ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 144 ความเมตตากรุณา
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 144 ความเมตตากรุณา
เธอสลัดความคิดออกจากหัว จีนตอบกลับ “ใช่ ใช่ ใช่ แบบนั้นแหละ ฉันมาที่นี่เพื่อชมทัศนียภาพ”
หญิงชราเหลือบมองไปที่เธอด้วยความสงสัย “โอ้ จริงหรือ? ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าคุณกำลังโกหก?”
จีน “…”
จีนเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเธอ หญิงชราไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับนิสัยของเธอโดยดูจากปฏิกิริยาของเธอ หญิงชรารู้ว่าจีนปิดบังความจริงอยู่
ดันนั้นเธอจึงเย้ยหยัน “จีน คุณไปไล่ตามภรรยาของกิดเดียนหรือเปล่า?”
เธอกลั้นหายใจ จีนอยากจะปฏิเสธแต่มาคิดอีกที
หญิงชราขัดจังหวะเธอ “ไม่เป็นไร มันไม่เป็นไรถ้าคุณจะไม่บอกความจริงกับฉัน ฉันเคยพบกับภรรยาของกิดเดียนมาแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ดี ฉันชอบเธอมากดังนั้นอย่าเข้าไปยุ่งในเรื่องของพวกเขาหรือสร้างปัญหาให้กับพวกเขา ได้ยินที่ฉันพูดไหม?”
จีนโมโหจัด
“คุณแม่พูดแบบนั้นได้อย่างไร? คุณหมายถึงอะไรที่ว่าสร้างปัญหา? คุณรู้ไหมว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นคนอย่างไร?”
“แน่นอน ฉันรู้”
เนลลี่เป็นหญิงสาวที่ใจดีมาก
เธอไม่เพียงมีหัวใจอันบริสุทธิ์เท่านั้น แต่เธอยังให้ความเคารพต่อผู้อาวุโส เธอเห็นมันประจักษ์ด้วยตาของเธอเองเมื่อสองวันที่ผ่านมา!
“คุณแม่ ทำไมคุณถึงปล่อยให้เธออยู่กับกิดเดียนถ้าคุณรู้? หรือคุณไม่ทราบว่ามีคนพูดถึงเธออย่างไร? การอนุญาตให้ผู้หญิงคนนี้แต่งงานกับคนในตระกูลลีย์ มันคือความอับอายขายหน้าของตระกูลของเรา!”
“พอ!”
หญิงชรากลับกลายเป็นโกรธเคือง “คนโง่มักจะพูดมาก ฉันจะต้องสนใจอะไรที่คนอื่นพูดด้วยล่ะ? ฉันเชื่อในอะไรก็ตามที่ฉันเห็นด้วยสองตาของฉันเอง และคุณ! รีบกลับไปเมืองหลวงกับฉัน ไม่ต้องอยู่สร้างปัญหาที่นี่ ไม่ต้องคิดเป็นทุกข์เป็นร้อนว่าจะกลับมาอีกถ้าคุณไม่ไปกับฉัน!”
“คุณแม่!”
“นั่นมันจบแล้ว ไป!”
หญิงชราจากไปกับลิซซี่ด้วยความโกรธ
จีนอยากจะบ้า
“สเตฟานี่ คุณคิดว่าแม่ของฉันหลงเสน่ห์ผู้หญิงคนนั้นอยู่หรือเปล่า? ทำไมแม่ถึงได้ไว้ใจเธอถึงขนาดนั้น?”
ดวงตาของสเตฟานี่หม่นลง เธอแอบกำหมัดไว้ที่ด้านหลัง ไม่นานนักเธอก็ยิ้มออกมา
“ท่านผู้หญิงเชื่อในความดีมาตลอด เช่นนั้นเป็นปกติที่เมื่อเธอเห็นความดีในตัวคน นี่เป็นธรรมดา น้าลีย์ไม่จำเป็นต้องโกรธด้วยเรื่องแบบนี้”
จีนนวดขมับของเธอเพื่อบรรเทาอาการปวดหัวที่เกิดขึ้นจากความโกรธ
“ได้ ได้ คุณไม่ต้องทำให้ฉันสงบลงด้วยคำพูดของคุณ ฉันรู้ ฉันไม่มีอะไรในสายตาของท่านผู้หญิง เธอค่อนข้างหลงกลเด็กผู้หญิงที่ยังไม่ได้แต่งงานอย่างเป็นทางการเข้ามาในครอบครัวของเรา ช่างเป็นเรื่องที่ตลกอะไรเช่นนี้!”
