ท่องภพสยบหล้า - บทที่ 25 เลือดลมพวยพุ่ง
ยามนี้เว่ยเหยี่ยนสำแดงพลังอันดับสองบนกระดานแต้มเต๋าเมืองเฟิงหลินออกมา เป็นผู้นำฝ่าเข้าไปในส่วนลึกของตำบลเสี่ยวหลิน แทบจะทะลวงผ่านกลุ่มวิญญาณเร่ร่อน
วิญญาณเร่ร่อนทั้งหมดเมื่อถูกโจมตีก็สลายไป ผู้ใดขวางล้วนแหลกสลาย
บนร่างของเขาเหมือนมีแสงเย็นเยือกชั้นหนึ่งปกคลุม นั่นเป็นผลจากการรวมพลังปราณธาตุทองขั้นสูงสุด ฝีเท้าของเขาไม่หยุดแม้แต่ครู่เดียว ประหนึ่งว่าไม่มีสิ่งใดขวางฝีก้าวเขาได้
ดาบยาวของเขากวัดแกว่ง เสียงหวีดแหลมดังไม่หยุด เหมือนแม้แต่อากาศก็ต้องถูกกรีดขาด
ทุกคนตามอยู่ข้างหลังเขา ทำเพียงสกัดกั้นภูตผีที่เข้ามาใกล้ทั้งสองฝั่งก็เพียงพอ ความอันตรายลดลงไปมาก
เจียงวั่งและเจ้าหรู่เฉิงคนหนึ่งอยู่ทางซ้าย คนหนึ่งอยู่ทางขวา ปกป้องหลิงเหอกับตู้เหยี่ยหู่เอาไว้ตรงกลางอย่างทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจ หลิงเหอนั้นยังดี ตู้เหยี่ยหู่กลับหน้าแดงก่ำ แต่ก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาทำตามอารมณ์ ได้เพียงบุกฝ่าไปข้างหน้าด้วยความอัดอั้นใจ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด พวกเขาแยกแยะทิศทางไม่ถูกในกลุ่มหมอกหนาที่รวมตัวกันอย่างช้าๆ แม้แต่เวลาก็เสมือนเริ่มรางเลือน วิญญาณเร่ร่อนที่เจอในตอนนี้ไม่ได้แข็งแกร่งมาก อยู่ในขอบเขตที่ผู้ฝึกตนระดับเก้าเหนือมนุษย์สามารถรับมือได้ ทว่าผู้ฝึกตนระดับแปดระดับเก้าเหล่านี้ยังมีรากพลังเต๋าในจุดผ่านสวรรค์ไม่มากพอ ทนการต่อสู้ยาวนานแบบนี้ไม่ไหว น่ากลัวว่าฝืนไปอีกสักช่วงหนึ่งก็ไม่อาจใช้วิชาได้อีกแล้ว ไม่อย่างนั้นกระแสวนเต๋าจะเสียหาย บาดเจ็บไปถึงรากฐานพลัง
เว่ยเหยี่ยนหยุดลงในตอนนี้เอง
จากการอนุมานตำแหน่งคร่าวๆ อีกไม่นานก็จะถึงใจกลางตำบลเสี่ยวหลินแล้ว เจียงวั่งจำได้ว่าที่นั่นมีตลาดนัดอยู่แห่งหนึ่ง ทุกครั้งที่มีตลาด คนจากหมู่บ้านรอบๆ จะมารวมตัวกันที่นี่ คึกคักเป็นอย่างยิ่ง
เว่ยเหยี่ยนหยุดลงตรงนี้ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากมุ่งหน้าต่อไป แต่เพราะมีกำแพงหมอกแถวหนึ่งขวางอยู่ข้างหน้า ขวางกั้นคมดาบของเขาเอาไว้
ไม่เหมือนกับหมอกหนาที่ลอยกระจายตามทาง กำแพงหมอกนี้ให้ความรู้สึกเหมือนวัตถุของจริง ทั้งยังแกร่งยิ่งนัก ด้วยคมดาบของเว่ยเหยี่ยน แม้แต่กำแพงทองแดงผนังเหล็กก็ยังถูกฟันขาดได้ ทว่ากำแพงหมอกนี้กลับตั้งตระหง่านไม่ไหวติง
ไม่ว่าจะโจมตีไปกี่ครั้ง ก็เปรียบดั่งก้อนหินจมลงทะเล
เว่ยเหยี่ยนร้อนใจยิ่งนัก เขาสัมผัสได้อย่างฉับไวว่าข้างหลังกำแพงหมอกมีเรื่องที่ไม่ควรเกิดกำลังเกิดขึ้น นั่นไม่ใช่แค่เรื่องชั่วร้ายธรรมดา กระทั่งว่าอาจส่งผลต่อชีวิตเขาทั้งชีวิตก็เป็นได้
ตอนนี้ดาบชี้ไปข้างหน้า ทว่าอยู่ในสภาพกลืนไม่เข้าคายไม่ออก!
