ท่องภพสยบหล้า - บทที่ 72 ดาวเหนือมีเจ็ดดวง สมดุลหยกอยู่ลำดับห้า
ดาวเหนือมีเจ็ดดวง สมดุลหยกอยู่ลำดับห้า
ผู้ฝึกบำเพ็ญหลังจากเข้าใจถ่องแท้ถึงอวัยวะภายในทั้งห้าแล้ว จะมีการกำหนดแดนดาราสี่ทิศในระดับหอใน ผู้ฝึกบำเพ็ญไม่เคยหยุดการสืบค้นต่อดวงดาว แต่ก็เหมือนว่าไม่เคยหาจุดสิ้นสุดได้เสียที
ว่ากันว่ายอดเขาสมดุลหยกของเมืองซานซานแห่งนี้ อยู่ตรงกับดาวสมดุลหยกในกลุ่มดาวเหนือทั้งเจ็ดบนท้องฟ้าพอดี เมื่อถึงช่วงที่โอกาสมาถึง จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่น่าเชื่อขึ้น
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล่าขาน ใครก็ไม่สามารถยืนยันได้
สิ่งเดียวที่ผู้ฝึกบำเพ็ญเมืองซานซานยืนยันได้คือ ยอดเขาแห่งนี้เป็นหนึ่งในต้นกำเนิดของภัยพิบัติสัตว์ร้ายเมืองซานซานมาหลายสิบปี สัตว์ร้ายมากมายนับไม่ถ้วนหลั่งทะลักออกมาจากยอดเขานี้ บุกเข้าไปยังเขตเมืองซานซาน ทำลายถนนสายหลัก ไร่นาและจับผู้คนกิน
บัดนี้ถึงเวลาที่จะจบสิ้นทุกอย่างแล้ว
ก่อนยุคของซุนเหิง แน่นอนไม่มีใครกล้าคิดเช่นนี้ แต่หลังจากยอดเขาพู่กันถูกชำระล้าง ยอดเขาสมดุลหยกจึงกลายเป็นเป้าหมายที่สองไปโดยปริยาย
เพื่อวันนี้ เมืองซานซานเก็บสะสมพลังมาถึงสองปี
ผู้ฝึกบำเพ็ญที่ตายไปต้องได้รับการชดเชย ผู้ฝึกบำเพ็ญรุ่นใหม่ก็จำเป็นต้องเติบโต พวกทรัพยากรอย่างอาวุธเวท เวชภัณฑ์….ล้วนจำเป็นต้องมีการชดเชย
สองปีนี้ถึงขีดจำกัดแล้ว
แน่นอน ถ้าหากไม่มีเรื่องอาละวาดของปีศาจกลืนกินจิตใจ การเตรียมตัวของเมืองซานซานคงจะพร้อมมากกว่านี้
แต่ตอนนี้ไม่สามารถสะสมต่อไปได้อีกแล้ว ภายใต้การสร้างความทุกข์ทรมานจากสัตว์ร้าย เมืองซานซานได้เข้าสู่วัฏจักรชั่วร้าย และที่ยอดเขาพู่กันก็เกิดคลื่นสัตว์ร้ายลูกใหม่ขึ้นมา…
เวลา ไม่ได้ยืนอยู่ข้างเมืองซานซาน
ดังนั้นแม้ว่าราชวงศ์จวงจะไม่ยอมอนุมัติ และไม่ทำการจัดสรรทรัพยากรมาให้ โต้วเยวี่ยเหมยเจ้าเมืองคนปัจจุบันก็ยังต้องควักคลังจวนออกมาจนหมด เพื่อดำเนินการการกวาดล้างครั้งที่สอง