สเตฟานี่ถามอย่างนุ่นนวล “ตอนนี้พวกเราต้องทำอะไรคะ?”
จีนเหลือบมองไปที่เธอ
“มีอะไรให้ทำ? ท่านผู้หญิงสั่ง ดังนั้นฉันก็ต้องกลับไปที่เมืองหลวงสิ เดี๋ยวฉันจะไม่สามารถเข้าไปเหยียบประตูของตระกูลลีย์ได้อีก”
จีนพาสเตฟานี่ไปที่เมืองหลวงด้วย
ในอีกด้านหนึ่ง พวกเจนนิงส์ก็ประสบปัญหาอีกครั้ง
เวลานี้ มันเกิดขึ้นตอนเที่ยงคืน
เธอเพิ่งได้พักศีรษะของเธอ เมื่อจู่ๆเธอได้ยินเสียงผู้หญิงร้องไห้อยู่ข้างนอกหน้าต่าง
เสียงร้องไห้ครวญครางราวกับสัตว์เล็ก ๆ ที่ร้องโหยหวนด้วยความโศกเศร้าในความมืดมิด
ด้วยความตกใจเธอเบิกดวงตาขึ้นกว้างและหันไปทางหน้าต่างในความมืด เธอแทบจะประสาท
เมื่อผ้าม่านกระพือ มีบางสิ่งบางอย่างยกมุมของผ้าม่านออก ผ้าม่านกระพือในอากาศและปรากฏเป็นลักษณะของผู้หญิง
ยิ่งไปกว่านั้น ผ้าม่านยังลอยมาหาเธอ ราวกับกรงเล็บสีดำแหลมคมเอื้อมมาบีบคอเธอ
“อ๊ากกก”
เมื่อเสียงกรีดร้องดังขึ้นในค่ำคืน เซลีนยกผ้าห่มออกและวิ่งออกมาข้างนอก
“เป็นอะไรไป? เกิดอะไรขึ้น?”
เซลีนพักอยู่ในห้องบนชั้นสอง ถัดจากห้องนอนของฌอนและแซลลี่ เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง พวกเขาก็สวมเสื้อผ้าและวิ่งออกไปตรวจดู
เซลีนสวมแค่ชุดนอนบาง ๆ จ้องมองไปที่มุมห้องของเธอกับผมของเธอที่ยุ่งเหยิงและใบหน้าแดงก่ำด้วยความหวาดกลัว เธอสั่นสะท้านด้วยความตกใจ
“เธออยู่ที่นี่! เธออยู่ที่นี่!”
“ใคร?”
ทุกคนรู้สึกสับสน สาวใช้ที่วิ่งเข้ามาเมื่อได้ยินเสียงก็งุนงงไม่ต่างกัน
“มีอะไรผิดปกติ คุณหนูที่สอง?”
“ใครอยู่ที่นี่?”
เซลีนใบหน้าซีดเผือดคว้าข้อมือของแซลลี่เอาไว้ เมื่อรูม่านตาขยายออกเธอจึงพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือว่า “คุณแม่ เธอกลับมา! เธอกลับมาเพื่อเอาชีวิตของฉัน!”
ผิวของแซลลี่ซีดเผือด
ฌอนตำหนิอย่างรุนแรง “คุณพูดพล่ามอะไร? ใครจะกลับมากลางดึกแบบนี้?”
แซลลี่มองเขาด้วยหางตา ใบหน้าของสาวใช้ที่ดูว่างเปล่าแต่ก็ยังสอดรู้สอดเห็นทำให้ฌอนรู้สึกว่าใบหน้าของเขาซีดเผือด
ในตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงที่เข้มงวดและแก่ดังมาจากที่ด้านหลัง
“ทำไมคุณถึงทำให้ผู้คนวุ่นวายในตอนดึก ๆ ดื่น ๆ แบบนี้?”