“ทุกคนมีใครมีวิธีแก้บ้าง ลองดูได้เลย!” เว่ยเหยี่ยนเอ่ยเสียงเคร่งเครียด “สถานการณ์ฉุกเฉินไม่อาจเสียเวลา ข้าจะรับผิดชอบทุกอย่างเอง”
มีลูกศิษย์คนหนึ่งเดินตรงไปที่หน้ากำแพงหมอกทันที ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็เริ่มปลดเข็มขัดออก
“เฮ้ย นี่เจ้าจะทำอะไร” คนด้านข้างดึงเขาไว้
“อย่าห้ามข้า!” คนคนนี้เอ่ยอย่างมั่นอกมั่นใจ “ที่นี่มีภูตผีมากมาย พลังหยินหนาแน่น ฉี่ของชายพรหมจรรย์ขับไล่สิ่งชั่วร้ายสยบภูตผีได้ ตอนนี้ข้ายังบริสุทธิ์อยู่ ย่อมไม่เกี่ยงงอนในสิ่งที่ควรทำ!”
คนผู้นี้ชื่อหวงอาจ้าน เป็นศิษย์สายในที่ได้รับคัดเลือกรุ่นที่แล้ว และเป็นสหายดื่มสุรากับตู้เหยี่ยหู่ นิสัยไม่เลว แต่สมองไม่ค่อยดีนัก
เว่ยเหยี่ยนขมวดคิ้ว รอจนเขาถ่ายเบาเสร็จ กำแพงหมอกไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย มีเพียงกลิ่นฉุนจมูกนั่นที่เตือนทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้น
“ไม่ถูกสิ หรือว่าไม่เยอะพอ” คนผู้นี้ปรายตามองครู่หนึ่ง แล้วจึงหันหน้ามาพูด “ทุกท่านมีใครที่ยังบริสุทธิ์อยู่บ้าง มาช่วยกันสิ! เจ้าหรู่เฉิงแน่นอนว่าไม่ต้องมา เจ้าพลังหยินเยอะ ตู้เหยี่ยหู่รีบมาเร็วเข้า! อย่ามัวเหนียมอาย! เกียรติยศของเจ้ากำหนดแล้วว่าเจ้าต้องบริสุทธิ์จนเฒ่า พลังหยางพอแน่!”