ครั้งนี้เมืองซานซานมีแรงช่วยเหลือจากภายนอกมากมาย นอกจากผู้ฝึกบำเพ็ญจากเขตเมืองใกล้ๆ แล้ว กระทั่งยังมียอดฝีมือจากต่างแดนอีกด้วย
ยกตัวอย่างเช่นหญิงสาวที่คลุมหน้าด้วยผ้าโปร่งบางสีขาวคนหนึ่ง ว่ากันว่าเป็นยอดฝีมือจากสำนักลึกลับของรัฐอวิ๋น นางรักษาแนวป้องกันเส้นหนึ่งด้วยตัวคนเดียว ในรัศมีวงกลมหนึ่งลี้ห้ามใครเข้าใกล้โดยเด็ดขาด
อุปสรรคใหญ่ที่สุดในยอดเขาสมดุลหยกไม่ใช่เรื่องความอันตรายสูงชันของภูเขา แต่เป็นผึ้งหินสังหารฝูงหนึ่งที่ใช้ชีวิตอยู่ช่วงล่างของยอดเขาสมดุลหยกต่างหาก
สัตว์ร้ายชนิดนี้รูปร่างเล็ก จำนวนมหาศาล สังหารเท่าไรก็ไม่หมด พลังโจมตีแข็งแกร่งมาก แทบจะฟันแทงไม่เข้า พวกมันใช้ชีวิตอยู่ในถ้ำหินที่กระจัดกระจายอยู่ด้านล่างของยอดเขาสมดุลหยก ไปไหนมาไหนเป็นฝูง
เมืองซานซานเคยทดลองใช้วิชาเต๋าครอบคลุมอาณาเขตวงกว้าง แต่เจ้าพวกผึ้งหินสังหารพวกนี้มีสัมผัสที่ไวต่อคลื่นรากพลังเต๋ามาก ตอนรากพลังเต๋าก่อร่างขึ้นมักจะบินหนีไปไกล และพอถูกทำลายลงไปบางส่วน ก็จะก่อให้เกิดการอาละวาดบ้าคลั่งของพวกผึ้งหินสังหาร
เหล่าผึ้งหินสังหารนับพันนับหมื่นพอรวมอยู่ด้วยกันก็แทบจะปกฟ้าคลุมดินมิด ไม่มีอะไรที่จะต้านทานได้
สองปีที่แล้วซุนเหิงไม่เลือกจุดทะลวงเป็นยอดเขาสมดุลหยกก็ด้วยเหตุนี้นั่นเอง
โต้วเยวี่ยเหมยที่เลือกยอดเขาสมดุลหยกแต่ไม่เลือกยอดเขาเหินทะยาน แน่นอนว่าเพราะมีการเตรียมตัวไว้แล้ว
กลุ่มผู้ฝึกบำเพ็ญเมืองซานซานกระจายออกเป็นรอยแหว่ง ซุนเซี่ยวเหยียนถูกผลักออกมาด้วยใบหน้าร้องไห้
“ท่านแม่!” เขาร้องไห้จ้า “ท่านจะให้ลูกชายออกไปตายจริงหรือ?”
โต้วเยวี่ยเหมยจูงมือซุนเสี่ยวหมาน ยิ้มตาหยีมองลูกชาย “ข้าช่วยจับพี่สาวเจ้าไว้แล้ว รอเจ้าทำงานสำเร็จกลับมา แม่จะให้พี่เจ้าขอโทษเจ้าอย่างตรงไปตรงมานะ! เด็กดี ไม่ต้องกลัว ไม่ตายหรอก พ่อเจ้าคุ้มครองเจ้าอยู่!”
