ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 234 ช่วยเหลือตัวเอง
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 234 ช่วยเหลือตัวเอง
แนนซี่และป้าจอยซ์อยู่ในห้องนั่งเล่น
แนนซี่รู้สึกหงุดหงิดเพราะเธอคิดไม่ถึงว่าจะเกิดความผิดพลาดเช่นนี้ เธอวางแผนทั้งหมดร่วมกับเนลล์ แต่สุดท้ายเธอก็ยังหายไปเสียได้
ในขณะที่ป้าจอยซ์ไม่อยากจะเชื่อว่ามีบางสิ่งเกิดขึ้นกับเนลล์
หลังจากนั้นประตูใหญ่ก็ถูกผลักให้เปิดออกและชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาที่มีร่องรอยของการเดินทางปรากฏตัวขึ้นที่ทางเข้า
“ท่านประธาน!”
“คุณผู้ชาย!”
เสียงของผู้หญิงทั้งสองดังขึ้นทันที
สายตาที่เฉียบคมของกิดเดียนมองมาที่พวกเขาก่อนที่เขาจะเดินไป
“ตรวจกล้องวงจรปิดที่ไหนบ้าง?”
“ท่านประธานนี่คือสิ่งที่เราได้รับเมื่อ 10 นาที แล้วคุณผู้หญิงก็ขึ้นแท็กซี่สีเทาออกไป ฉันแฮ็กระบบตรวจสอบทั้งเมือง แต่เราก็ยังหารถไม่พบ”
กิดเดียนหยิบไอแพดขึ้นมาและมองด้วยสายตาเย็นชา
เช่นเดียวกับแนนซี่ต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง กิดเดียนลุกขึ้นและออกไป
ด้วยความตกใจแนนซี่รีบตามกิดเดียนออกจากบ้านไป
“ท่านประธานให้ฉันไปกับคุณด้วยค่ะ!”
ไม่กี่นาทีต่อมารถก็แล่นไปตามถนนอันชาน
ภายในรถ กิดเดียนมองไปที่แผนที่และวนรอบจุดหมายปลายทางที่เป็นไปได้ทั้งหมดของแท็กซี่คันสีเทาคันนั้น
“แนนซี่พาพวกผู้ชายไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ด้วย ตรวจดูตามอาคารที่ถูกทิ้งร้างระหว่างทาง พวกมันจะไม่ลักพาตัวคนไปในที่ที่มีคนพลุกพล่าน แต่จะเป็นที่ที่พวกมันเท่านั้นที่รู้ คนที่ถูกลักพาตัวจะต้องอยู่ในที่เงียบและเปลี่ยว”
“นอกจากนี้จำไว้ว่าคนที่คนที่ลักพาตัวต้องสลับรถระหว่างทาง ดังนั้นอย่ามองหาแค่รถสีเทาเท่านั้น ให้ความสนใจกับรถคันอื่น ๆ ที่น่าสงสัยระหว่างทางด้วย”
“นอกเหนือจากนั้น โทรหาด็อกเตอร์แลมเบิร์ตบอกให้เขาเตรียมพร้อมเพราะเธอถูกลักพาตัวหายไปหลายชั่วโมงแล้ว เธอต้องบาดเจ็บอยู่แล้ว ฉันจะไปค้นหาในทิศตะวันตกเฉียงใต้ติดต่อมาเผื่อว่ามีอะไร”
กิดเดียนสงบสติอารมณ์และออกคำสั่งกับแนนซี่และแนนซี่พยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว เธอลงจากรถและไปขึ้นรถอีกคัน ก่อนที่เธอจะออกไปตามหาในทิศตะวันออกเฉียงใต้
โทรศัพท์ดังขึ้นเป็นป้าจอยซ์
กิดเดียนขมวดคิ้วในขณะที่เขาเริ่มหงุดหงิด
“มีอะไร?”
“คุณผู้ชาย พวกเราควร…โทรแจ้งตำรวจดีไหมคะ?”
กิดเดียนตกใจมาก “ยังไม่โทรแจ้งตำรวจอีกหรอ?”
“ยะ- ยังค่ะ”
“ก็ไปโทร!”
“อ้า! ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!”
เมื่อวางสายไป กิดเดียนนั่งอยู่ในที่นั่งของเขาพร้อมกับมองไปที่ถนน และในช่วงเวลาต่อมาริมฝีปากของเขาก็โค้งเป็นรอยยิ้มชั่วร้ายและดุดัน
‘เซลีน เจนนิงส์ หวังว่าคงไม่ใช่เธอที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ทั้งหมดนี้ ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้เธอรู้ว่าอะไรที่เลวร้ายกว่าความตาย!’
…
เมื่อเนลล์ตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองยังคงมีชีวิตอยู่
เธอรู้สึกขอบคุณอย่างสุดซึ้งที่เธอยังคงมีลมหายใจอยู่ แต่นาทีต่อมา เมื่อเธอรู้ว่าเธออยู่ที่ไหนเธอก็ด่าออกมาดัง ๆ
“แม่งเอ้ย! ฉันอยู่ที่ไหน?!”
เธอพบว่าตัวเองห้อยอยู่กับกิ่งไม้ที่เกือบจะหักซึ่งงอกออกมาจากหน้าผาสูงชัน เบื้องล่างของเธอคือทะเล
เธอยังไม่ได้ตกลงไปตาย แต่เธออยู่ห่างจากจุดนั้นเพียงไม่กี่ก้าว
กิ่งไม้เล็กมากและไม่แข็งแรงที่จะรับน้ำหนักของเธอได้และมันก็ใกล้จะหัก การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยสามารถทำให้กิ่งไม้หักได้และเธอจะตกลงไปในทะเล
‘เฮ้อ! นี่มันเรียกว่าทำร้ายตัวเองโดยที่ไม่ได้ตั้งใจใช่ไหม? ฉันควรจะรู้ว่าเซลีนจะทำร้ายฉัน ฉันควรจะให้แนนซี่ติดตามฉันอย่างใกล้ชิด และฉันอาจจะไม่ต้องลงเอยแบบนี้…”
เมื่อพ่ายแพ้ต่อการคาดคะเนที่ผิดพลาด เนลล์ถอนหายใจ เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อจะหาจุดที่จะสามารถลงไปได้
โชคดีที่เธอมองเห็นก้อนหินที่นูนนออกมาเหนือตัวเธอ ดังนั้นเธอจึงเอื้อมมือไปที่ก้อนหินก้อนนั้นเพื่อทดสอบให้มั่นใจว่ามันมั่นคงมากพอที่จะรับน้ำหนักของเธอได้
เธอค่อย ๆ เคลื่อนตัวไปที่นั้นและจับก้อนหินให้แน่นด้วยมือทั้งสองข้างเมื่อตัวของเธอออกจากกิ่งไม้ที่หัก เธอก็ห้อยอยู่กลางอากาศ
โดยตอนนี้ แขนของเธอรู้สึกเจ็บปวดเพราะเธอต้องรองรับน้ำหนักของตัวเอง
เธอกัดฟันของเธอแน่น โชคดีที่เธอเคยเรียนปีนผาที่ต่างประเทศมาก่อน และมันทำให้แขนของเธอแข็งแรง
อย่างไรก็ตาม มันเป็นไปไม่ได้ที่จะปีนกลับขึ้นไปจากที่ตรงนี้และมันก็ไม่เหมาะเพราะเธอไม่มีแรงเหลืออยู่
เมื่อนึกขึ้นได้ เธอหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่เธอมองไปรอบ ๆ เพื่อหาหนทางแก้ปัญหา เธอเจอหินก้อนใหญ่ที่บริเวณด้านล่างซ้ายของเธอ
อาจจะเป็นไปได้สำหรับเธอที่จะได้จบที่ชีวิตที่นั้น แต่ก้อนหินก็อยู่ไกลเกินไปเหมือนกัน มันอาจจะโชคไม่ดีที่เธอจะไปถึงที่นั่น
หลังจากใช้ความคิดอย่างรวดเร็ว เธอก็จับด้วยมือข้างเดียวในขณะเดียวกันมืออีกข้างหนึ่งก็เอื้อมลงไปที่เอวของเธอและปลดเข็มขัดออก
มันมีคุณภาพดี ด้วยเหตุนั้นเธอจึงไม่กลัวว่ามันจะขาด มากไปกว่านั้นมันยังยาวพอที่จะพันรอบก้อนหิน
เนลล์หายใจเข้าลึก ๆ และกระพริบตาเพื่อขจัดความวิตกกังวลออกไป
ด้วยแรงทั้งหมดของเธอ เธอจับเข็มขัดเอาไว้และเริ่มแกว่งตัว
พลังมหาศาลแทบจะทำให้แขนของเธอหลุดออกจากร่างกาย แต่เธอก็จับเอาไว้ขณะที่เธอเหวี่ยงตัวกลางอากาศ
อย่างไรก็ตาม เธอพบว่าตัวเองยังคงห่างจากก้อนหินก้อนนั้นอยู่พอสมควร เนื่องจากแรงแกว่งไม่มีแรงผลักมากพอ
ตราบใดที่เท้าของเธอสามารถเหยียบลงไปบนพื้นแข็งได้ เธอก็จะสามารถแกะเข็มขัดและปล่อยสิ่งนี้หลังจากใช้ประโยชน์ได้ เท่านี้เธอก็สามารถรอดได้
ในตอนนั้น ฝ่ามือของเธอก็ร็สึกเจ็บขึ้นมาอย่างกะทันหันราวกับว่ามีบางอย่างขาดจากกัน ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นนั้นไม่อาจทานทนได้
ใบหน้าของเนลล์ซีดลงขณะที่เธอพยายามเงยหน้าขึ้นมอง
เมื่อเธอเห็นว่าท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีฟ้า เธอตระหนักได้ว่าตอนนี้เช้าแล้วและหมอกก็เริ่มลง
มีบาดแผลที่น่ากลัวบนฝ่ามือของเธอสองแห่ง เธอต้องถูกตัดมือของเธอ เมื่อเธอเหวี่ยงตัวไปพร้อมกับเข็มขัด
เธอตกใจเล็กน้อยกับมือที่เปื้อนเลือดของเธอ จากนั้นเธอก็รู้ว่าเธอกำลังจับหัวของเข็มขัดอยู่ หัวเข็มขัดมีเหลี่ยมคมจากการออกแบบสไตล์พังก์และทำจากเงินจึงเปล่งประกายเป็นสีเงินภายใต้ดวงอาทิตย์
เธอขบฟันของเธอ และพยายามดึงหัวเข็มขัดออก แต่ด้วยแรงที่เหลืออยู่จึงเป็นไปไม่ได้
ตอนนั้นเองที่เธอเริ่มบ่นถึงคุณภาพของสินค้าจากแบรนด์นี้ หัวเข็มขัดดูเหมือนจะถูกเย็บลงบนเข็มขัด แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามมากเท่าไร เธอก็ไม่สามารถถอดมันออกได้
เธอถอนหายใจอย่างหมดหนทาง เธอไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะตกที่นั่งลำบากเช่นนี้
คำถามสุดท้ายในตอนนี้คือ: เธอควรจะช่วยตัวเองต่อไปหรือรอให้ใครมาช่วยเธอ?
โทรศัพท์ของเธอ, สร้อยข้อมือของเธอ, และอุปกรณ์สื่อสารทุกชนิดของเธอถูกยึดไปหมด ดังนั้นการรอให้ใครสักคนมาช่วยเธอ จะเป็นการเดิมพันด้วยโชคชะตา
เธอยังคงมีแรงเหลืออยู่ แม้ว่าการพยายามช่วยเหลือตัวเองอาจจะเป็นอันตรายได้ ตราบที่เธอยังโชคดี เธอก็อาจจะทำได้และอาจจะไม่ได้เลือดตกยางออกจนเสียชีวิต
หากเธอยังคงรอใครสักคนต่อไป นอกจากความแข็งแกร่งของเธออาจจะไม่เหลืออยู่จนกระทั่งมีคนมาช่วย เธออยู่ห่างจากหน้าผาประมาณ 10 เมตร ใครจะคิดมาตามหาเธอที่นี่?
ดังนั้นแทนจะให้โชคชะตากำหนดชีวิตของเธอ เธอก็ควรจะลองเสี่ยงโชคดูเช่นนั้น
ถ้าพระเจ้าไม่ปล่อยให้เธอตายในห้องใต้ดิน พระเจ้าก็คงไม่ปล่อยให้เธอตายที่หน้าผานี้
เนลล์ไม่ใช่คนที่ทนอยู่เฉย ๆ และเธอไม่ใช่คนที่จะนั่งรอและไม่ทำอะไร
หลังจากครุ่นคิดแล้ว เธอก็รวบรวมกำลังและเหวี่ยงตัวไปอีกด้านหนึ่งของหน้าผา