางมือเสร็จ เขาพลันอ้าปาก “กรรร์!”
วิญญาณสุนัขที่ดวงตาดำขลับดุจหมึกกระโดดออกมาจากข้างหลังเขา ประหนึ่งว่าฉีกทึ้งเส้นแบ่งโลกหยินหยางออกมา แม้ตัวจะเล็ก แต่พลังน่ากลัวนัก แค่พุ่งออกมาก็ชนกำแพงหินที่อยู่ในบริเวณข้างหน้าพังทลายสิ้น!
เนื่องจากข้อจำกัดของพลังบำเพ็ญ ตัวกำแพงแข็งแกร่งไม่พอ นี่เป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของวิชาเต๋าวิชานี้
ในการต่อสู้ระดับเดียวกัน เจ้าหล่างสามารถอาศัยการชดเชยจากความเร็วมาทำให้การเปลี่ยนแปลงสำเร็จ แต่เผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งระดับหน้ากระดูกสุนัขเช่นนี้ เขาใช้ความเร็วมาชดเชยไม่ทันเลย
แต่ว่าเขาก็ไม่หวังว่าวิชาเต๋าวิชานี้จะขังผู้แข็งแกร่งขอบเขตมังรทะยานได้
กำแพงหินพังถล่ม หน้ากระดูกสุนัขผู้เรียกสุนัขนรกแววตาจับจ้องไป
เพราะเขายืนอยู่ที่เดิมกลับมองไม่เห็นเงาของเจ้าหล่างเลย
เจ้าหล่างหายไปแล้ว!
ไปอยู่ที่ไหนได้
หน้ากระดูกสุนัขลอยตัวขึ้น พุ่งไปยังรอยแยกแผ่นดินที่กำลังแผ่ขยายข้างหน้าทางนั้น
เขาเชื่อว่าเจ้าหล่างไม่มีทางหนีไปได้ภายใต้สายตาของเขา
เช่นนั้นที่ซ่อนเพียงแห่งเดียวของที่นี่ก็มีเพียงรอยแยกทางนี้แล้ว
จากบริเวณที่หน้ากระดูกสุนัขอยู่ตอนนี้ไปถึงรอยแยกทางนั้น กระทั่งว่าใช้เวลาไม่ถึงหนึ่งอึดใจ ทว่าเพื่อป้องกันการลอบโจมตี เขาลดความเร็ว ยกระดับการป้องกัน ใช้เวลาไปสองอึดใจ
เขาไม่ยอมให้โอกาสเจ้าหนูนี่เด็ดขาด
ในรอยแยกแผ่นดินที่ค่อยๆ ขยายตัวออก เหนือหินหนืดเดือดพล่าน เขาเห็นเจ้าหนูเจ้าเล่ห์คนนั้นจริงๆ ด้วย
ตอนนี้หัวงูเถาวัลย์เหล่านั้นกัดหางตัวมันเอง พุ่งลงไปในรอยแยก รองขุนพลกองทัพประจำเมืองเจ้าหล่างยืนอยู่บนงูเถาวัลย์นั่น ทั้งสองมือประสานปางมือเสร็จสิ้น
และเป้าหมายของเขาคือสนามรบของฟางหนวดเฟิ้มและหน้ากระดูกหนู!
งูเถาวัลย์นับไม่ถ้วนงอกขึ้นมาจากใต้เท้าของฟางหนวดเฟิ้ม พันเลื้อยขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อเป็นกำแพงแข็งแกร่ง ต้านทานการโจมตีอย่างดุดันจากหน้ากระดูกหนู!
การควบคุมสถานการณ์ต่อสู้เช่นนี้ ทำให้คนต้องทอดถอนใจอย่างตกตะลึง และทำให้คู่ต่อสู้โกรธแค้นเดือดดาลเช่นกัน
“หาที่ตาย!” หน้ากระดูกสุนัขโมโหเดือดดาล ไอ้หนูที่ราวมดปลวกคนนี้กล้าวอกแวกระหว่างสู้อยู่กับเขา!
นี่คือการหยามหมิ่นกันชัดๆ
หน้ากระดูกหนูไม่แน่ว่าอาจจะเยาะเย้ยเขาอะไรเขาอีกก็ได้
หน้ากระดูกสุนัขโมโหเป็นอย่างมาก รากพลังเต๋าทะลักโหม
พลังมหาศาลผลักเหล่าวิญญาณสุนัขร้ายที่กระโจนเข้าไปใกล้ในเวลาเดียวกันนี้กระเด็นออกไประยะหนึ่ง
ส่วนเขากระโจนไปกลางอากาศ
ตูม!