พ่อข้าตายไปตั้งนานแล้วนี่
คิดถึงจุดนี้ ซุนเซี่ยวเหยียนก็ยิ่งกลัวขึ้นไปอีก น้ำตาร่วงเหมือนเขื่อนแตก ไหลอาบเต็มหน้าอวบอ้วน
แต่ทว่าภายใต้สายตาของมารดา เขาก็ไม่กล้าจะไม่ขยับ
ถึงแม้หลังจากซุนเหิงสู้จนตัวตาย แต่ทุกคนก็รู้ว่าโต้วเยวี่ยเหมยยังรักลูกชายคนนี้มากจนแทบจะราบรื่นไปเสียทุกเรื่อง
ทว่าซุนเซี่ยวเหยียนเองก็รู้ว่า หากโต้วเยวี่ยเหมยตัดสินใจเรื่องอะไรไปแล้ว เขาไม่มีทางที่จะเปลี่ยนแปลงได้
เหมือนกับตอนที่ไปเข้าร่วมงานเสวนาเต๋าสามเมืองยังเมืองเฟิงหลินครั้งที่แล้วนั่นล่ะ เขารู้ว่าระหว่างทางต้องถูกอัด แต่โต้วหมิงเยวี่ยก็ยอมรับและเห็นด้วยไปแล้ว เขาเองทำได้เพียงติดตามพี่สาวไปด้วยน้ำตา
ท่ามกลางสายตาบ้างก็อยากรู้อยากเห็นบ้างก็ขำขัน ซุนเซี่ยวเหยี่ยนก็เขยิบเท้าไปทีละครึ่งก้าว ร่างกายที่เหมือนเนื้อก้อนกลมก็เขยื้อนไปข้างหน้าทีละชุ่นๆ
พวกเจียงวั่งเข้ามาถึงเบื้องหน้ายอดเขาสมดุลหยกด้วยสถานการณ์เช่นนี้
พวกเขาพบกับคนคุ้นเคยหลายคน เขตเฟิงหลินอยู่ใกล้ที่นี่มากที่สุด แน่นอนไม่ใช่แค่กลุ่มของหลีเจี้ยนชิวเท่านั้นที่เข้ามา
เจียงวั่งกระทั่งเห็นฟางเฮ่อหลิง ไม่พบเจอเพียงพักเดียว ไม่รู้ทำไมเขาถึงผอมลงไปมาก แต่ก็ดูมีความเหี้ยมเพิ่มมากขึ้นเช่นกัน
ไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีไหน จึงมามั่วอยู่ในกลุ่มของเจิ้งหนานชีอันดับห้าของกระดานแต้มเต๋าเมืองเฟิงหลินได้
เจ้าหรู่เฉิงมองเห็นเขา หัวเราะเอ่ยขึ้นเสียงเบากับเจียงวั่ง “ตระกูลฟางตอนนี้หาหลักฐานไปทั่วเลย ว่ากันว่าไปฟ้องร้องเจ้ากับเจ้าเมืองด้วย บอกว่าเจ้าเป็นคนนำทางสยงเวิ่นมาที่พื้นที่ตระกูลฟาง จนทำให้เกิดการล้มตายนับไม่ถ้วน”
นี่มันเรื่องตลกชัดๆ ไม่ว่าตรงกลางจะเกี่ยวข้องกับเจียงวั่งแค่ไหน การที่สยงเวิ่นมาหลบซ่อนอยู่ในเมืองเฟิงหลิน นั่นก็เพราะการไล่สังหารของจู้เหวยหว่อ สยงเวิ่นเองก็ฆ่าสังหารไปตลอดทาง ถ้าจะหาคนหนึ่งมารับผิดชอบ ก็มีแค่จู้เหวยหว่อเท่านั้นที่มีคุณสมบัติ
แต่ตระกูลฟางกล้าไปหาเรื่องจู้เหวยหว่อหรือ คำตอบเห็นได้ชัดมาก
แต่ว่าแม้ไม่มีปัญหาใหญ่อะไร แต่ปัญหาเล็กๆ ก็ยังเลี่ยงได้ยาก
เวลานี้เจียงวั่งได้รับกระบี่ยาวอาวุธเวทที่เมืองซานซานสัญญาไว้แล้วเรียบร้อย กระบี่เล่มนี้สลักประทับคมศรแสงทองไว้วิชาหนึ่ง สำหรับเจียงวั่งมันก็ยังไม่ใช่องค์ประกอบในฝัน แต่เอาแค่ความทนทานของตัวกระบี่ ก็เพียงพอที่จะทำให้เจียงวั่งรักจนไม่ปล่อยวางได้แล้ว
เขากำลังเล่นกับกระบี่ยาวเล่มนี้ พอได้ยินก็ยักไหล่ “ไม่งั้นข้าจะหลบออกมาทำไมล่ะ ไม่คิดเลยว่าออกมาแล้วก็ยังหลบไม่พ้น”
เจ้าหรู่เฉิงหัวเราะลั่น
สิ่งที่ทำให้เจียงวั่งคาดไม่ถึงคือ ฟางเฮ่อหลิงเจอกับเขาครั้งนี้กลับไม่มีท่าทีอะไรเลย ขนาดแค่มองก็ยังแฉลบผ่านไป ราวกับว่าเป็นคนไม่รู้จักกันอย่างไรอย่างนั้น
…
ส่วนซุนเซี่ยวเหยียนที่กระเถิบมาทีละครึ่งก้าว ในที่สุดก็ทำเอาโต้วเยวี่ยเหมยหมดความอดทน
หญิงสาวคนนี้ตอนสมัยยังสาวจะต้องสวยมากแน่ๆ ความงามในปัจจุบันยังคงอยู่ แต่คิ้วงามงอนที่ตั้งเล็กน้อย ก็ทำให้เห็นถึงความดุร้ายอย่างชัดเจน
“เจ้าอ้วน อย่าชักช้า”
ซุนเซี่ยวเหยียนขมวดคิ้ว และเข้าใจในที่สุดว่าเรื่องราวไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
ก็เลยทำใจสู้เสือ หลับตาลง พุ่งร่างตรงออกไปทางถ้ำหินที่ใหญ่ที่สุดนั่น
มือชูกำปั้นเคลือบหิน ซัดกระแทกลงไปบนพื้นดิน!
