ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 334 เริ่มต้นใหม่
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 334 เริ่มต้นใหม่
เสียงฝีเท้าของสาวใช้ได้ยินเข้ามาถึงในห้อง มีคนหยุดอยู่หน้าประตูและถามขึ้นเสียงเบา “คุณหนู คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”
เจเน็ตชะงักนิ่ง
สาวใช้ต้องได้ยินเสียงความวุ่นวายและรู้สึกเป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงมาหา
เจเน็ตจ้องมองไปที่ผู้ชายคนนั้นและบอกเป็นนัย ๆ ว่าให้เขาปล่อยเธอ
อย่างไรก็ตาม เลียมแสร้งทำเป็นไม่เห็นท่าทางของเธอ เขาจับเอวของเธอและกดให้พิงกับประตู
เจเน็ตไม่สามารถทำอะไรเขาได้ ดังนั้นเธอจึงตอบกลับสาวใช้ “ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
สาวใช้รู้สึกสงสัย ทว่าเธอก็ไม่ได้ถามอะไรมากไปกว่านี้แล้วและจากไป
เมื่อสาวใช้ไปแล้ว เจเน็ตจ้องมองไปที่เขาอีกครั้ง และพูดขึ้นด้วยความเกรี้ยวกราด “นายจะไม่ปล่อยฉันไปเลยใช่ไหม?”
เลียมมองเธอด้วยท่าทางที่สงบลงแทนที่จะปล่อยเธอไป เขาขยับเขามาให้ใกล้มากขึ้นทำให้ช่องว่างระหว่างพวกเขาแคบลงไปอีก
หัวใจของเจเน็ตสั่นระรัวขณะที่เธอรู้สึกความอึดอัดที่บีบบังคับอย่างรุนแรง โดยสัญชาตญาณ เธอขยับศีรษะของเธอไปด้านหลัง
ทันใดนั้นเอง เลียมก็หัวเราะขึ้นเบา ๆ
“เจน เธอมีฉันอยู่ในใจ”
เจเน็ตสั่นสะท้าน
ราวกับว่าเขามั่นใจในเรื่องนี้ เลียมเอื้อมมือออกไปจับคางของเธอและบังคับให้เธอมองมาที่เขา ความแข็งกร้าวและความขุ่นเคืองใจในดวงตาสีดำของเขาลดลง ทว่ามีอารมณ์บางอย่างเกิดขึ้นมาแทนที่เจเน็ตไม่สามารถอธิบายได้
“เธอรู้ไหมว่าฉันมักจะสงสัยอะไรตลอดหลายปีที่ผ่านมา?”
เจเน็ตตกอยู่ในความงุนงง เธอยังคงเงียบพลางจ้องมองไปที่เขา
เลียมลูบไล้ผิวบนคางของเธอและกระซิบ “ฉันมักจะสงสัยว่าทำไมเธอถึงทิ้งฉัน เมื่อเธอชอบฉันมากในตอนนั้น เธอหมายความตามที่เธอพูดกับฉันครั้งสุดท้ายใช่ไหม? เธอคบกับฉันด้วยความอยากรู้อยากเห็น คนจนอย่างฉันอยู่กันคนละระดับกับเธอ คุณหนูแฮนค็อก…”
ความจำในอดีตท่วมท้นในจิตใจของเธอ
เมื่อห้าปีที่แล้ว เจเน็ตยังเด็กมาก เด็กสาวที่อ่อนเยาว์และใจร้อนที่จะตกหลุมรัก เลียม แจ็คแมน ผู้แข็งแกร่งในครั้งแรกที่เธอสบตากับเขา
แต่ในตอนนั้นเธอยังเด็กมาก แม้ว่าจะชอบเขา มันยากที่จะสารภาพความรู้สึกของเธอ
ยิ่งเธอชอบเขามากเท่าไร เธอกลับยิ่งรู้สึกหนักใจ
เธอรักเขามาก แต่ก็ต้องแสร้งทำหน้าเฉยเมยอยู่ตลอดเวลา
ยิ่งไปกว่านั้น เธอคือลูกสาวของตระกูลแฮนค็อก
เพื่อนของเธอต่างมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและเป็นชนชั้นสูง และพวกเขาอยู่ในระดับชนชั้นสูงของจินเฉิง
ก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้นกับเคธี่ เนลล์ก็เป็นเด็กที่ถูกเอาอกเอาใจของตระกูลเจนนิงส์เช่นกัน
บ่อยครั้งผู้คนชอบทำการเปรียบเทียบภายในชนชั้นสูง เมื่อวันหนึ่งมีคนถามเธอว่าเธอจะอยู่กับผู้ชายที่สิ้นเนื้อประดาตัวหรือ และยังหัวเราะเยาะเธออีกด้วย
โดยไม่ทราบสาเหตุ เธอก็โพล่งออกไปว่าเธอแค่เล่น ๆ และไม่มีอะไรต้องแปลกใจ!