มีคนจับแขนซีเวียขณะที่พวกเขาเดินออกมา ฌอนตอบ “เซลีนน่ะครับ มีบางอย่างที่น่ากลัวในห้องของเธอ เธอกลัวมากจนเธอวิ่งออกมา”
ช่วงเวลาที่เซลีนมองไปที่ซีเวีย สายตาปะทะราวกับว่าในที่สุดเธอก็เห็นความหวังขึ้นมาแว๊บหนึ่ง
“คุณย่าคะ ช่วยฉันด้วย! เธอมาแล้ว! เธอมาเอาชีวิตฉัน!”
ใบหน้าของซีเวียบึ้งตึงเธอจ้องมองไปรอบๆก่อนจะโพล่งขึ้นอย่างเย็นชา “คุณหมายความว่าอะไรมาเอาชีวิตของคุณ? การมีสติสำนึกคิดเหมือนมีหมอนนุ่มๆและความรู้สึกผิดเหมือนมีเตียงที่เต็มไปด้วยหนาม ฉันอยากเห็นว่ากำลังเล่นเป็นเทพและผีที่นี่!”
ด้วยเหตุนี้ เธอจึงนำฝูงชนเข้ามาในห้อง
ทุกอย่างเป็นปกติภายในห้องนอนที่ตกแต่งอย่างสวยงามและหรูหรา เมื่อแสงไฟสั่นไหว ไม่มีอะไรผิดปกตินอกจากเตียงที่ยับเล็กน้อยซึ่งเป็นสัญญาณว่ามีคนนอนอยู่บนเตียง
“เซลีน คนที่คุณพูดถึงอยู่ที่ไหน?”
“อยู่ที่หน้าต่าง!”
เธอจับแขนของซีเวีย เซลีนตัวสั่นไปทั้งตัวขณะที่เธอชี้ไปทางหน้าต่าง
“มันอยู่ที่นั่น ฉันได้ยินมัน เธอร้องไห้และพยายามบีบคอฉัน ฉันเห็นมัน”
ซีเวียขมวดคิ้ว
แซลลี่ที่ยืนอยู่ข้าง ๆ สั่งกับสาวใช้ทั้งสองคน “คุณสองคน ไปดูซิ”
“ค่ะ”
สาวใช้เดินมาและดึงผ้าม่านเปิดออก พวกเขาตรวจสองอย่างละเอียดรอบคอบทั้งภายในและภายนอกรวมถึงระเบียง
“ท่านผู้หญิง คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง คุณหนูที่สอง พวกเราไปดูทุกพื้นที่แล้ว ไม่พบใครเลย”
ซีเวียหันไปจ้องเซลีน
เซลีนยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง ใบหน้าของเธอแสดงความไม่เชื่อออกมา
“เป็นไปไม่ได้ ฉันได้ยินเสียง ฉันเห็นเธอแขนของเธอยื่นมาหาฉัน…”
“เป็นไปได้ไหมที่ช่วงนี้คุณอาจจะเหนื่อยล้ามากจนเกินไปจนเกิดภาพหลอน?”
ซีเวียรู้สึกสงสารหลานสาวคนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเวลาที่ผ่านมา เป็นเพราะเนลล์ เธอสูญเสียลูกของเธอไปและต้องปกปิดเรื่องอื้อฉาวที่บ้าน เธอต้องอยู่ภายใต้ความกดดันมากมาย
ดังนั้นเธอจึงไม่รู้สึกรำคาญที่ต้องตื่นขึ้นมากลางดึก
เซลีนส่ายศีรษะของเธอ “แต่… แต่ฉันเห็นมันจริง ๆ!”
แซลลี่มองไปที่หน้าต่างและขมวดคิ้ว ชั่วครู่หนึ่งเธอสั่งให้สาวใช้ไปปิดไฟ
“คุณแม่ ทำไมคุณถึงสั่งให้พวกเขาปิดไฟ?”
“เซลีน มือที่คุณพูดถึง คือสิ่งนี้ใช่ไหม?”
แซลลี่แสดงท่าทางให้เธอมองไปที่หน้าต่าง วินาทีต่อมาเซลีนกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง