ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 332 ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 332 ปล่อยเธอให้เป็นอิสระ
อัลริกยิ้มพลางกอดเจเน็ตและตบหลังของเธอเบา ๆ
“ถ้าเธอต้องการขอบคุณพี่จริง ๆ ช่วยอย่าทะเลาะกับพ่อเมื่อเจอกับเขาครั้งต่อไป เธอไม่ใช่เด็กอีกต่อไปและเป็นแม่คนแล้ว ดังนั้นเธอควรจะรู้ว่าอะไรดี”
เจเน็ตรู้สึกเศร้าและความรู้สึกที่อยากจะร้องไห้ก็เริ่มก่อตัวขึ้น เธอพยักหน้าด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยน้ำตา
อัลริกกลับมาเงียบ ๆ กลางคันและต้องรีบกลับไปสังสรรค์ต่อที่โรงแรม ดังนั้นเขาจึงอยู่ที่บ้านได้ไม่นานนักและออกไปหลังจากพูดคุยกับเจเน็ตต่ออีกนิดหน่อย
เจเน็ตได้สัญญากลับคืนมาแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะกับพ่อของเธอ เมื่อเขารู้เรื่องนี้ในตอนกลางคืน เธอจึงตัดสินใจที่จะไม่รีรออยู่ที่บ้าน ดังนั้นเธอจึงมุ่งหน้าไปที่ห้องของเธอและเก็บของเพื่อเตรียมตัวออกเดินทาง
แต่ถึงอย่างไร เธอเพิ่งจะเก็บของเสร็จเมื่อแม่บ้านมาเรียกเธอออกไป “คุณหนู มีคนมาหาคุณ”
เรื่องนี้ทำให้เจเน็ตประหลาดใจ เธอไม่คิดมาก่อนว่าจะมีคนมาหาเธอในจินเฉิงในเวลานี้
เป็นความจริงที่ว่าการกลับมาครั้งนี้ของเธอเป็นความลับ เธอไม่ได้ออกไปข้างนอกตอนกลางวันและมีแขกเพียงไม่กี่คนที่รู้ว่าเธอกลับมาแล้ว
มากไปกว่านั้นเธอยังไม่ทำตัวเด่นทั้งเพื่อนเก่าและเพื่อนร่วมห้องของเธอก็ไม่รู้เรื่องนี้
ขณะที่เธอสงสัย เสียงฝีเท้าหนัก ๆ ดังขึ้นจากบริเวณหน้าประตู
ตามมาด้วยเสียงเคาะประตูถี่ ๆ
เจเน็ตคิดไม่ถึงว่าสาวใช้จะพาแขกมาที่ห้องของเธอพลางขมวดคิ้วอย่างไม่มีความสุข เธอกำลังจะเปิดประตูเมื่อมีคนผลักมันให้เปิดออก จากนั้นร่างที่คุ้นเคยก็ยืนอยู่ที่ทางเข้าประตู
ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจ
เลียม?
ทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้?
พระเจ้า!
ดวงตาของเจเน็ตกระตุกและเธอก็พุ่งไปข้างหน้า เธออยากจะปิดประตูใส่หน้าก่อนที่ชายคนนั้นจะเข้ามาในห้องของเธอ
อย่างไรก็ตาม มันสายเกินไปแล้ว
ชายคนนั้นจับประตูเอาไว้และผลักให้เปิดออกด้วยแรงเพียงเล็กน้อย
“เลียม แจ็คแมน? นายบ้าไปแล้วเหรอ? นายมาทำอะไรที่นี่?”
เจเน็ตตื่นตระหนก
ถึงอย่างนั้น เลียมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
เขาผลักประตูให้เปิดออกแล้วเดินเข้ามา เขารักษาระยะห่าง ด้วยท่าทางที่ไม่เป็นมิตร เขามองดูเธอด้วบความเย็นชา
ภายใต้การจ้องมองของเขาทำให้เจเน็ตรู้สึกผิด
นอกเหนือจากคาเรนและเนลล์แล้ว ก็ยังไม่มีใครรู้ว่าเธอกลับมาที่จินเฉิง
ด้วยเหตุนี้ เรื่องนี้ก็ถูกเก็บไว้เป็นความลับจากเลียมด้วย
ท่านผู้หญิงกริฟฟินอยู่เพียงไม่นานก็เดินทางกลับไปยังประเทศF ในฐานะผู้เยาว์กว่า เลียมจึงต้องไปส่งเธอกลับ
ดังนั้น ก่อนที่เขาจะไป เลียมบอกให้เจเน็ตอยู่ในวิลล่า และเธอไม่ได้รับอนุญาตให้ไปไหนจนกว่าเขาจะกลับมา
โดยไม่คาดคิด ทันทีที่เขาออกไปเธอก็มาที่นี่
เมื่อตัดสินจากอารมณ์ของเลียม เธอรู้ดีว่าเขาจะต้องรู้สึกโกรธมากแค่ไหน
มองอีกแง่หนึ่ง เจเน็ตคิดว่าเธอไม่ควรถูกตำหนิ!