ประโยคเดียวเยาะเย้ยได้ถึงสองคน หากไม่ใช่ว่าสถานการณ์วิกฤต ตู้เหยี่ยหู่ได้ซัดหัวเขาเละไปนานแล้ว
เจ้าหรู่เฉิงแยกเขี้ยวพูดขึ้นว่า “อาจ้านเจ้าคิดดูอีกที ฉี่ชายบริสุทธิ์ไม่พอ ต้องใช้เลือดชายบริสุทธิ์หรือไม่”
อาจ้านได้ยินดังนั้นก็ลูบคางพลางพยักหน้า เหมือนกำลังขบคิดถึงความเป็นไปได้จริงๆ
หวางฉางเสียงที่ค่อนข้างอ่อนแรงมาโดยตลอดนับจากใช้ลมหายใจพายุมังกรกล่าวว่า “เมื่อครู่ตอนที่ลมหายใจพายุมังกรพัดหมอกพวกนั้นกระจายไป ข้าสังเกตเห็นว่าวิญญาณเร่ร่อนในตำบลเสี่ยวหลินรวมตัวเป็นค่ายกลเก้าทิศอย่างง่ายๆ ตอนนั้นไม่กล้ายืนยัน จวบจนยามนี้ถูกขวางไว้ที่ใจกลางแห่งนี้ถึงได้มั่นใจ”
“จะทำลายอย่างไร” เว่ยเหยี่ยนไม่อ้อมค้อม
“ผู้วางค่ายกลไม่ได้ตั้งใจมากนัก อีกทั้งวิญญาณเร่ร่อนมากมายขนาดนี้ก็ยากที่จะบังคับให้ได้ดังใจ ดังนั้นวิธีการทำลายง่ายมาก” หวางฉางเสียงยิ้มขื่น “ทำลายตาค่ายกลแปดทิศที่เหลือ ใจกลางก็จะทำลายตัวเองโดยไม่ต้องโจมตี”
เว่ยเหยี่ยนพูดขึ้นทันที “หวางฉางเสียงสังเกตการณ์อยู่ที่นี่ นอกนั้นอยู่สี่คนคอยฟังคำสั่งจากเขา พร้อมสนับสนุนทุกทิศทุกเวลา ข้าจะไปทิศข่าน คนที่เหลือแบ่งออกเป็นเจ็ดกลุ่ม แต่ละกลุ่มทำลายหนึ่งทิศ สุดท้ายพวกเรามารวมตัวกันที่ทิศกลางนี้อีกครั้ง”
แบ่งเลขฟ้า เข้าจากหยาง ออกทางหยิน หยางเริ่มจากจื่อ หยินเริ่มจากอู่ ตั้งเก้าทิศที่ตำแหน่งไท่อี่ เริ่มจากทิศข่าน
ทิศข่านตั้งอยู่ทางเหนือ ในห้าธาตุเป็นธาตุน้ำ สำหรับเว่ยเหยี่ยนแล้วไม่ใช่ทิศที่จัดการได้ง่ายที่สุด แต่พลังของเขาแข็งแกร่ง จึงไม่จำเป็นต้องพิจารณาเรื่องพวกนี้
“สิ่งที่ข้าต้องเตือนทุกคนก็คือ” หวางฉางเสียงกล่าวอีก “ภูตผีที่พวกเรากำจัดมาตลอดทางล้วนเป็นวิญญาณทั่วไป แต่ที่ตาค่ายกลจะต้องมีวิญญาณแค้นหรือวิญญาณร้ายแน่นอน ทุกคนโปรดลงมืออย่างประมาณตน”
เจ้าหล่างทำตามแค่คำสั่งของเว่ยเหยี่ยนคนเดียว ตอนนี้รับคำคนแรกว่า “เช่นนั้นข้าไปทิศคุน”
หลีเจี้ยนชิวยิ่งเด็ดขาดแน่วแน่กว่าเดิม ถือกระบี่เดินไปทางทิศตะวันตก “ทิศเจิ้นให้ข้าจัดการเอง ที่เหลือพวกเจ้าแบ่งกันเองก็แล้วกัน”
ผู้แข็งแกร่งทรงพลังก้าวออกมา แต่ละคนแบกรับความรับผิดชอบ นี่คือเสาหลักของผู้บำเพ็ญ
เจียงวั่งและพวกหลิงเหอมองตากัน พูดขึ้นว่า “พวกเราสี่คนพี่น้องจะรับผิดชอบทิศซวิ่น”
คำพูดของเขาไม่ใช่การอวดดี ตลอดทางมาพลังต่อสู้ของคนทั้งหลายก็พอจะดูออกอยู่หลายส่วน แม้เขายังสร้างรากฐานไม่สำเร็จ แต่เมื่ออาศัยเคล็ดวิชากระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพา พลังจะอยู่เหนือผู้ฝึกตนระดับเก้าทั่วไป
