ท่องภพสยบหล้า - บทที่ 42 อันอัน อันอัน
“อะไรนะ ทุจริตในการสอบ หนีเรียน ซ้ำยังดื้อด้านสั่งสอนไม่ได้?”
ณ สถานศึกษาส่วนบุคคลชื่อสถานธรรมกระจ่าง เจียงวั่งทั้งตกใจทั้งโมโห
เมื่อวานนี้ได้ยินอันอันบอกว่าอาจารย์ของนางต้องการพบเขาที่เป็นผู้ปกครอง เดิมทีเขาก็เป็นกังวลนัก เพราะคิดเชื่อมโยงไปถึงคำข่มขู่ของฟางเจ๋อโฮ่วได้ง่ายมาก
หากตระกูลฟางใช้วิธีสกปรกบางอย่าง เช่นใช้เส้นสายให้อันอันถอนตัวจากสถานศึกษาที่เรียนอยู่ตอนนี้ เขาก็ทำอะไรไม่ได้เลย
เขาถึงขนาดเตรียมควักเงินเชิญอาจารย์มาสอนที่บ้านให้อันอันแล้ว
แต่เขาคิดจนหัวแทบแตกก็คิดไม่ถึงว่า อาจารย์ของอันอันต้องการพบเขาก็เพียงเพราะเจียงอันอันทำตัวไม่ดีจริงๆ
เจียงวั่งรู้สึกว่าเหลวไหลไร้สาระเป็นที่สุด
อาจารย์สอนหนังสือ ตีมือ ลงโทษให้ยืน หรือให้คัดหนังสือล้วนเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อย ไม่เคยมีอาจารย์คนไหนจัดการลูกศิษย์ไม่ได้ ไม่เห็นหรือว่าเขาคนนี้ขนาดเข้าเป็นศิษย์สายในของสำนักเต๋าแล้ว ยังถูกเซียวหน้าเหล็กสั่งให้คัดคัมภีร์เต๋าต่อหน้าเลย
จะต้องเป็นนักเรียนที่แย่และดื้อด้านขนาดไหน ถึงได้ถูกอาจารย์เรียกพบผู้ปกครอง
“เจ้าดูเอา” อาจารย์ชราของสถานธรรมกระจ่างโยนสมุดกองหนึ่งมาให้ “ข้าลงโทษให้นางคัดตำราพันอักษร เจ้าดูว่านางคัดอะไรมา”
เจียงวั่งรับมาด้วยสองมือ ดูอยู่ครู่หนึ่ง กำลังจะบอกว่าไม่มีปัญหาอะไรนี่ เนื้อหาก็เป็นตำราพันอักษรถูกต้องแล้ว แต่ไม่นานก็ได้สติ เนื้อหาถูกต้อง แต่ลายมือกลับมีมากถึงเจ็ดแปดแบบ
กล่าวได้อีกอย่างว่า แม้แต่งานลงโทษคัดหนังสือ เจียงอันอันก็ทำเสร็จโดยทุจริตเหมือนกัน
เจียงวั่งอยากเอามือปิดตาตัวเองนัก เขาทนดูต่อไปไม่ได้ ตอนเขาถูกเซียวหน้าเหล็กลงโทษให้คัดคัมภีร์เต๋าร้อยจบก็ไม่คิดจะให้คนอื่นมาช่วย แต่คัดอักษรทีละตัวๆ อย่างซื่อสัตย์ส่งไป อดหลับอดนอนตั้งกี่คืน!
ทำไมเจียงอันอันคนนี้ถึงมีความคิดบรรเจิดขนาดนี้ได้
“นางทุจริตการสอบด้วยหรือ” เจียงวั่งถามเสียงสั่น
“ตอนสอบย่อยช่วยคนอื่นทำข้อสอบ ถูกข้าจับได้คาหนังคาเขา” อาจารย์ชราพูดถึงตรงนี้ เสียงก็พลันสูงขึ้น “ตัวนางเองยังสอบไม่ผ่านเลย! อาศัยอะไรกัน!”