หินหนืดใต้เท้าเจ้าหล่างจู่ๆ ก็ถูกเหนี่ยวนำขึ้นมา ซัดโหมขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
นี่เป็นวิชาที่จะทำให้ตายตกไปพร้อมกันของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย
มองแววตาอันนิ่งสงบของเจ้าหล่าง หน้ากระดูกสุนัขใจพลันเย็นยะเยือก แน่นอนว่าเขาย่อมไม่ยอมตายตกไปพร้อมกันกับเจ้าหล่าง จึงหยุดร่าง กระโดดไปจากรอยแยกแผ่นดิน
และก่อนที่หินหนืดจะพุ่งออกมา เจ้าหล่างก็รีบตามติดเขาออกไป ร่อนลงไปในรอยแยกแผ่นดินอีกรอยหนึ่ง
“กรรซ์!”
หน้ากระดูกสุนัขก็ไม่ใช่ว่าไร้การป้องกัน สุนัขนรกตัวนั้นสะสมพลังอยู่ในรอยแยกอีกแห่งหนึ่งนานแล้ว
ตอนนี้เจอกับเจ้าหล่างพอดี แค่อ้าปากก็กัดขาของเจ้าหล่างขาดไปครึ่งหนึ่ง!
หินหนืดที่ปะทุขึ้นมาเสียการสนับสนุนจากวิชาเต๋า ก็ร่วงลงไปอย่างรวดเร็ว
หน้ากระดูกสุนัขทะลุผ่านรอยแยกอย่างรวดเร็ว มาประชิดอยู่ข้างหน้าเจ้าหล่าง ร่างของเขากึ่งย่อตัว ฝ่ามือตั้งตรงดุจดาบ พุ่งตรงไปที่หัวใจ
แต่ในขณะที่เขาจะทะลวงหัวใจของคู่ต่อสู้ ดับพลังชีวิตของอีกฝ่าย เขาก็สัมผัสได้ถึงระลอกคคลื่นรากพลังเต๋าอันเบาบางกลุ่มหนึ่ง
ไอ้หนูใกล้ตายคนนี้…เขายังใช้วิชาเต๋าอยู่!
อีกทั้งเป้าหมาย…ไม่ใช่ตัวเขา
หน้ากระดูกสุนัขหันหน้าไปทันที!
มองเห็นวิชากำแพงหินยอดเยี่ยมวิชาหนึ่ง พันธนาการหน้ากระดูกงูที่ไม่ทันตั้งตัวเอาไว้
มองเห็นเว่ยเหยี่ยนตัดสินใจอย่างเฉียบขาด สะบัดดาบบุกไปข้างหน้า
แรกเริ่มเดิมทีกำแพงหินเขาวงกตทางนั้น เจ้าหล่างไม่ใช่แค่สร้างขึ้นเพื่อพลิกสถานการณ์วิกฤต แบ่งสนามรบ ยิ่งสร้างขึ้นเพื่อบดบังสายตาของหน้ากระดูกหนูและหน้ากระดูกงูที่อยู่ในสนามรบอีกสองแห่งนั่น!
เขากระโดดลงไปในรอยแยกไม่ใช่เพื่อเอาชีวิตรอด แต่เพื่อคว้าโอกาส สอดมือเข้าไปในสนามรบอีกสองแห่ง
ตั้งแต่แรก ตั้งแต่ต้น เขารู้ดีว่าตัวเองไม่มีโอกาสที่จะเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ แต่เขายังมีโอกาส อาศัยการควบคุมจังหวะการต่อสู้สร้างโอกาสรอดให้กับอีกสองคนที่เหลือ!