เธอมีปัญหาของเธอที่ต้องจัดการ นอกจากนี้เขาก็ไม่ใช่ผู้ปกครองของเธอ ดังนั้นเธอจึงไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังเขา
เธอเงยหน้าขึ้นสบตากับเขา
ชายคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันเดินทางมาไกล เธอจะไม่ให้ฉันเข้าไปหน่อยเหรอ?”
ตอนนี้เจเน็ตไม่สามารถปฏิเสธเขาได้
เธอเพียงแค่ยืนอยู่ข้าง ๆ และปล่อยให้เขาเข้าไปข้างใน
เมื่อเลียมเดินเข้ามาภายในห้อง เขามองดูการตกแต่งอย่างละเอียดแทนที่จะพูด
เป็นห้องที่ดูสบาย ๆ แต่ได้รับการตกแต่งอย่างหรูหรา
ในฐานะลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลแฮนค็อก เจเน็ตได้รับการตามใจโดยพ่อและพี่ชายของเธอตั้งแต่เธอยังเป็นเด็ก แม้เธอจะขาดแม่ ทว่าชีวิตของเธอก็ดีกว่าเด็กที่มาจากครอบครัวที่มีสมาชิกพร้อมหน้าพร้อมตา
เมื่อเลียมมองดูเสร็จแล้ว เขาก็นั่งลงที่โซฟา
เจเน็ตค่อนข้างประหม่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอรู้ว่านี่คือ ทายาทของตระกูลแฮนค็อกและผู้คนคงจะกำลังกลับมาที่บ้าน ได้ทุกเวลา และเปิดเผยตัวตนของเขา หัวใจของเธอเต้นถี่อย่างรวดเร็ว
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เธอรวบรวมความกล้าของเธอและถามเขาออกไปอย่างติดๆ ขัด ๆ “ทะ..ทำไมนายถึงมาที่นี่?”
เลียมตอบ “เธอไม่รู้เหตุผลเหรอ?”
เจเน็ตหลบเลี่ยงที่จะสบตากับเขา เธอก้มศีรษะลงต่ำและพูดขึ้นเบา ๆ “ฉันจะรู้ได้อย่างไร?”
“ฮ่า!” ชายคนนั้นหัวเราะด้วยท่าทางที่ค่อนข้างประชดประชัน
เสียงหัวเราะของเขาทำให้เจเน็ตรู้สึกวิตกกังวล
เลียมคลุกคลีอยู่กับเธอและลูก แม้ว่าเขาจะไม่ได้อารมณ์ดีอยู่ตลอด โดยรวมแล้ว เขาไม่เคยปฏิบัติต่อเธอไม่ดี
บางครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่าพวกเขาได้ย้อนเวลากลับไปสู่ช่วงเวลาเก่า ๆ ที่ดี ซึ่งพวกเขาใช้มันร่วมกัน
ดังนั้นความจริงแล้วเธอก็มีความผิดที่เธอหนีมาโดยไม่บอกเขา
เลียมลดเสียงของเขาลงต่ำโดยปราศจากรอยยิ้ม “ถ้าฉันไม่มาตามหาเธอ เธอจะหนีไปโดยไม่กลับมาจริง ๆ ใช่ไหม?”
เจเน็ตสะดุ้งเพราะคำถามของเขา
เธอเงยหน้าขึ้นช้า ๆ และมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาของเขา เขาแสดงความขุ่นมัวออกมาเพราะความโกรธ
ในตอนนี้เธอยิ่งทุกข์ใจขึ้นไปอีก
“ไม่ ซันนี่ยังอยู่ที่นั่น และฉันก็ต้องกลับไปอยู่ดี”
“แค่ลูกเท่านั้นเหรอ?”