หึ่งๆๆ…
ผึ้งหินสังหารฝูงใหญ่พุ่งออกมา
เหล็กในมากมายนับไม่ถ้วนยิงเข้าหาผู้บุกรุกคนนี้
ซุนเสี่ยวหมานสัมผัสได้ว่ามือของมารดาบีบจนแน่น แทบจะบีบกระดูกนิ้วของนางจนหัก และปล่อยออกอย่างตกใจแทบจะในพริบตาต่อมา
ทว่าซุนเสี่ยวหมานไม่ทันได้ร้องเจ็บ เพราะนางเองก็จ้องมองสถานการณ์ของน้องชายอยู่เช่นกัน
ผึ้งหินสังหารไม่ใช่สัตว์ที่กัดจนตาย สำหรับสิ่งมีชีวิตที่ไม่มีพลังคุกคามจะไม่มีทางยิงเหล็กในออกมาง่ายๆ ดังนั้นเหยื่อของมันจึงมีเพียงผู้ฝึกบำเพ็ญเท่านั้น
ทว่านอกจากซุนเซี่ยวเหยียนที่ร่างคลุมด้วยกลองหนังปฐพีแล้ว ใครจะสามารถต้านทานการระดมยิงของผึ้งหินสังหารได้กัน
นั่นเป็นผิวหนังของซุนเหิงผู้แข็งแกร่งระดับอวัยวะภายในที่กรีดออกมาตอนยังมีชีวิต สลักอักขระค่ายกลลงไป พอควบคู่กับผลลัพธ์ของวิชาเต๋ากลองหนังปฐพี พลังป้องกันจึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าตอนที่ซุนเหิงมีชีวิตอยู่เสียอีก
เหล็กในมากมายร่วงลงพื้น จากนั่นสิ่งที่ร่วงตามลงมา ก็คือผึ้งหินสังหารฝูงใหญ่
วินาทีนั้นเหล็กในร่วงมาประดุจสายฝน ส่วนร่างของซุนเซี่ยวเหยียนก็ยืนตระหง่านอยู่กลางสายฝนเช่นกัน
กลองหนังปฐพีเอาอยู่!
แต่เขาก็ร้องไห้จ้าออกมา “เจ็บจัง! เจ็บจังเลย! ข้าไม่ไหวแล้ว!”
เขาหันหลังจะวิ่งกลับ คิดจะกลับไปยังสถานที่ที่ปลอดภัย หนีห่างจากความเจ็บปวดที่ไม่อาจทนได้นี้
ทว่าก็ถูกโต้วเยวี่ยเหมยคำรามกลับมา “ซุนเซี่ยวเหยียนเจ้าห้ามขยับ!”
ซุนเซี่ยวเหยียนน้ำตานองหน้า แต่ก็ยังหยุดเท้าลงด้วยสัญชาตญาณ เขาครวญครางออกมา “ท่านแม่! ข้าเจ็บจริงๆ ! ข้าทนไม่ไหวแล้ว เจ็บจะตายอยู่แล้ว ให้ข้ากลับไปเถอะ!”
“เจ้าห้ามขยับ!”
