ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 325 ทั้งหมดจะไร้ผล
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 325 ทั้งหมดจะไร้ผล
ห้องชงชาตกอยู่ในความเงียบชั่วครู่
เนลล์ไม่ได้ใกล้ชิดกับนายท่านใหญ่ พวกเขาไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ขึ้นได้ด้วยการพูดคุยกันในระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่ชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังคงเสียใจกับข่าวร้ายนี้
“คุณลุงรองการ์เร็ตต์ ขอแสดงความเสียใจด้วยค่ะ”
โจเซฟยิ้ม
“ไม่เป็นไร ทุกคนต้องผ่านชีวิตและความตาย นายท่านใหญ่ป่วยและไม่สามารถใช้ชีวิตที่ดีที่สุดได้แล้ว ลุงไม่ควรพูดแบบนี้ในฐานะลูกชายของเขา แต่คงไม่เป็นไรที่จะพูดแบบนี้ในวัยนี้”
“เพราะลูกของเธอ สภาพจิตใจของจูลี่ไม่อยู่ในสภาพที่ดีและยังคงไม่สามารถปล่อยวางได้แม้ว่าจะรับเลี้ยงสเตฟานี่แล้วก็ตาม เราสูญเสียเธอไปด้วยโรคซึมเศร้าเมื่อเธออายุได้เพียงสามสิบปี”
“สิ่งนี้ยังคงอยู่ในใจนายท่านใหญ่มาโดยตลอด เขายุ่งอยู่กับธุรกิจของครอบครัวมาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา และไม่เคยตามหาเด็กจริง ๆ เพราะเขาไม่แน่ใจว่าเด็กตายหรือยังคงมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เขาใกล้จะถึงจุดสุดท้ายของชีวิตแล้ว เขาไม่ต้องการจากไปด้วยความรู้สึกผิดและพยายามตามหาหาเธอ”
“ความจริงคือ มันไม่สำคัญว่าเด็กคนนั้นจะเป็นตัวจริงหรือตัวปลอม ตราบใดที่นายท่านใหญ่คิดว่าเธอคือเด็กคนนั้น ไม่อย่างนั้นทุกอย่างก็จะไร้ประโยชน์”
ด้วยเหตุนี้ ทั้งสามคนจึงเงียบลงอีกครั้ง
ครู่หนึ่งที่เนลล์พูดไม่ออก
ในที่สุดเธอก็เข้าใจความหมายเมื่อกิดเดียนพูดว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดีกับเด็กคนนั้นที่จะกลับมา
นอกจากนายท่านใหญ่แล้ว ไม่มีใครในตระกูลต้องการให้เธอกลับมา!
หลังจากนั้น ด้วยลมหายใจสุดท้ายของนายท่านใหญ่ก่อนที่เขาจะจากไป ไม่รู้ว่ามีการทำพินัยกรรมหรือไม่ เด็กที่เพิ่มเข้ามาหมายถึงคู่แข่งที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าเด็กจะเป็นผู้หญิงที่ปราศจากความสัมพันธ์และการสนับสนุน
ความร่ำรวยและอำนาจบางครั้งก็ไม่มีพื้นที่ให้ความเมตตาอย่างน่าผิดหวัง
เนลล์หุบปากของเธอชั่วขณะ เมื่อได้รับคำตอบแล้วกิดเดียนก็ไม่มีคำถามอะไรเพิ่มเติม
พวกเขาลุกขึ้นและกล่าวลาโจเซฟ
โจเซฟลุกขึ้นเพื่อมาส่งพวกเขากลับ เมื่อพวกเขามาถึงประตู โจเซฟมองไปที่เนลล์โดยไม่สามารถรวบรวมคำพูดได้
เมื่ออ่านความคิดของเขาได้ เนลล์ตอบขึ้นอย่างแผ่วเบา “อย่ากังวลไปเลยค่ะ หนูจะไม่พูดอะไรและแสร้งทำเหมือนไม่รู้จักเธอตราเท่าที่เธอยังอยู่ห่างจากหนู สำหรับหนู อะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันผ่านไป คนที่สมควรได้รับสิ่งที่ทำก็ได้รับการดำเนินคดีแล้ว และหนูก็ได้รับสิ่งที่เป็นของหนูกลับคืนมาเช่นกัน เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว เธอจนตรอกและไม่มีอะไรดีที่จะสนใจสิ่งรอบข้าง หนูรู้ดีว่าการจะไปยึดติดกับเรื่องนี้และพยายามเอาชนะเธอ มันทำให้หนูเสียเวลาและเสียแรง”
โจเซฟรู้สึกสบายใจขึ้น
“ถ้าเป็นเช่นนั้น ลุงก็ขอขอบคุณ”
เนลล์พยักหน้าและออกไปพร้อมกับกิดเดียน
เมื่อกลับไปยังเฟิงเฉียว วิลล่า มันยังคงเป็นช่วงหัวค่ำอยู่
ทั้งคู่ไม่ได้รับประทานอะไรมากนักที่คฤหาสน์การ์เร็ตต์ เมื่อพวกเขากลับมาป้าจอยซ์ก็ทำข้าวปั้นของโปรดของเนลล์ให้เป็นพิเศษ และเสิร์ฟขนมให้พวกเขา
เนลล์และกิดเดียนนั่งอยู่ที่โต๊ะรับประทานอาหาร เนลล์ทานข้าวปั้นขณะที่เธอเหม่อลอย
กิดเดียนถามพร้อมกับชำเลืองมองไปที่เธอ “ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจ ผมจะพาคุณไปที่นั่นและเปิดโปงเธอ ไม่ต้องเสียเวลานอน”
เนลล์หยุดไปชั่วครู่ก่อนจะสะบัดความคิดนั้นออกไป เธออธิบาย “โอ้ ไม่ ฉันไม่ได้คิดเรื่องเธอ”
กิดเดียนเลิกคิ้ว
“แล้วคุณคิดอะไรอยู่?”
เนลล์ลังเลก่อนจะตอบออกไป “ฉันกำลังคิดว่า ฉันเคยได้ยินมาตลอดว่านายท่านใหญ่ดีต่อสเตฟานี่ แต่ดูเหมือนไม่เป็นอย่างนั้นในวันนี้ คุณคิดไหมว่าเพราะเซลีนกลับมา สเตฟานี่ที่อยู่ในฐานะลูกบุญธรรม ก็ไม่เป็นที่ยอมรับอีกต่อไป?”
ใบหน้าของกิดเดียนหม่นลง
“คุณใช้เวลาทั้งวันอยู่กับเรื่องนี้เลยหรอ?”
เนลล์พยักหน้าอย่างเอาจริงเอาจัง
“ฮ่า! มันเกี่ยวอะไรกับคุณ ถ้าเธอจะเป็นที่ยอมรับหรือไม่? ทำไมต้องเป็นห่วงเธอ?”
เนลล์เม้มริมฝีปากของเธอด้วยความไม่พอใจที่จู่ ๆ อารมณ์ของเขาก็พุ่งพล่านขึ้นมา
“เธอชอบคุณมาตั้งหลายปีแล้วนะคะ และเป็นแฟนเก่าของคุณ เธออาจจะเป็นรักแรกพบของคุณ สำหรับคุณอาจจะไม่สนใจเมื่อเธออยู่ในสถานภาพที่เปราะบางเช่นนี้เป็นเพียงความใจร้ายใจดำของคุณ มีปัญหาอะไรกับฉัน?”
กิดเดียนนิ่งอึ้ง
เนลล์ไม่ใช่คนที่ชอบรื้อฟื้นอดีต แต่เธอมักจะแหย่เขาเรื่องสเตฟานี่อยู่เป็นบางครั้ง
เขาวางช้อนลง เขาจ้องไปที่เนลล์และตอบอย่างเอาจริงเอาจัง “ให้ผมยืนยันจุดยืนของผม ผมไม่รับว่าเธอเป็นแฟนของผม มันเป็นแค่เรื่องตลกระหว่างครอบครัวเมื่อครั้งเรายังเด็กและโลกข้างนอกก็เข้าใจผิด ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเธอเป็นแฟนเก่าของผมจริง ๆ มันก็คงหลายปีมาแล้วที่เราเลิกกัน มันไม่มีอะไรระหว่างเรา ดังนั้น เธอจึงไม่ต้องการความเป็นห่วงของผม คุณในฐานะภรรยาของผม ไม่ควรกังวลเรื่องของเธอเหมือนกัน เข้าใจไหม?”
เนลล์เลิกคิ้วขึ้นพลางหัวเราะขึ้นเบา ๆ
“ทำไมคุณต้องเครียดถึงขนาดนั้นคะ? ฉันแค่ล้อเล่น ดูคุณสิ จริงจังกับรายละเอียดขนาดนี้เลยหรอ?”
กิดเดียน “…”
ด้วยเห็นความโกรธบนใบหน้าของเขา เนลล์กำจัดมันไปด้วยรอยยิ้มของเธอ
“โอ้ อย่าหวั่นไหวไปเลยค่ะ ใครจะไม่เคยมีแฟนเก่ากันบ้างล่ะคะ? ฉันยังเคยมีแฟนก่อนจะเจอคุณเลย ไม่เป็นไรนะคะ ฉันไม่ใส่ใจหรอก”
ด้วยคำพูดนี้ทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มไม่มีความสุข
ทันใดนั้นป้าจอยซ์ก็เข้ามาด้วยความร่าเริง “คุณผู้ชาย คุณผู้หญิง คุณแฮนค็อกมาค่ะ”
เนลล์ผงะด้วยความตกตะลึง
เธอเหลือบมองไปที่เวลาและตระหนักได้ว่ามันเป็นเวลา 22:00 น.
นับตั้งแต่เจเน็ตกลับมาที่เมืองหลวงหลังคลอดลูก เธอก็ใช้ชีวิตอยู่อย่างสันโดษ ไม่ค่อยออกไปไหนมาไหนนอกจากการพบปะสังสรรค์
ทำไมเธอถึงมาที่นี่ในเวลาแบบนี้?
เนลล์ลุกขึ้นและเดินออกไปด้วยความงงงวย
เธอก้าวเข้าไปในห้องนั่งเล่นและเห็นเจเน็ตอุ้มลูกของเธอเอาไว้ ด้านหลังของเธอคือนางพยาบาลพี่เลี้ยง คาเรน พร้อมด้วยกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ในมือ
“เจน” เนลล์ตะโกนเรียกขณะที่เดินเข้ามา เธอถามอออกไปด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
เจเน็ตยิ้ม “ไม่มีอะไรหรอก ฉันหวังว่าฉันคงไม่รบกวนที่มาหาดึกแบบนี้นะ”
กิดเดียนเดินตามหลังเนลล์เข้ามา ด้วยใบหน้าที่ว่างเปล่า เขามองไปที่เธอและบอกกับเนลล์ “คุณสองคนคุยกันตามสบายเลย ผมจะไปที่ห้องทำงาน”
เนลล์รู้ดีว่าเขาปล่อยให้มีพื้นที่ที่อยู่กันตามลำพังเพื่อให้พวกเธอจะได้พูดคุยกัน เช่นนั้น เธอจึงพยักหน้าและปฏิบัติตาม
หลังจากที่กิดเดียนขึ้นไปข้างบนแล้ว เนลล์นั่งลงกับเจเน็ตที่โซฟา เธอชำเลืองมองไปที่เด็กทารกที่กำลังหลับสนิทอยู่ในอ้อมแขนของเธอและถามขึ้น “ทำไมเธอถึงพาเขาออกมาตอนกลางดึกและหนาวแบบนี้”
เมืองหลวงในช่วงเดือนธันวาคมถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่หนาเตอะ มันไม่ใช่สภาพอาการที่เด็กทารกจะทนไหว
เจเน็ตถอนหายใจและตอบอย่างไร้ซึ่งหนทาง “ฉันไม่มีทางเลือกอื่น ไม่ช้าก็เร็วเขาก็ต้องออกมา มันจะดีกว่าถ้าฉันทำเรื่องสำคัญนี้ด้วยตัวเอง เพื่อความสบายใจแทนที่จะให้คาเรนมาส่งเขาที่นี่ในวันพรุ่งนี้”
เนลล์ตกอยู่ในความสับสน
เจเน็ตมองไปที่เธอและตอบด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เนลล์ เธอช่วยฉันหน่อยได้ไหม?”
เนลล์พยักหน้ารับโดยไม่คิดเลยแม้สักวินาทีเดียว “พูดมาเลย ไม่ใช่ปัญหา ตราบใดที่ฉันจัดการได้”
“ดูแลซันนี่ให้ฉันหน่อย ฉันต้องกลับไปที่จินเฉิงสักพัก”