เจเน็ตทำได้แค่เงียบ
เธอไม่รู้ว่าจะตอบคำถามของชายคนนี้อย่างไร
ไม่ว่าเธอจะพูดอะไรออกไป คำตอบของเธอก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับการยอมรับ
ด้วยความรู้สึกขมขื่นที่ไม่อาจบอกได้แผ่ซ่านอยู่ภายในตัวของเธอ
“แล้ว? นายคิดว่าฉันควรจะกลับไปเพื่ออะไร นายน้อยแจ็คแมน?”
เสียงหัวเราะอย่างเหยียดหยาม ที่พยายามหนีจากเลียม
“ดีมาก เจเน็ต แฮนค็อก ฉันใจกว้างและให้อภัยเธอมากเกินไปสินะ และตอนนี้เธอก็คงลืมไปแล้วว่า เธอเป็นใคร!”
ท่าทางของเจเน็ตกลับมาเป็นหวาดกลัวโดยสิ้นเชิง
วินาทีต่อมา คางของเธอถูกคว้าและร่างกายของเธอทุกส่วนถูกบังคับให้พิงกับประตู
รอยกดลึกปรากฏขึ้นที่หว่างคิ้วของเลียมขณะที่เขาจ้องมองที่เธอด้วยความโกรธราวกับว่าเขาต้องการจะกลืนกินเธอเข้าไป “ถ้าเธอไม่ใช่แม่ของลูกฉัน เธอคงจะต้องตายเป็นพันครั้ง”
คางของเจเน็ตเจ็บระบมไปหมดและเธอพยายามอธิบายตัวเธอเอง
อย่างไรก็ตาม เธอหยุดเพียงชั่วขณะและจากนั้นจึงเปลี่ยนเรื่อง
เธอจ้องมองเขาด้วยความตั้งใจ “ใช่ นายเชื่อว่าฉันควรจะต้องตาย ฉันทรยศและโกหกนาย เพราะแบบนี้นายมาหาฉันที่นี่ทำไม?”
เลียมผงะ
เจเน็ตแสยะยิ้มออกมา “ฉันยอมรับว่าเมื่อห้าปีที่แล้วฉันทำผิดต่อนาย แต่ฉันก็ได้ทำการชดเชยให้เลยในห้าปีนี้!”
“วันนี้ พวกกริฟฟินไม่ยอมรับฉัน ไม่ใช่ว่านายไม่รู้ว่า นายไม่สามารถทิ้งพวกเขาเพื่อฉันได้! นายสามารถทิ้งครอบครัวของนาย และอนาคตของนายเพื่อฉันได้ไหม? ไม่ นายทำไม่ได้! ดูสิ นี่คือความท้าทายที่สุดที่อยู่ระหว่างเรา”
“ฉันรู้ดีว่า ฉันเป็นผู้ชายประเภทไหนและมีภูมิหลังอย่างไร เธอคือสาเหตุที่ทำให้ฉันไม่พอใจในคืนนั้น เธอหวังให้ฉันรับผิดชอบต่อผลลัพธ์ของสิ่งที่เกิดขึ้นหรือเปล่า?”
“เลียม แจ็คแมน ฉันสูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปแล้ว ฉันสูญเสียอาชีพการงาน ชีวิตของฉัน และครอบครัวของฉัน ทั้งหมดนี้ก็เพราะฉันหลงรักนาย!”
“แล้วนายล่ะ? นายก็ยังคงเป็นนายน้อยของตระกูลกริฟฟินที่สูงและมีอำนาจ นายยังคงสามารถภูมิใจได้อยู่”
“ถ้าพวกเราอยู่ด้วยกัน สิ่งเดียวที่ฉันมีคือความรักของนาย แต่ถ้าวันหนึ่งนายไม่ได้รักฉันอีกต่อไปแล้ว แล้วฉันจะมีอะไรเหลืออยู่อีกล่ะ?”
“เลียม นายเอาแต่พูดว่าฉันไม่ควรไปจากนาย แต่นายเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมฉันถึงจากไป?”
“ฉันเหนื่อยแล้วจริง ๆ และฉันขอให้นายปล่อยฉันไป! ปล่อยฉันให้เป็นอิสระและปล่อยให้นายเองมีอิสระ!”