และทิศซวิ่นในห้าธาตุถือเป็นธาตุไม้ ใช้ทองตัดไม้เหมาะสมที่สุด ส่วนทิศเจิ้นที่เป็นธาตุไม้อีกทิศหนึ่งให้หลีเจี้ยนชิวเป็นผู้รับผิดชอบ ทิศอื่นๆ ที่เหลือเขากับเจ้าหรู่เฉิงยากจะทำได้ดี
พูดจากอีกมุมหนึ่ง ตำบลเสี่ยวหลินเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ผลกระทบจากเหตุการณ์ต้องไม่น้อยแน่นอน ครั้งนี้พวกเขาลงแรงมากน้อยเท่าไรก็มีการจดบันทึกไว้ หลิงเหอ ตู้เหยี่ยหู่ และเจ้าหรู่เฉิงล้วนอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการสะสมแต้มเต๋าไปแลกลูกกลอนเปิดชีพจร ครั้งนี้หากพวกเขาจัดการได้ทิศหนึ่ง จะต้องผลักดันให้พวกเขาก้าวหน้าไปมากแน่
การเลือกของทุกคนแบ่งตามลำดับเก้าทิศอย่างเคร่งครัด ทั้งหมดเก้าทิศ สองสี่เป็นไหล่ หกแปดเป็นเท้า ซ้ายสามขวาเจ็ด เก้ากลางบนหนึ่งกลางล่าง จากหนึ่งถึงเก้าแบ่งเป็น ข่าน คุน เจิ้น ซวิ่น จง เฉียน ตุ้ย เกิ้น หลี[1]
ตลอดทางครั้งนี้ทั้งรุกทั้งรับ วิชากระบี่เลิศล้ำของเจียงวั่งและเจ้าหรู่เฉิงก็ได้รับการยอมรับจากผู้คนนานแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีใครพูดอะไรมาก ศิษย์สำนักเต๋ายี่สิบคนที่เหลือแบ่งได้กลุ่มละห้าคนพอดี จากนั้นต่างเลือกสี่ทิศที่เหลือ
ต้องบอกเลยว่าลมหายใจพายุมังกรของหวางฉางเสียงก่อนหน้านี้สร้างประโยชน์ครั้งใหญ่ ทำให้คนทั้งหลายหาทิศทางเจออีกครั้งในหมอกที่หนาแน่นเช่นนี้ นี่เป็นเงื่อนไขแรกในการทำลายทั้งค่ายกลผี
ทิศซวิ่นอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ เจียงวั่งถือกระบี่มุ่งไปข้างหน้าท่ามกลางหมอกหนา หลังจากที่เห็นหอสุรารางๆ ข้างหน้าก็มั่นใจ หอสุราเพียงแห่งเดียวในตำบลเสี่ยวหลินอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ พวกเขาเดินมาถูกทางแล้ว
“ระวัง” หลิงเหอพลันเอ่ยขึ้น “ข้ารู้สึกว่าข้างหน้ามีสิ่งที่อันตรายเป็นอย่างยิ่งอยู่”
ลางสังหรณ์ของหลิงเหอแม่นยำมากมาโดยตลอด ทุกคนไม่กล้าเมินเฉย
เจียงวั่งพยักหน้า “นั่นคงเป็นวิญญาณแค้นที่ศิษย์พี่หวางบอก มันเป็นตัวแทนของตาค่ายกลทิศซวิ่น หรู่เฉิง ท่าสังหารกระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพาเจ้าเชี่ยวชาญแล้วกี่กระบวนแล้ว”
“เชี่ยวชาญหมดแล้ว” เจ้าหรู่เฉิงตอบ
เจียงวั่งไม่มีอะไรจะพูดกับพรสวรรค์ของเจ้าคนนี้ บัญชาการทันที “อีกเดี๋ยวข้าจะลงมือก่อน เจ้ารับช่วงต่อ ระเบิดการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดออกมาทันที ต้องทำลายเป้าหมายให้ได้ในเวลาที่สั้นที่สุด พี่ใหญ่กับพี่รองระวังรอบๆ ไว้ อย่าให้วิญญาณเร่ร่อนตนอื่นพุ่งเข้ามา ในยามที่จำเป็นต่อให้ต้องปะทุเลือดลมก็อย่าได้เสียดาย”