สังหารเขาที่เป็นเพียงผู้บำเพ็ญขอบเขตจุดผ่านสวรรค์คนหนึ่ง หน้ากระดูกสุนัขตั้งใจจะทำการสังหารให้เสร็จสิ้นอย่างอยู่ดีมีสุข
นี่เป็นโอกาสลงมือเพียงหนึ่งเดียวของเขา
และเขากุมโอกาสเช่นนี้เอาไว้ได้อย่างเต็มที่ สมบูรณ์แบบ
……
ในยามที่หน้ากระดูกสุนัขพุ่งไปข้างหน้าหน้ากระดูกงูเพื่อตายแทน อันที่จริงก็ไม่ได้คิดอะไรเลย
ในสถานการณ์ความเป็นความตายเช่นนั้น ไม่ทันให้ได้คิดอะไร สลับเงาเป็นการตัดสินใจโดยสัญชาตญาณล้วนๆ
เขายังไม่ทันได้เริ่มขบคิด ร่างกายก็ขยับไปแล้ว
ตัวเขาไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นความรู้สึกแบบไหนที่กลบสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดของเขาไป
แต่เสอเอ๋อร์รอดแล้ว
เสอเอ๋อร์มีชีวิตต่อไปแล้ว
ทั้งๆ ที่หน้าอกส่วนที่เป็นอันตรายถูกชกทะลุ เขากลับไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย
แววตาสุดท้ายที่ทิ้งไว้ให้นางอ่อนโยนยิ่งนัก
หน้ากระดูกสุนัขเสียสละชีวิตช่วย หน้ากระดูกงูถึงได้หนีความตายมาได้
ความเป็นความตายเห็นจนชินชามาตั้งนานแล้ว แต่นางไม่เคยโกรธแค้น ไม่เคยเจ็บปวดแบบนี้มาก่อนเลย
รากพลังเต๋าที่ทะลักออกมาอย่างโกรธแค้นสะเทือนจนกำแพงหินแหลกละเอียด นางกระโจนเข้าไปหาเว่ยเหยี่ยนอย่างไม่ออมพลังเลย ครั้งนี้คือใช้ชีวิตเข้าวางเดิมพันโดยสมบูรณ์
แต่เว่ยเหยี่ยนที่เมื่อครู่ยังรัศมีอำนาจเกรียงไกร จิตสังหารราวดาบกลับถอยหลังไปอย่างไม่ลังเล
เขาคิดจะทำอะไร
กับดักอีกแล้วหรือ หรือจะโจมตีโดยไม่ทันให้ตั้งตัว
หน้ากระดูกงูที่เพิ่งหนีจากความตายมาได้ตื่นตกใจ ฝีเท้าช้าไปครู่หนึ่งอย่างอดไม่ได้
……
พูดถึงกำแพงงูเถาวัลย์ของเจ้าหล่างที่จู่ๆ ปรากฏขึ้นมา ก็ช่วยต้านทานการโจมตีอันถึงแก่ชีวิตต่อฟางหนวดเฟิ้มได้พอดี
แต่อันที่จริงบอกว่า ‘ถึงตาย’ ก็ไม่ตรงสักเท่าไร
เพราะอาการบาดเจ็บของฟางหนวดเฟิ้มตอนนี้ อย่างไรก็น่าจะตายไปแล้ว
อาการบาดเจ็บถึงตายบนร่างเขาไม่ใช่แค่แห่งเดียวเท่านั้น แต่เขาก็ยังคงมีชีวิตอยู่
ยังคงสู้อยู่
ทำให้หน้ากระดูกหนูอย่างไรก็ไม่เข้าใจ เขาอาศัยอะไรมายืนหยัด
กำแพงงูเถาวัลย์ไม่นับเป็นอะไร สิ่งที่ทำให้หน้ากระดูกหนูสนใจคือสัญลักษณ์แทนความหมายของมัน
เขาปรายตามองไปทางหน้ากระดูกสุนัขทางนั้นอย่างไม่ค่อยพอใจ
เผชิญหน้ากับแค่ผู้บำเพ็ญขอบเขตจุดผ่านสวรรค์คนหนึ่งกลับปล่อยให้คู่ต่อสู้ยื่นมมือออกมาได้ สิบเอ็ดนี่ฝีมือตกไปทุกทีๆ แล้ว
เขามองอย่างเย็นชา ชกออกไปง่ายๆ สลายกำแพงงูไป
กำลังจะบุกเข้าไป กลับรู้สึกร่างชะงัก
ฟางหนวดเฟิ้มใช้ท่าทางที่สนิทแนบแน่นเป็นอย่างมาก กอดเกาะเกี่ยวเขาเอาไว้!
ดิ้นรนเฮือกสุดท้ายก่อนตาย!