เจียงอันอันนั่งก้มหัวอยู่ข้างๆ ท่าทางน่าสงสารเหมือนสุดแท้แต่จะตีจะด่า ทว่าดวงตากลมโตกลับลอบมองสีหน้าของเจียงวั่ง ทุกครั้งที่เจียงวั่งมองมา นางจะรีบเก็บสายตากลับทันที
ในห้องยังมีเด็กหญิงตัวน้อยอีกคนหนึ่ง ตอนนี้กำลังนั่งเรื่อยเฉื่อยอยู่บนเก้าอี้มีพนักพลางเล่นนิ้วมือ คงจะเป็นสหายนักเรียนที่ขอให้เจียงอันอันช่วยโกงข้อสอบคนนั้นกระมัง…ท่าทีแบบนี้จะโอหังเกินไปหน่อยแล้ว!
รูปโฉมของนางดีมาก ผิวขาวเนียนราวเทียนไข คิ้วตางดงาม แม้จะยังโตไม่เต็มที่แต่ก็เห็นได้ว่าเป็นสาวงาม มีเพียงจมูกเล็กๆ ที่เชิดสูงทำให้ดูหยิ่งยโสเกินไปบ้าง อาภรณ์ที่สวมก็ราคาไม่ธรรมดา ท่าทางราวกับปีศาจน้อยป่วนโลก
ก็จริง…หวังให้เจียงอันอันที่สอบไม่ผ่านช่วยโกงข้อสอบให้ นางจะเป็นเด็กดีรักเรียนไปได้อย่างไร
เจียงวั่งบอกตัวเองให้ใจเย็น น้องสาวของเขาเป็นเด็กขี้อาย เรียบร้อย รู้ความ น่าเอ็นดู เบื้องหลังจะต้องมีการเข้าใจผิดอะไรแน่…เข้าใจผิดกับผีน่ะสิ! หลักฐานคาหนังคาเขาแล้ว!
เจียงวั่งดึงเจียงอันอัน หันหน้าเดินออกไปข้างนอก “กลับบ้านกับข้า!”
กล่าวว่าพี่ชายคนโตก็เหมือนบิดา และการไม่สั่งสอนบุตรเป็นความผิดของบิดา เขาตัดสินใจว่าวันนี้ถึงเวลาที่จะต้องแสดงความน่าเกรงขามของผู้ปกครองสักหน่อยแล้ว ทำไมเด็กหญิงตัวน้อยที่ขลาดกลัวขี้อายคนนั้นถึงกลายเป็นแบบนี้ในเวลาสั้นๆ ไม่กี่เดือนได้? เขาตัดสินใจว่าจะตีนางสักชุด อย่างน้อยๆ ก็ต้องตีมือสักสิบที แต่ลงมือตีที่สถานศึกษาน่าขายหน้าเกินไป ดังนั้นต้องลากกลับไปตีที่บ้าน
อืม…ตีสักสามทีก็แล้วกัน สามทีก็โหดมากแล้ว เจ็บนานพอควรอยู่
ตอนนี้ปีศาจน้อยป่วนโลกคนนั้นยังกระโดดเข้ามาโบกไม้โบกมือให้ เอ่ยเสียงใสกังวานว่า “แล้วเจอกันนะอันอัน!”