ก่อนจะวางรากฐานสำเร็จ หากไม่อาจเชี่ยวชาญวิชาที่สุดยอดเช่นกระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพาได้ วิธีเดียวที่สามารถรับมือกับภูตผีที่เป็นภัยอันตรายก็มีเพียงปะทุเลือดลมเท่านั้น แต่เลือดลมคือพื้นฐานของมนุษย์ การปะทุเลือดลมเป็นภาระหนักต่อร่างกายมาก ด้วยเหตุนี้หลิงเหอและตู้เหยี่ยหู่จึงควบคุมมาตลอดทาง
แต่พวกเขาไม่ลังเลกับคำสั่งการของเจียงวั่งเลยสักนิด นั่นคือความรู้ใจกันที่สั่งสมจากการสู้เคียงบ่าเคียงไหล่มานับครั้งไม่ถ้วน
แม้ในหมอกจะมองเห็นชัดได้ไม่ไกลมากนัก แต่พี่น้องสามสี่คนก็ยังสามารถเล็งระยะเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว อีกทั้งแยกกันเข้าไปล้อมใกล้ๆ
ในตอนนี้เอง พลันมีเสียงหวีดแหลมดังขึ้นมา ราวว่าดังอยู่ข้างหู ตรงหน้าเจียงวั่งมีแสงกระบี่ทางหนึ่งฉายประกาย!
เคร้ง!
กระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพา ท่าสังหารกระบวนที่หนึ่ง!
กระบี่ยาวรับกรงเล็บแดงก่ำข้างหนึ่งไว้ได้พอดี วิญญาณแค้นทิศซวิ่นปรากฏกายขึ้นต่อหน้าคนทั้งหลาย
วิญญาณเร่ร่อนตลอดทางมาอันที่จริงแล้วไม่ต่างจากมนุษย์ยามมีชีวิตสักเท่าไร เพียงแค่ร่างกายรางเลือน ใบหน้าขาวซีด แต่วิญญาณแค้นเหล่านี้แตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิง เป็นสิ่งมีชีวิตอีกประเภทไปแล้ว
มันมีหน้าตาดุร้ายเหี้ยมโหด ร่างสูงเกือบสองจั้ง ตัวใหญ่กำยำ เส้นเลือดบนร่างปูดนูน กรงเล็บเป็นสีแดงก่ำ ปลายเล็บข้างหนึ่งยังมีเลือดไหลหยดอยู่
เจียงวั่งรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าประสาทสัมผัสของวิญญาณแค้นที่อยู่ในหมอกหนาจะต้องไวกว่าพวกเขาแน่ ดังนั้นเขาจึงคอยตั้งรับอยู่แล้ว กระบวนท่ากระบี่รอแผลงฤทธิ์ ถึงได้ต้านทานการโจมตีของวิญญาณแค้นได้ทันควัน
แต่เขาก็ยังประเมินความแข็งแกร่งของวิญญาณแค้นต่ำไป
ในรอยแยกที่ลมหายใจพายุมังกรสร้างขึ้น วิญญาณเร่ร่อนที่พวกเขาเห็นมีแค่หลักพันเสียที่ไหน แต่ว่ากลับมีวิญญาณร้ายแปดตนเฝ้าค่ายกลเก้าทิศแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์เลี้ยงขึ้นมาหรือว่าเข่นฆ่ากันเอง วิญญาณแค้นที่ถือกำเนิดในนี้ย่อมไม่ธรรมดา
แม้เจียงวั่งจะต้านทานการโจมตีครั้งแรกได้ แต่ก็ยังคงถูกกรงเล็บอีกข้างหนึ่งเฉือนผ่าน ฉีกเนื้อชิ้นหนึ่งที่แขนซ้ายออกไป
หยดเลือดที่ปลายเล็บของวิญญาณแค้นมาจากแผลของเขานั่นเอง ดีที่บาดแผลไม่นับว่าใหญ่มาก
ในเวลาเดียวกับที่เจียงวั่งถูกลอบโจมตีแล้วสู้กลับ กระบี่ของเจ้าหรู่เฉิงก็ตวัดออกไปแล้ว!