ในสมองของหน้ากระดูกหนูมีความคิดดูกถูกเหยียดหยามเช่นนี้ผุดขึ้นมา หมอกดำชั้นหนึ่งทะลักออกมาจากในร่างของเขา เกาะเป็นชั้นบางๆ บนร่าง
เป็นเกราะวิญญาณ
ในการประชิดที่มีขีดจำกัดเช่นนี้ เขาย่อมต้องรักษาความปลอดภัยไว้ก่อน ป้องกันวิชาทำลายตัวเองอะไรประเภทนี้ของอีกฝ่าย
แต่แขนกำยำของฟางหนวดเฟิ้มเพียงสะเทือน รากพลังเต๋าที่เหลืออยู่ทั้งหมดของเขาถ่ายทอดไปในแขนสองข้างนี้
ตูม!
เขาทิ้งการป้องกันทั้งหมด กลับเลือกที่จะสะเทือนเกราะวิญญาณของหน้ากระดูกหนูให้สลาย!
ทำไม
นี่หมายถึงอะไร
หน้ากระดูกหนูเพิ่งคิดถึงคำถามนี้ ก็ได้ยินเสียงกรีดหวีดหวิวมา
นั่นเป็นเสียงวายุเหมันต์ที่พันเกี่ยวด้วยกระบี่ลิ้นนาคีพุ่งชนมาอย่างรวดเร็ว
ดาบสะบั้นของเว่ยเหยี่ยนเมื่อก่อนหน้านี้ทางนั้น ไม่ได้สะบัดออกมาส่งๆ แต่ว่ามีเป้าหมาย ยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ของสนามรบนี้อย่างมีความหมาย!
และฟางหนวดเฟิ้มที่เป็นสหายร่วมรบมานานหลายปีก็อาศัยกำแพงงูเถาวัลย์ของเจ้าหล่าง กอดหน้ากระดูกหนูเอาไว้ จากนั้นก็สะเทือนการป้องกันให้สลาย แล้วลากเขาพุ่งเข้าไปหาดาบวายุเหมันต์ของเว่ยเหยี่ยนด้วยกัน!
ฉึก!
นั่นเป็นเสียงของดาบที่แทงเข้าร่าง
หน้ากระดูกหนูกระอักเลือด เขาเองก็สัมผัสได้ถึงเลือดของฟางหนวดเฟิ้มที่กระอักมาที่ร่างของตัวเองได้เหมือนกัน
“สถานการณ์ที่เป็นฝ่ายได้เปรียบแบบนี้ ข้าจะรับบาดเจ็บได้อย่างไร นี่มันไร้สาระนัก…”
เขากระเพื่อมรากพลังเต๋า จะสะเทือนฟางหนวดเฟิ้มออกไป
แต่ตอนนี้เงาร่างหนึ่งพลันปรากฏตัวขึ้นที่ข้างหลังเขา
เว่ยเหยี่ยนกุมด้ามดาบวายุเหมันต์ กระตุ้นรากพลังเต๋าอย่างบ้าคลั่ง
ฉัวะๆๆๆ!
ราวเกล็ดหิมะมหาศาลระเบิดออก
หิมะทั่วฟ้าคือแสงดาบ
แสงดาบมากมายไร้จุดสิ้นสุดระเบิดมาจากร่างของหน้ากระดูกหนู ฟันเขาพร้อมกับฟางหนวดเฟิ้มกลายเป็นเศษเนื้อนับไม่ถ้วนไปพร้อมกัน
เศษเนื้อกระจายไปทั่ว เลือดสาดกระเซ็น
แยกไม่ออกว่าเนื้อก้อนไหนเป็นของฟางหนวดเฟิ้ม ก้อนไหนเป็นของหน้ากระดูกหนู
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างกะทันหัน กระบี่ลิ้นนาคีพุ่งมา หน้ากระดูกงูที่ตามมาอย่างรวดเร็วรับเอาไว้
แต่หน้ากระดูกหนูรบตายแล้ว
เว่ยเหยี่ยนถือดาบหมุนตัว จ้องมองคนคนนี้
เศษชิ้นเนื้อกระเด็นมาที่ร่างของเขา กองรวมจนเขาเหมือนวิญญาณร้าย
แต่เขาไม่สนใจ
เหลือแค่คู่ต่อสู้คนสุดท้ายแล้ว
นี่เป็นศึกตัดสินชะตาสุดท้ายของค่ายกองทัพประจำเมืองแล้ว
………………………………………………………