มือข้างหนึ่งของเจียงอันอันถูกเจียงวั่งจับจูงเอาไว้ นางตระหนักได้นานแล้วว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงสงบเสงี่ยมมานานแล้ว ตอนนี้ได้ยินคำทักทายของสหาย มืออีกข้างหนึ่งก็ยกขึ้นอย่างละล้าละลังเตรียมจะตอบกลับไป…
เจียงวั่งออกแรงดึง ตัดบทการบอกลาแห่งมิตรภาพนี้
เดินออกไปจากสถานธรรมกระจ่างไม่กี่ก้าว เลาะตามถนนเต่างูดำมุ่งหน้าไปทางใต้ ก็จะผ่านร้านเนื้อแพะตำรับลับตระกูลไช่
ตอนได้กลิ่นหอมของเนื้อแพะ เจียงอันอันจงใจกระแอมออกมาหนึ่งที แต่ก่อนขอเพียงนางส่งสายตาให้ กระทั่งแค่ทำจมูกฟุดฟิด เจียงวั่งก็จะหยุดแล้วพานางเข้าไป
ทว่าวันนี้เจียงวั่งลากนางเดินผ่านไปโดยไม่เหลียวมอง
เจียงอันอันจึงเข้าใจแล้วว่า พี่ชายโกรธจริงๆ
ตรงไปเลี้ยวซ้าย เดินเข้าถนนพฤกษาคราม มุ่งหน้าไปทางตะวันออก เดินจนสุดถนนก็มาถึงตรอกอาชาเหิน บ้านของพวกเขาอยู่ในตรอกนี้
“พี่ชาย…” เจียงอันอันตะโกนเรียก
แต่เจียงวั่งไม่ขานตอบ
“พี่ชาย…” เจียงอันอันเขย่ามือของเจียงวั่งเบาๆ
เจียงวั่งแค่นเสียงขึ้นจมูก แสดงท่าทีเย็นชาของตัวเอง
เวลานี้เดินมาถึงหน้าประตูบ้านพอดี เจียงอันอันพูดออดอ้อนว่า “ท่านพี่ ข้าเปิดประตูเอง ข้าเอากุญแจมา!”
เจียงวั่งไขกุญแจเอง ผลักประตูเปิดและปล่อยมือที่จูงอันอันมาตลอด จงใจทำให้เสียงพูดเย็นชาขึ้นอีกนิด “เข้าไป”
เขาจะให้เจียงอันอันคิดว่าเรื่องนี้กลบเกลื่อนผ่านไปง่ายๆ ไม่ได้ เด็กอายุสี่ห้าขวบเป็นวัยที่กำลังบ่มเพาะนิสัยอย่างช้าๆ จะต้องมอบบทเรียนให้กับนาง
มือเล็กๆ ของเจียงอันอันจับมือของเจียงวั่ง ครั้นเห็นว่าเขาไม่คิดที่จะจูงนางอีกจริงๆ ถึงได้ปล่อยมืออย่างห่อเหี่ยว
แต่จากนั้นนางก็เหมือนนึกอะไรได้ ร่าเริงขึ้นมา ก่อนจะวิ่งปรูดนำไปข้างหน้า
เจียงวั่งตามหลังนางเข้าไปในห้องนอน เห็นเพียงเจียงอันอันตรงดิ่งไปที่เตียงของนาง
เจียงวั่งกำลังจะร้องปราม
ปกติขอแค่มีเรื่องอะไรที่ไม่อยากทำ เจียงอันอันมักลงไปนอนเอือกบนเตียงพลางร้องว่า ‘โอ๊ย ง่วงจังเลย ข้าจะนอนแล้ว’ ก็จะกลบเกลื่อนผ่านไปได้อย่างง่ายดาย
แต่ครั้งนี้เจียงอันอันพลันย่อตัวลง ร่างกระจิ๋วของนางมุดเข้าไปใต้เตียง
‘ไปซ่อนใต้เตียงข้าก็ตีเจ้าไม่ได้แล้วอย่างนั้นรึ’ เจียงวั่งเกือบโมโหจนหลุดขำออกมา พอคว้าไม้กวาดที่อยู่ข้างประตูได้ ก็มาขวางอยู่ตรงหน้าเตียงเล็กของนาง
ทว่าไม่นานเจียงอันอันก็มุดออกมา นางกอดกล่องไม้ใบเล็กใบหนึ่งเอาไว้ ด้วยมุดอยู่ใต้เตียงครู่หนึ่ง ใบหน้าจึงมอมแมม
มือทั้งสองของนางยกกล่องไม้เก่าๆ ใบเล็กนั้นขึ้นสูง พูดอย่างร่าเริงว่า “อันนี้ให้ท่าน!”
