ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 171 ทางช้างเผือก
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 171 ทางช้างเผือก
บอกตามตรงเนลล์กลัวจนต้องหลับตาลงเมื่อได้สติ
ท้ายที่สุดหลังจากที่ประสบความเจ็บปวดในชีวิตที่ผ่านมา จิตใต้สำนึกของเธอทำให้เธอระวังในทุกสิ่งรอบตัว
เธอรู้สึกดีขึ้นเมื่อมองเห็น แต่เมื่อเธอได้สติเธอหลับตาโดยไม่รับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวของเธอ ความกลัวที่ฝังลึกอยู่ในความทรงจำของเธอก็จะคืบคลานออกมาทันที
ดังนั้นการหลับตาต่อหน้าเขาและมอบความไว้วางใจของเธอให้กับเขาด้วยความบริสุทธิ์ใจแสดงให้เห็นถึงการตัดสินใจและความละเอียดรอบคอบของเธอ
ชายหนุ่มของเธอสังเกตเห็นมือของเธอสั่น เขาดึงมือของเธอให้เข้ามาใกล้ร่างกายกับเขา “หนาวไหม?”
เธอส่ายหัว
เธอเม้มริมฝีปากและกลืนน้ำลายอย่างกังวลใจ ในท้ายที่สุด เธอก็อดจะถามออกไปด้วยความกังวลไม่ได้ “คุณจะทิ้งฉันไปไหม?”
“ไม่” เสียงของชายคนนั้นฟังดูหนักแน่นและทำให้เธอวางใจ
ตราบใดที่เธออยู่กับเขา เธอไม่ต้องกลัวสิ่งใด
ในไม่ช้าลมก็พัดแรงขึ้นและเสียงลมก็ดังเข้าใกล้มากขึ้น เธอรู้ว่ามันมาจากที่จอดเฮลิคอปเตอร์
ทันใดนั้นเอง เธอเสียการทรงตัวเมื่อบางอย่างดึงเธอออกจากกลุ่ม เธอร้องไห้ออกมาด้วยความตกใจ
เมื่อเธอรู้สึกตัว เธอตระหนักได้ว่าผู้ชายของเธออุ้มเธอเอาไว้ในอ้อมแขนของเขา
เธอไม่ได้ลืมตาขึ้น แต่เธอเกาะคอเสื้อของผู้ชายคนนั้นเอาไว้แน่น ใบหน้าของเธอซีดเผือด
กิดเดียนถามด้วยเสียงทุ้ม “คุณยังกลัวอยู่ใช่ไหม?”
เนลล์นิ่งไป เธอตระหนักได้ว่ากิดเดียนสัมผัสได้ถึงความกลัวที่เอ่อล้นออกมาจากหัวใจของเธอในดวงตาของเขา
เธองอตัวของเธอเล็กในอ้อมแขนของเขา ความมั่นใจของเขาและความเข้มแข็ง กลิ่นของเขาที่ปลายจมูกของเธอทำให้เธอผ่อนคลาย
เธอพบว่าเธอไม่ได้รู้สึกกลัวเหมือนเมื่อก่อน
เนลล์ยิ้มและส่ายศีรษะของเธอ
ชายหนุ่มจูบริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา และพูดเสียงเบาเป็นกระซิบว่า “เชื่อผม”
“อืมมม”
ชายหนุ่มอุ้มเธอและเดินไปข้างหน้า
เธอรู้สึกได้ว่าเขาอุ้มเธอไปที่เฮลิคอปเตอร์ และทันใดนั้นเองทุกอย่างก็เงียบลงยกเว้นเสียงหมุนวนจากใบพัด
เขานั่งลงหลังจากที่พวกเขาขึ้นเครื่อง แต่เขาไม่ได้ปล่อยเธอลง เขาให้เธอนั่งลงบนตักของเขาแทน
เนลล์รู้สึกเขินอาย เธออยากจะลืมตาของเธอขึ้น แต่เมื่อขนตาของเธอขยับ เธอได้ยินเสียงดุของเขาดังขึ้น
“อย่าขยับ”
เธอนิ่งไปทันทีและไม่กล้าแม้แต่จะขยับเปลือกตา ความอยากรู้อยากเห็นในใจของเธอก่อนตัวมากขึ้น
‘เขากำลังจะพาเธอไปไหน?’
