ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 331 คุณนี่โง่จริง ๆ
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 331 คุณนี่โง่จริง ๆ
กิดเดียนเองก็รู้ข่าวนี้เช่นกัน แต่เมื่อเทียบกับความกลุ้มใจของเนลล์ เขากลับใจเย็น
“เกรแฮมคนเล็กมีความเชื่อมั่นในตัวเอง เขาจะไม่ยอมก้มหัวให้ครอบครัวของเขา ถ้าเขาทำ นั่นหมายความว่าเขาไม่มีความสามารถที่จะเป็นอิสระและความมุ่งมั่นตั้งแต่ต้น อย่างไรเขาก็ต้องแต่งงานกับผู้หญิงคนอื่น แม้ว่าเขาจะไม่ได้แต่งงานกับเซลีนก็ตาม ทั้งหมดนี้เป็นเพราะผลประโยชน์ร่วมกัน แทบจะไม่มีความแตกต่างกันเลยจริง ๆ “
ทว่าเนลล์ก็ยังคงกังวล
“แต่เธอ…”
เมื่อมองเข้าไปในดวงตาของเธอ กิดเดียนก็บีบฝ่ามือของเธอเบา ๆ
“ไม่ต้องกลัวนะ” เขากระซิบบอก “ทั้งเกรแฮมและลีย์เราอยู่คนละฝั่งกันแล้ว สำหรับผู้หญิงคนนั้นที่ทำแบบนั้นกับคุณ พวกคุณไม่สามารถหยุดต่อสู้และเป็นเพื่อนกันได้อีกไม่ว่าเธอจะแต่งงานกับเกรแฮมคนสุดท้องหรือไม่ก็ตาม เธอยังคงเป็นศัตรู มันไม่ส่งผลกระทบต่อคุณ ไม่ว่าพวกเขาจะแต่งงานกันหรือไม่”
เนลล์เงยหน้าของเธอขึ้นและจ้องมองไปที่เขา สัญญาณของความทุกข์คลี่คลายลง จากการที่เธอคลายจากการขมวดคิ้ว
“มันจะไม่เป็นไรจริง ๆ ใช่ไหมคะ? คุณสามารถจัดการได้ด้วยตัวคนเดียวใช่ไหม ถ้าการ์เร็ตต์และเกรแฮมรวมเข้าด้วยกัน?”
กิดเดียนยิ้ม
เขาเอื้อมมือออกไปและประคองใบหน้าของเธออย่างระมัดระวัง นิ้วเรียวของเขาลูบไล้ที่ใบหน้าของเธอ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา “ผมทำได้ ถ้าคุณอยู่เคียงข้างผม”
หัวใจของเนลล์เต้นรัว
การจ้องมองของเขานั้นช่างอ่อนโยนทว่าแน่วแน่ มีพลังบางอย่างโดยไม่ต้องเอ่ยมันออกมาทำให้หัวใจของเธอสงบลง
เธอยื่นมือออกไปโอบรอบเอวของเขาและแนบใบหน้าลงบนแผ่นอกของเขา
“ฉันจะอยู่เคียงข้างคุณเสมอค่ะ และเราจะอยู่ด้วยกันไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตาม”
กิดเดียนยกริมฝีปากขึ้นยิ้มด้วยความยินดี
“ไม่ต้องกังวลนะ เกรแฮมจะไม่ใช้วิธีใด ๆ ในสองวันนี้ อย่างน้อยพวกเขาก็ต้องรอให้ถึงช่วงหลังปีใหม่จึงจะเคลื่อนไหวได้ เราแค่ดื่มด่ำกับช่วงเวลาวันหยุดก่อนจะถึงตอนนั้น ตกลงไหม?”