ท่าสังหารกระบวนที่หนึ่งของกระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพาสำคัญที่ความเร็ว จึงโจมตีได้ราวฟ้าลั่น คุ้มกันได้ดุจสายฟ้า บุตรแห่งสวรรค์บันดาลโทสะแห่งอัสนี แค่ช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับสะเทือนทั่วหล้า!
วิญญาณแค้นตนนั้นยังไม่ทันได้ลิ้มรสเนื้อที่ฉีกออกมา กระบี่ของเจ้าหรู่เฉิงก็แทงเข้าไปในท้องมันจนมิด
เจ้าหรู่เฉิงเกาะติดกับร่างวิญญาณแค้นไปพร้อมกระบี่ เนื่องจากความแตกต่างของขนาดร่างกาย จึงดูเหมือนลิงโหนอยู่บนตัวคน
วิญญาณแค้นกรีดร้องโหยหวน แล้วพลันก้มหน้าลงมา
แย่แล้ว!
เจ้าหรู่เฉิงตื่นตระหนก ดีดตัวบนกรงเล็บที่เหวี่ยงมาของวิญญาณแค้น ก่อนตีลังกากลางอากาศ สละกระบี่ถอยออกมา วิญญาณแค้นยังไม่ทันได้ไล่โจมตี เงาร่างของเจียงวั่งก็วาบผ่านมาเบื้องหน้ามันแล้ว
ท่าสังหารกระบวนที่สองของกระบี่หมอกมงคลแห่งบูรพาเยี่ยมยอดที่ความแม่นยำ
เจียงวั่งจากไปไกลแล้ว แต่ประกายกระบี่สายนั้นกลับยังฟันดวงตาของวิญญาณแค้นอย่างเนิบนาบ
ของเหลวสีดำเหมือนน้ำข้นๆ ระเบิดทะลักออกมา เสียงโหยหวนของวิญญาณแค้นหวีดหวิววังเวงนัก สิ่งมีชีวิตที่เดิมทีสติปัญญาสับสนเลอะเลือน ชั่วขณะนี้กลับใช้ดวงตาขวาที่เหลืออยู่จ้องเจียงวั่งเขม็ง ความเคียดแค้นเอ่อล้น
มันไม่กุมตาขวา ปล่อยให้ของเหลวสีดำไหลเยิ้ม บนร่างยังมีกระบี่ที่สั่นไหวของเจ้าหรู่เฉิงปักคาอยู่ พุ่งมาหาเจียงวั่งแบบนั้นอย่างรวดเร็ว!
หลิงเหอที่กำลังขับไล่วิญญาณเร่ร่อนอยู่นอกวงต่อสู้โยนกระบี่คู่กายไปให้เจ้าหรู่เฉิงท่ามกลางความวุ่นวาย “รับ!”
เจ้าหรู่เฉิงกระโดดขึ้น คว้ากระบี่ของหลิงเหอไว้กลางอากาศ ทั้งตัวพุ่งไปข้างหลังวิญญาณแค้นอีกครั้งอย่างเร็วรี่ กระบี่นี้แทงจากหลังคอของมัน ปลายกระบี่เสียบลงจากคางไปหยุดอยู่ที่อก!