ไม่มีใครสามารถให้คำตอบได้แม้ว่าเฮลิคอปเตอร์จะบินออกไปแล้วก็ตาม
เธอรู้สึกได้ถึงแรงโน้มถ่วงที่สูญเสียไปเมื่อเฮลิคอปเตอร์ขึ้นบิน เพราะผู้ชายคนนั้นอุ้มเธอเอาไว้ในอ้อมแขนเธอจึงไม่กลัว
มันเงียบมีเพียงเสียงจากใบพัดอย่างต่อเนื่อง แต่เธอก็สามารถได้ยินเสียงเป็นครั้งคราว
จากนั้นเฮลิคอปเตอร์ก็ออกบินไปเรื่อย ๆ
เนลล์ไม่รู้ว่ากิดเดียนกำลังจะพาเธอไปที่ไหน ที่เธอสามารถทำได้ในตอนนี้คือหลับตาและรอคอยอย่างอดทน
พูดตามความจริงเธอรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ในหัวใจของเธอรอคอยที่จะพบกับความประหลาดใจครั้งใหญ่
เธอไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปและจะมีเซอร์ไพร์สอะไรที่รอเธออยู่
ประมาณ 10 นาทีต่อมา เฮลิคอปเตอร์ก็ลงจอดในที่สุด
การเดินทางใช้เวลาไม่นานนัก แต่เพราะเธอปิดตาของเธอเอาไว้ เธอจึงรู้สึกเหมือนเวลาผ่านไปนานพอสมควร
เขาอุ้มเธอลงจากเฮลิคอปเตอร์
เนลล์รู้สึกถึงลมหนาวที่ปะทะเข้ากับใบหน้าของเธอ แต่ก็หายไปหลังจากนั้นเพียงไม่นาน สิ่งที่เข้ามาทดแทนลมหนาวคือกลิ่นหอมอบอุ่นและสดชื่น
‘ที่นี่คือที่ไหน?’
เธออยากรู้อยากเห็นเหมือนแมว แต่ถ้ากิดเดียนไม่อนุญาต เธอก็ไม่สามารถลืมตาได้
แม้ว่าเธอจะอยากรู้ว่าเธออยู่ที่ไหน แต่เธอก็ตัดสินใจที่จะเล่นด้วย ถ้าผู้ชายคนนั้นโกรธ ทุก ๆ อย่างก็จะสูญเปล่า
กิดเดียนวางเธอลงให้ยืน เขาเดินที่ด้านข้างเพื่อทำอะไรบางอย่างแต่ไม่ยอมปล่อยมือจากเธอ เนลล์สามารถบอกได้ว่าเขาเดินนำหน้าเธอไปสองก้าว
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำและมีเสน่ห์ของเขา
“โอเค ตอนนี้คุณลืมตาได้”
เนลล์ลืมตาขึ้นทันที แต่อะไรก็ตามที่เธอมองเห็นนั้นล้วนแต่มืดสนิท
ไม่มีอะไรพิเศษเหมือนกับสิ่งที่เธอคาดการณ์เอาไว้ เนื่องจากไม่ได้เปิดไฟเธอจึงไม่รู้ว่าเธออยู่ที่ไหน
โชคดีที่เบื้องหน้าของเธอราวกับเศษแก้วและเมื่อเธอมองขึ้นไปเธอก็เห็นดวงดาวที่กระจายไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืนซึ่งส่องแสงสลัวมาที่เธอ
อย่างไรก็ตาม แสงจากดวงดาวบนท้องฟ้าสามารถส่องแสงสว่างได้เพียงเท่านั้น เธอยังไม่เข้าใจสิ่งแวดล้อมรอบตัวของเธอ
เนลล์รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“เราอยู่ที่ไหน…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เธอได้ยินเสียงปรบมือดังขึ้น
ไฟเปิดขึ้นทันที มันไม่ใช่ไฟจากหลอดLEDที่ส่องสว่างเป็นแสงสีขาว แต่เป็นแสงสีฟ้าอ่อน ที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ส่องสว่างในความมืดมิดด้วยแสงที่ทำให้ผ่อนคลาย
แสงไฟทอดไปด้านหน้า และไกลเกินกว่าที่เธอจะมองเห็น
เธอรู้สึกเหมือนเธอกำลังยืนอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน และทางช้างเผือกกำลังอยู่ใต้ฝ่าเท้าของเธอ
รอบตัวของเธอทว่าความมืดไร้ขอบเขต แต่เส้นทางที่ส่องสว่างทอดนำทางเธอไปข้างหน้าในความมืดมิด
เนลล์รู้สึกประหลาดใจ เธอเดาเส้นทางตามแสงไฟด้วยความตื่นเต้น
เธอมองขึ้นไป และสายตาที่จ้องมองมาอย่างลึกซึ้งจากผู้ชายคนนั้นมันสว่างไสวเสียยิ่งกว่าดวงดาว
เนลล์สะท้าน กิดเดียนจับมือของเธอแน่นและยิ้ม จากนั้นเขาก็พาเธอเดินไปข้างหน้า
เส้นทางสว่างไสวไปด้วย ‘ดวงดาว’ เทียม แสงระยิบระยับทอดยาวไปไกลเกินกว่าที่พวกเขาจะเดินไปถึง แต่ก็ไม่สว่างพอที่จะทำให้รอบตัวสว่างขึ้น
มันรู้สึกเหมือนเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน แสงสลัวจากดวงดาวเผยให้เห็นรูปร่างของภูเขาและหุบเขาที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาอย่างเลือนรางทำให้ระดับอะดรีนาลีนเพิ่มขึ้นอย่างง่ายดาย
เนลล์ตกตะลึง
ดวงตาของเธอเบิกกว้างขึ้นและมองไปที่ทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความอยากรู้อยากเห็น
กิดเดียนที่อยู่ข้างๆเธอสงบมาก เขาจับมือของเธอเอาไว้แน่นและพาเธอไปยังจุดสิ้นสุดของเส้นทางที่เต็มไปด้วยดวงดาว
“กิดเดียน เราอยู่ที่ไหนคะ? ที่นี่มันสวยมาก!”
ชายหนุ่มยิ้ม “ทำไมคุณไม่ลองเดาดูล่ะ”
เนลล์ขยับออกห่างขณะที่เธอพยายามคิดว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เธอจำไม่ได้ว่าเคยเห็นสถานที่สวยงานเช่นนี้ในเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่
กิดเดียนยิ้มและดีดจมูกของเธอเบา ๆ เขาไม่ได้บอกความจริงกับเธอและยังคงปิดบังว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน
“คุณจะได้รู้เร็ว ๆ นี้”
‘โอเค ได้! ดูเหมือนว่าเขากำลังจะเก็บเซอร์ไพร์สจนกระทั่งจบวันนี้’
เธอไม่ได้ถามอะไรอีกต่อไป พวกเขาสองคนเดินไปเกือบห้านาทีก่อนที่ทางเดินที่เต็มไปด้วยดวงดาวใต้เท้าของพวกเขาจะหายไป
มันมืดและเงียบอีกครั้ง
เนลล์รู้สึกกังวล เนลล์จับแขนเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้อย่างไม่รู้ตัว
กิดเดียนดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนและพูดขึ้นเบา ๆ “คุณไม่จำเป็นต้องกลัว”
หลังจากนั้นไม่นานเขาก็หยุดไปชั่วขณะ และพูดว่า “หลับตาและลืมตาขึ้นเมื่อผมนับถึงสาม ตกลงไหม?”
เนลล์มองไปที่เขาอย่างอยากรู้อยากเห็น แม้ว่าจะไม่มีแสงสว่างขึ้นรอบตัว แต่เธอก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของเขาและการจ้องมองที่มั่นคง