เนลล์พยักหน้าและครางรับในลำคอเป็นเชิงรับทราบ
…
อีกด้านหนึ่ง ที่จินเฉิง
แน่นอนว่าตระกูลแฮนค็อกเองก็คึกคักในช่วงวันแรกของปีใหม่ทางจันทรคติ
ในฐานะหัวหน้าบริษัทชั้นนำในจินเฉิง อีธานต้อนรับผู้มาเยือนมากมายในวันนี้
อัลริกเป็นนายน้อยของตระกูลแฮนค็อก มีแนวโน้มที่จะเข้าสังคมเช่นกัน
สาวใช้ในบ้านยุ่งมาก ทำงานตั้งแต่หลังครัวไปจนถึงล็อบบี้ พวกเขาไม่ได้หยุดพักแม้แต่นาทีเดียว
ดังนั้น เจเน็ตที่ไม่มีอะไรทำ ซึ่งเป็นเพียงคนเดียวที่มีเวลาว่าง
เธอไม่ใส่ใจที่ต้องเผชิญหน้ากับพวกสังคมโง่ ๆ ดังนั้นเธอจึงอยู่แต่ข้างบนและแม้แต่อาหารเที่ยงเธอก็ทานบนห้องโดยสั่งให้ส่งขึ้นมาข้างบนห้อง
อีธานยุ่งอยู่กับการดูแลแขกจึงไม่ได้รบกวนเธอ ในทางตรงกันข้าม ระหว่างนั้นอัลริกก็ส่งแม่บ้านคนหนึ่งขึ้นมาหาเธอเพื่อสอบถามว่าเธอต้องการจะลงไปนั่งข้างล่างหรือไม่ มีผู้อาวุโสมากมายจากบริษัทอยู่ที่นี่ และเธอในฐานะเด็กควรจะไปทักทายเพราะเธอกลับมาที่จินเฉิง
อย่างไรก็ตามเจเน็ตก็ปฏิเสธเขา
เธอไม่เคยคิดจะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของบริษัท แค่มีพ่อของเธอและพี่ชายอยู่ในบริษัทก็เพียงพอแล้ว
ดังนั้นแน่นอน เธอจะไม่เสียเวลาลงไปพบกับคนเหล่านี้
อัลริกรู้สึกทำอะไรไม่ถูก ทว่าก็ไม่ค่อยเห็นด้วยกับนิสัยของน้องสาว เขาจึงพยายามชักชวนเธอ
เนื่องจากมีแขกมากเกินไปและเจเน็ตปฏิเสธที่จะออกมาช่วย ครอบครัวที่ปราศจากเจ้าบ้านที่เป็นผู้หญิงจึงเป็นบ้านที่วุ่นวายแม้ว่าจะมีแม่บ้านมากมายก็ตาม
ด้วยเหตุนี้อีธานจึงจองห้องส่วนตัวในโรงแรมระดับห้าดาวที่อยู่ใกล้ ๆ และเตรียมที่จะพาพวกเขาไปรับประทานอาหารที่นั่น
เพราะไม่อยากไปเจเน็ตจึงแอบอยู่ในห้องของเธอและดูละครโทรทัศน์
ในขณะที่พวกเขายังคงเงียบใส่กัน อีธานปล่อยเธอเอาไว้แบบนั้น อย่างไรก็ตามมีแม่บ้านอยู่ในบ้านและมีอาหารสำเร็จรูป เธอคงจะไม่หิว จากนั้นเขาจึงพาแขกออกไปเมื่อถึงเวลา
เมื่อได้ยินเสียงของความโกลาหลด้านนอกค่อย ๆ จางหายไป เจเน็ตปิดแท็ปเล็ตตรงหน้าของเธอพลางหลับตาของเธอลง เธอสวมรองเท้าแตะและออกจากห้อง
เธอออกจากห้องในที่สุด สาวใช้ก็ก้าวออกมาข้างหน้าในทันที
“คุณหนู คุณจะไปไหน?”
เจเน็ตโบกมืออย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้องสนใจฉัน ฉันแค่จะไปเดินเล่นแถว ๆ นี้”
เนื่องจากไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะถามคำถามไปมากกว่านี้ แม่บ้านจึงหันหลังและถอยกลับไป
เจเน็ตมาที่ห้องทำงานและมองไปรอบ ๆ
เธอไม่พบสัญญาของเธอ
เจเน็ตรู้ว่าดีว่าแม้ว่าเธอจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของอีธาน ทว่าในบางครั้งอีธานก็ใจร้าย ยอมแลกด้วยความเข้มงวดและความรุนแรง
ถ้าเธอต้องการจะกลับไปถ่ายทำภาพยนตร์และเป็นอิสระจากการควบคุมของพ่อของเธอ สิ่งแรกที่เธอจะต้องทำคือหาสัญญา
อย่างไรก็ตาม เธอก็ไม่พบร่อยรอยของมันแม้ว่าเธอจะแทบพลิกห้องทำงานหาก็ตาม
เจเน็ตใช้เวลาค้นหาอยู่นานจนกระทั่งเธอเริ่มหมดความอดทน เธอยืดหลังตรงและกำลังจะโทรหาพี่ชายเพื่อดูว่าเขาเห็นสัญญาหรือไม่ เมื่อเธอหันไปและเห็นอัลริกยืนอยู่ที่ประตู
ด้วยความตกใจ เธอตบเบา ๆ ที่หน้าอกของเธออย่างรวดเร็ว
“พี่ชาย! พี่กำลังทำอะไร? พี่กำลังทำให้ฉันตกใจเกือบตาย”
อัลริกส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาก้าวไปข้างหน้าและเก็บกวาดพื้นที่ที่เจเน็ตรื้อค้นเอาไว้เล็กน้อยก่อนจะพูดขึ้น “อย่าเสียเวลาของเธอที่นี่เลย พ่อเก็บสัญญาของเธอไว้ ไม่มีใครสามารถเอาไปได้ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากเขา เขาให้การ์ดของเขาเฝ้าเธอเอาไว้แล้ว ด้วยเหตุนี้ทำไมเขาถึงต้องวางของแบบนั้นไว้ที่บ้าน?”