ผู้ฝึกบำเพ็ญเมืองซานซานที่พร้อมอยู่นานแล้ว ใช้วิชาเต๋ามากมายอย่างปฐพีสะเทือน พายุหมุน จัดการสังหารผึ้งหินสังหารที่ร่วงลงมากับพื้นไปพร้อมๆ กัน
นี่คือแผนการของเมืองซานซาน ใช้บุตรชายของเจ้าเมืองซานซานเป็นเหยื่อล่อ ดึงดูดการโจมตีของผึ้งหินสังหาร
หลังจากที่ผึ้งหินสังหารยิงเหล็กในออกมา จะมีช่วงเวลาที่หมดแรง ดังนั้นจึงทยอยๆ ร่วงลงพื้น ปกติเวลานี้จะมีฝูงคอยคุ้มกัน แต่ทว่าเป้าหมายของพวกมันตอนนี้กลับกำลังส่งเสียงโหยหวนเจี๊ยวจ๊าวอยู่ตรงหน้า แล้วพวกมันจะทนได้อย่างไร
ก็เลยมีเหล็กในยิงเข้ามาอีกชุด
ซุนเซี่ยวเหยียนเจ็บปวดจนร้องไห้จ้าไม่หยุด เจ็บปวดจนก้อนไขมันสั่นระริก แต่เขากลับเป็นเด็กชายที่ฟังคำของมารดา เท้าแข็งไม่ขยับเขยื้อน
โต้วเยวี่ยเหมยกลั้นน้ำตาเอาไว้ คอยสั่งออกไปทีละครั้งๆ อย่างใจเย็น
ซุนเสี่ยวหมานแม้ปกติจะชอบแกล้งน้องชาย แต่กลับไม่อยากเห็นน้องชายตนเองต้องมาทนทุกข์ทรมาน ร่างกายขยับจะพุ่งเข้าหา แต่ถูกโต้วเยวี่ยเหมยสะบัดกลับไป
“ท่านแม่! เจ้าอ้วนมันเจ็บนะ!” ซุนเสี่ยวหมานร้องขึ้น
“ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าพ่อของเจ้าทำไมจึงไม่ส่งต่อกลองหนังปฐพีให้กับเจ้ากัน เขารักเจ้าจะตาย” อารมณ์สูญเสียการควบคุมของโต้วเยวี่ยเหมยโผล่ออกมาและหายไป นางเอ่ยออกมาอย่างใจเย็นที่สุด “นี่คือแผนการของพ่อที่ตายไปแล้วของเจ้าคนนั้น ก่อนที่เขาจะตาย ก็คิดแผนการรับมือผึ้งหินสังหารเอาไว้แล้ว”
ซุนเสี่ยวหมานตกตะลึงฉับพลัน น้ำตาเม็ดใหญ่กลั้นเอาไว้ไม่อยู ร่วงผล็อยลงมาบนพื้น
นางไม่ใช่ว่าไม่เคยน้อยใจกล่าวโทษ โทษที่ท่านพ่อลำเอียง ปากก็พร่ำบอกว่ารักนาง แต่ก่อนตายกลับเลือกคลุมการป้องกันถาวรนี้ให้กับน้องชาย
นางเคยคิดว่าบิดากรีดหนังของตนเองส่งให้กับน้องชายเพราะเขารักน้องชายมากกว่า ลำเอียงต่อนางมากเลย
แต่กลับไม่เคยคิดว่า นางต่างหากคือเด็กคนนั้นที่ท่านพ่อปฏิบัติอย่างลำเอียง
นี่คือความรักสุดท้ายของบิดาที่มีต่อนาง
เขาไม่อยากให้ลูกสาวต้องเจ็บปวด
เมืองซานซานไม่มีใครยินดีเข้ามา เขายืนอย่างโดดเดียวเพียงคนเดียว
ประชาชนใต้การปกครองถูกคนเรียกอย่างหยามหมิ่นว่าคนเถื่อน ซุนเหิงจึงใช้คำว่าซุนหมานจื่อมาเรียกตนเอง(คนเถื่อน)
ผู้ชายเช่นนี้ยังตั้งชื่อลูกสาวตนเองว่าเสี่ยวหมาน เขาฝากฝังความคาดหวังเช่นใดไว้กันนะ
……………………………………….