อีกฝ่านเหน็บแนมเธอและพูดว่าเธอจะแต่งงานกับคนบ้านนอกในอนาคตและกลายเป็นหญิงปากร้ายที่ยากจนไปตลอดชีวิตของเธอ เธอตื่นตระหนกและพูดว่าเธอจะไม่ทำแบบนั้น เธอคือคุณหนูของตระกูลแฮนค็อก และเธอไม่ได้จริงจังกับความสัมพันธ์กับคนบ้านนอกที่ไม่คู่ควรกับเธอ
เธอไม่เคยหมายความตามที่เธอพูด
เธออยากจะบอกว่าเธอมั่นใจว่าชายหนุ่มคนนั้นจะไม่ใช่แค่ผู้ชายที่น่าสงสารของประเทศนี้
เขามีความทะเยอทะยาน ชัดเจน และกล้าหาญ
เขาเป็นเพชรที่ยังไม่ได้เจียระไน และไม่เหมือนคนบ้านนอกที่ไร้การศึกษาจากชนบทโดยสิ้นเชิง
ดังนั้นเธอจึงเชื่อว่าสักวันเขาจะพิสูจน์ความสามารถของเขาให้เธอได้เห็น และแสดงให้เห็นว่าเขาเหมาะสมกับเธอ
อย่างไรก็ตาม เธอไม่มีโอกาสที่จะพูดแบบนี้
วันนั้น เลียมที่ยืนอยู่ที่ตรอกนั้นได้ยินคำพูดที่หยิ่งผยองของเธอทุกคำ
จนถึงวันนี้ เจเน็ตไม่เคยลืมความขมขื่นและความเศร้าในดวงตาของเขา
เพียงไม่กี่นาที เขาก็ผลักเธอออกไป พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก ทว่าระยะห่างระหว่างพวกเขานั้นห่างไกล จนถึงจุดที่เธอไม่สามารถเข้าถึงเขาได้
วันรุ่งขึ้น เลียมหายตัวไป
ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการสอบเข้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติ เขาจากไปอย่างไร้ร่องรอย เขาไม่ได้ฝากข้อความถึงเธอ
ในขณะนั้น เจเน็ตโกรธและเสียใจมากจริง ๆ
อย่างไรก็ตาม เธอเอาแต่ใจมาตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อโตขึ้นใครจะขัดใจและไม่ตอบสนองความเพ้อฝันของเธอ?
ถึงอย่างนั้น ชายคนนี้ก็จากไปโดยไม่ได้ร่ำลาหลังจากที่ได้ยินคำพูดเพียงไม่กี่คำ เขาหมายความว่าอะไรที่เขาทำแบบนั้น?
เธอตามหาเขาอย่างไม่ลดละ เธอโทรหาเขาและไปที่บ้านเก่าของเขาเพื่อตามหาเขา
น่าเสียดายที่การตามหาของเธอเปล่าประโยชน์
ต่อมาเธอได้ยินจากเพื่อน ๆ โดยไม่ได้ตั้งใจว่ามีคนเห็นเลียมเดินทางออกจากประเทศพร้อมกับผู้หญิงคนอื่น
เธอปฏิเสธที่จะเชื่อเรื่องนี้ หลังจากที่เธอสอบ เธอต่อต้านพ่อของเธอและเดินทางไปต่างประเทศ
เลียมอยู่ที่การแข่งขันทัวร์นาเมนต์ ท่าทางของเขาดูสงบเยือกเย็นเช่นเคย ทว่าดูเหมือนเขาจะภูมิใจและสง่างาม เขาขับรถด้วยความเร็วและมั่นคง และแล้วเขาก็คว้ารางวัลที่หนึ่ง
เมื่อเขาลงจากรถ เขาก็กอดหญิงสาวที่ยืนอยู่ใกล้ ๆ
ใบหน้าของเขาแสดงความรู้สึกมีความสุขและภาคภูมิใจออกมา ภาพที่เธอเห็นราวกับมีดที่แทงเข้าไปในดวงตาของเธอ
‘ดูสิ เธอน่ะโง่แค่ไหน!’