ด้วยความตกตะลึงจนพูดไม่ออก เจเน็ตหน้าบึ้ง
“ถ้าเป็นแบบนั้น พี่ก็ไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนด้วยเหมือนกันใช่ไหม?”
อัลริกส่ายหัวปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “พี่ไม่รู้”
เจเน็ตโกรธจัด
“เขาพยายามจะทำอะไร? นี่เขากำลังทำให้ฉันหงุดหงิดจริง ๆ ใช่ไหม?”
อัลริกยิ้ม
“ตอนนี้เธอกำลังไม่ยุติธรรมกับผู้ชายดี ๆ คุณพ่อกำลังทำสิ่งที่เป็นผลดีกับตัวเธอ”
เจเน็ตมองออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
อัลริกถอนหายใจกับความดื้อรั้นของเธอ
“เราก็มีเหตุผลของเราว่าทำไมถึงไม่ปล่อยให้เธอไปอยู่กับผู้ชายคนนั้น แต่เธอคงจะไม่ฟังและยืนกรานที่จะหนีไปกับเขา เธอมีลูกกับเขาด้วยซ้ำ แต่พวกเราสามารถปล่อยเรื่องเหล่านั้นให้ผ่านไปได้”
“อย่างไรก็ตามตลอดทั้งปีเธอโทรกลับบ้านบ้างไหม? เธอแสดงความเป็นห่วงหรือเปล่า? พ่อไม่ได้โกรธเธอและผู้ชายคนนั้น แต่ลูกสาวที่เขาฟูมฟักเลี้ยงดูมาตลอดหลายปีทำให้ครอบครัวร้อนเป็นไฟเพราะผู้ชายคนเดียว ถ้าเป็นเธอ เธอจะรู้สึกโกรธเหมือนกันไหม? เธอจะไม่รู้สึกผิดหวังบ้างเลยเหรอ?”
ดวงตาของเจเน็ตแดงก่ำ
เธอเม้มริมฝีปากเอาไว้และก้มศีรษะลงเช็ดที่หัวตาของเธอ
ครู่ต่อมาเธอพึมพำเสียงเบาเป็นกระซิบ “มันไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากติดต่อกับเขา”
เธอมักจะถูกตำหนิทุกครั้งที่โทรกลับมาที่บ้าน เมื่อเวลาล่วงเลยไปเธอเพียงแค่ไม่ต้องการให้ผู้รับสายตำหนิเธอ
อัลริกหัวเราะออกมาและส่ายหัวของเขาอย่างเศร้าใจ
เขาเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเธอ น้ำเสียงของเขาประหม่าอย่างทำอะไรไม่ถูก
“น้องสาวตัวน้อย ๆ ที่แสนจะโง่ของพี่ เธอนี่โง่จริง ๆ”
ด้วยความรู้สึกเศร้า เจเน็ตไม่สามารถพูดอะไรออกไปได้
อัลริกหันไปและหยิบเอกสารขึ้นมาจากลิ้นชักแล้วยื่นให้เธอ
เจเน็ตรับมันมาด้วยความประหลาดใจ ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ เมื่อเธอมองดูที่เอกสารสัญญาให้ดี
“นายบอกว่านายไม่รู้…”
อัลริกไหวไหล่ “ก็ไม่รู้จริง ๆ และพี่ก็ไม่ได้ขโมยมันให้เธอ ถ้าพ่อถาม เธอต้องไม่ขายพี่หรือไม่เช่นนั้นเธอก็จะไม่ใช่น้องสาวของพี่อีกต่อไป”
เจเน็ตตกตะลึง ใช้เวลาครู่หนึ่งก่อนที่เธอหลุดออกมาจากภวังค์ นั่นคือตอนที่เธอโผเข้ากอดอัลริก
“ขอบคุณนะพี่ชาย”