วิญญาณแค้นกรีดร้องพลางตวัดกรงเล็บ แต่เป็นเพราะมุม กรงเล็บนี้จึงย่อมช้ากว่าเมื่อครู่ ดังนั้นสองเท้าของเจ้าหรู่เฉิงจึงยันบนหลังของมัน คิดจะอาศัยแรงดีดดึงกระบี่ผละออกมา แต่คิดไม่ถึงว่ากล้ามเนื้อของวิญญาณแค้นจะหนีบกระบี่เอาไว้แน่น เขาดึงออกมาไม่ได้ในทันที ทำให้ช้าไปชั่วขณะหนึ่ง
ทว่าเพียงชั่วขณะนี้เอง กรงเล็บมหึมาของวิญญาณแค้นก็กวาดมาที่ร่างเขาเต็มแรง ซัดจนเขากระเด็นออกไปเกือบสองจั้งและร่วงไปในหมอกหนา เป็นตายไม่รู้แน่ชัด!
ต้องรู้ไว้ว่าในหมอกหนาตอนนี้มีวิญญาณเร่ร่อนนับไม่ถ้วนเพ่นพ่านอยู่!
ตอนนี้เจียงวั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม หลิงเหอหลังจากโยนกระบี่ให้แล้วก็โรมรันอยู่กับวิญญาณเร่ร่อน มีเพียงตู้เหยี่ยหู่ที่กำลังคุ้มกันวงต่อสู้อยู่ใกล้ที่สุด เขาเองก็ทนไม่ไหวนานแล้ว การเดินทางของเขาในครั้งนี้ก็เพื่อกำจัดภัยร้าย ขจัดความชั่ว ไม่ใช่เพื่อถูกปกป้องแล้วรอรับแต้มเต๋า หรือกระทั่งกลายเป็นตัวถ่วงแน่นอน!
ได้ยินเพียงเสียงคำรามสนั่นหวั่นไหวปานอสุนีบาต เลือดลมทั้งร่างตู่เหยี่ยหู่ปะทุขึ้นเต็มกำลัง เลือดลมในกายเขาราวกับวัตถุจริงพุ่งไปยังกลางกระหม่อม ในพริบตานั้นประหนึ่งสัญญาณควันแจ้งเตือน!
เลือดลมพวยพุ่ง!
มีเพียงจอมยุทธ์ที่เลือดลมแข็งแกร่งจนถึงในบางระดับจึงจะกระตุ้นเลือดลมพวยพุ่งได้ แม้แต่เจียงวั่งก็ทำถึงจุดนี้ไม่ได้
ตู้เหยี่ยหู่ระเบิดพลังสุดกำลังครั้งนี้ ก็มากพอที่จะพิสูจน์แล้วว่าเขาไม่ด้อยกว่าผู้ใด
เขาถูกปกคลุมด้วยพลังเลือดลมที่เหมือนวัตถุของจริง บนร่างเหมือนคลุมด้วยชุดศึกสีเลือดชั้นหนึ่ง ใช้ความเร็วที่สูงกว่าปกติหลายเท่า แค่ไม่กี่ก้าวก็พุ่งไปถึงข้างกายของเจ้าหรู่เฉิง!
………………………………………………………
[1]ทิศข่านคือทิศเหนือ ตำแหน่งน้ำ ทิศคุนคือทิศตะวันตกเฉียงใต้ ตำแหน่งดิน ทิศเจิ้นคือทิศตะวันออก ตำแหน่งสายฟ้า
ทิศซวิ่นคือทิศตะวันออกเฉียงใต้ ตำแหน่งลม ทิศเฉียนคือทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ตำแหน่งฟ้า ทิศตุ้ยคือทิศตะวันตก ตำแหน่งทะเลสาบ
ทิศเกิ้นคือทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ตำแหน่งภูเขา ทิศหลีคือทิศใต้ ตำแหน่งไฟ รวมกับใจกลางเป็นทั้งหมดเก้าทิศ