อารมณ์ที่พลุ่งพล่านเข้าครอบงำเธอ เสียใจที่ไม่ได้สารภาพความรู้สึกของเธอออกไปให้เร็วกว่านี้ ความรู้สึกตื่นตระหนก ความวิตกกังวล ความโหยหา และความปวดร้าว… สิ่งที่เธอคิดว่าเป็นเหมือนความรักเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ ของความสนุกที่ไม่มีความสำคัญในสายตาของคนรอบข้าง
เธออยู่ฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติก เธอนึกภาพว่าเขาต้องรู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหนเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ ทว่าในความจริงแล้ว เขามีความสุขและมีผู้หญิงสวย ๆ อยู่เคียงข้างเขา เขาไม่ได้สนใจกับคำพูดของเธอและไม่ได้รู้สึกเสียใจเพราะเธอ
สุดท้ายแล้วเธอก็ไมได้แสดงตัวและจากไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง
เมื่อเวลาผ่านไป เธอฝังความความรักที่พิเศษนี้เอาไว้ในก้นเบื้องหัวใจของเธอและไม่เคยพูดถึงมันอีกเลย
ความทรงจำเผยออกต่อหน้าต่อตาของเจเน็ตและพวกเขาพาเธอเดินทางไปสู่ช่วงเวลาที่ขมขื่น ชั่วขณะหนึ่งเมื่อเธอมองลึกลงไปในดวงตาของเขาที่อยู่ต่อหน้าของเธอ เธอรู้สึกราวกับว่าเธอกำลังจ้องมองเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มที่ครั้งหนึ่งเธอเคยอยู่กับเขา
เลียมพูดต่อ
เสียงของเขาทุ้มลึกและแหบห้าว
“ครั้งหนึ่ง ฉันยอมแพ้ให้กับเธอ ฉันหลงคิดว่าระยะทางและเวลาจะสามารถเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างได้ รวมถึงความหลงใหลและความชื่นชอบของฉันที่มีต่อเธอ ฉันจึงทำแบบนั้น สำหรับสี่ปี ดูเหมือนกับว่าฉันได้ลืมเธอไปแล้ว ฉันออกเดท เจ้าชู้ และนอนกับผู้หญิงอื่น ๆ
“อย่างไรก็ตาม ทำไมฉันถึงเห็นใบหน้าของเธอในช่วงเวลาสำคัญเหล่านั้นอยู่? บอกฉันหน่อย เธอร่ายมนต์ใส่ฉันใช่ไหม? ฉันไม่สามารถตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่นได้ แม้แต่การสัมผัสทางกายฉันก็ทำไม่ได้ มีอยู่หนึ่งที่ฉันแม่งตั้งคำถามกับตัวเองว่าฉันเป็นผู้ชายปกติหรือเปล่า”
“ความจริงแล้ว การปรากฏตัวอีกครั้งของเธอเป็นเครื่องยืนยันว่าฉันเป็นผู้ชายธรรมดาปกติ เจน เธอรู้ดีอยู่แล้วมีเสียงภายในตัวฉันที่ช่วยฉันปฏิเสธผู้หญิงอื่นทุกคน เพราะอย่างนั้น ฉันไม่มีวันปล่อยเธอไปและไม่มีทางลืมเธอ มันเป็นของเธอและตอนนี้ เธอยังต้องการมันอยู่ไหม? เธอจะลืมอะไรก็ตามที่เข้าใจผิดที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ยอมรับอีกครั้งและรักกันอีกครั้งได้ไหม?”