เจียงวั่งวางไม้กวาดไว้บนโต๊ะข้างๆ รับกล่องไม้ใบเล็กมาอย่างสงสัย “นี่อะไร”
เขาเปิดกล่องไม้ออก แล้วก็เห็นเงิน ทองคำแท้ ไข่มุก และอื่นๆ ที่กองอยู่ด้วยกันส่องประกายแวววาว
หัวใจของเจียงวั่งบีบรัดแน่นทันที เขายกกล่องไม้ขึ้นด้วยมือข้างเดียว กล่าวเสียงดุดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนว่า “เอามาจากที่ไหน”
เจียงอันอันไม่เคยเห็นสีหน้าท่าทีแบบนี้ของพี่ชายมาก่อน จึงลนลานขึ้นมาทันใด นางเบะปากร้องไห้พลางตอบ “ข้า…ข้าทำงานหามา”
“ทำงานหามา?” มือของเจียงวั่งสั่นระริก “ทำงานที่ไหน เอามาได้อย่างไร!”
เขาเขวี้ยงกล่องไม้ลงพื้น ตวาดลั่น “พูดมา!”
ประกายทอง ประกายเงิน ประกายอัญมณีพร่างพราวไปทั่วพื้น
เจียงอันอันตกใจ ร้องไห้จ้าออกมา “ข้าช่วยสหายสอบ…”
“ช่วยสหายในห้องทำข้อสอบหาเงินได้มากขนาดนี้หรือไร”
เจียงอันอันสะอื้นไห้พลางพูด “ชิงจื่อ…ชิงจื่อมีเงินเยอะ ข้าช่วยนางสอบ นางเลยให้เงินข้า”
เจียงวั่งรู้สึกเพียงว่าหัวใจที่หล่นวูบของตัวเองค่อยๆ กลับเข้าที่
เขาเริ่มเสียใจภายหลัง การกระทำเมื่อครู่ดุดันเกินไปแล้ว
เขาย่อตัวลง สองมือจับไหล่ของเจียงอันอันไว้ นางเหมือนกระเบื้องเคลือบอันวิจิตร เหมือนว่าหากไม่ปกป้องไว้ให้ดีก็จะแตกสลาย
“ที่บ้านต้องให้เจ้าทำงานหาเงินตั้งแต่เมื่อไรกัน” เจียงวั่งมองนาง ยื่นมือเช็ดน้ำตาให้ “พี่ชายมีเงิน มีเงินเยอะนัก เจ้าเข้าใจไหม”
เจียงอันอันร้องไห้ฮือๆ ตอบไปว่า “ท่านยืมเงินคนหน้าขาวนั่นมาซื้อบ้านไม่ใช่หรือ ยืมเงินก็ต้องคืน…”
เจียงวั่งพลันนึกขึ้นได้ว่า วันนั้นที่ไปหาเจ้าหรู่เฉิงจะเอาเงินจะเอาบ้าน เขาอุ้มเจียงอันอันไปด้วย
อันอันน้อยที่น่าสงสาร เสี้ยวพริบตาที่กล่องใบน้อยของนางกับหัวใจที่ประคองมันออกมาอย่างระมัดระวังถูกเขวี้ยงลงพื้น นางจะเสียใจเพียงใดกัน
เจียงวั่งมองนาง เห็นน้ำตาไหลอาบแก้มสกปรกมอมแมม ชะล้างให้เห็นผิวที่ขาวปานหิมะ
จมูกของเจียงวั่งแสบร้อน
หัวใจของเขาอ่อนยวบโดยพลัน ทั้งยังแหลกสลายไม่เป็นชิ้นดี
………………………………………………………