ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 337 นอนพร้อมกับเขา
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 337 นอนพร้อมกับเขา
เลียมสังเกตเห็นปฏิกิริยาของเธอและหรี่ดวงตาของเขาลงหยอกล้อ
“เธอกำลังมองอะไรอยู่เหรอ คุณนายแจ็คแมน?”
เขาถามขึ้นขณะที่เช็ดผมให้แห้งด้วยผ้าขนหนู
เจเน็ตหน้าแดงและแกล้งไอออกมาแก้ความเขินอาย จากนั้นเธอก็ทำหน้ามุ่ยและพึมพำตอบ “ใครจะไปอยากมองนาย? นายมันเด็กไร้ยางอาย!”
จากนั้นเธอก็หันหลังและแกล้งทำเป็นไม่สนใจเขา
ยิ่งเธอพยายามทำตัวเหมือนหวงเนื้อหวงตัวมากเท่าไร เธอก็ยิ่งแสดงอารมณ์ที่แท้จริงออกมา
ทันใดนั้น เลียมก็อารมณ์ดีขึ้นมา ความเคร่งขรึมในตัวเขาหายไป
เขาเช็ดผมให้แห้งพลางถอดผ้าเช็ดตัวออกแล้วปีนขึ้นไปบนเตียง
เจเน็ตรู้สึกแปลก ๆ เมื่อความรู้สึกอบอุ่นเริ่มโอบรอบตัวของเธอเอาไว้
เธอตกใจและลุกขึ้นนั่งตัวตรงเพื่อมองไปที่ชายคนนั้นที่ยกผ้าห่มขึ้น
เธอกรีดร้องออกมา “นายทำอะไร?!”
เขาเลิกคิ้วอย่างซื่อ ๆ “กำลังจะนอน”
เจเน็ตจ้องมองเขา “นายไม่มีห้องนอนของนายหรือไง? นายไม่ไปนอนที่ห้องของนายเหรอ?”
เลียมส่ายหัวของเขาและอธิบายอย่างอดทน “ก่อนหน้านั้นเรายังไม่ได้แต่งงานกัน ดังนั้นเราจึงต้องแยกห้องนอนกัน แต่ตอนนี้เราเป็นสามีภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย เธอเคยเห็นคู่รักนอนแยกห้องกันหรือไง?”
เจเน็ตเงียบ
เธอรู้แล้ว!
เธอหงุดหงิดและดึงผ้าห่มพลางบ่นพึมพำ “ถ้าอย่างนั้น ตอนนี้นายก็ไม่ได้รับอนุญาตให้นอน ทำไมนายถึงจะนอนตอนกลางวัน?”
เลียมเย้ยหยัน “แล้วทำไมเธอถึงได้รับอนุญาตให้นอน?”
“ฉัน…ฉันอารมณ์ไม่ดีและรู้สึกไม่ค่อยสบาย เข้าใจไหม?”
เลียมหรี่ตาของเขาลง
เขายื่นมือของเขาออกมา
“เธอรู้สึกไม่สบายตรงไหน? ให้ฉันดูหน่อย”
เจเน็ตนิ่งอึ้ง เธอเพียงแค่แก้ตัวเท่านั้นและไม่ได้รู้สึกไม่สบาย
อย่างไรก็ตาม ชายคนนั้นก็ยื่นมือออกมา เธอไม่สามารถซ่อนมันได้อีกต่อไปและลุกขึ้นนั่ง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้เป็นอะไร และฉันไม่ได้อยากจะนอนด้วย ไปนอนเลยถ้านายต้องการ ฉันกำลังจะออกไปข้างนอก”
หลังจากนั้นเธอก็ดึงผ้าห่มแล้วลุกขึ้น
อย่างไรก็ตามวินาทีถัดมา เธอก็ถูกอุ้มและความรู้สึกอบอุ่นโอบรอบร่างกายของเธอ เธอซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มและชายคนนั้นก็นอนลงโดยที่แขนของเขาโอบเธอเอาไว้
เธอโกรธมากและตะโกนออกไป “เลียม แจ็คแมน!”
เลียมกอดเธอเอาไว้และหัวเราะขึ้นเบา ๆ “อย่าตะโกนแล้วนอนลงกับฉัน ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเธอ”
เจเน็ตอยากจะดิ้นหนี ทว่าแขนของเขาก็เหมือนกับแท่งโลหะขนาดใหญ่สองแท่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่หลุดออกไปได้
เธอเต็มไปด้วยความโกรธและหันไปถลึงตาใส่เขา
อย่างไรก็ตามเธอสังเกตเห็นว่าเขาดูเหนื่อยล้ามากแค่ไหน ดวงตาของเขาปิดลงและเห็นรอยคล้ำอยู่ที่ใต้ดวงตาของเขา เธอไม่เคยคิดถึงการปรากฏตัวของเขามาก่อน
เขาคงจะเหนื่อยมาก เมื่อเขานอนลงบนเตียงร่างกายของเขาก็ผ่อนคลายลง นอกจากนี้ กลิ่นที่คุ้นเคยชวนหลงใหลจากร่างกายของเธอทำให้ความรู้สึกของเขาสงบลง เขาไม่อาจซ่อนความเหนื่อยล้าจากเธอได้เลย
เจเน็ตหยุดตัวเองได้ทันเวลา เธออยากจะดุเขา ทว่าตอนนี้เธอเป็นเหมือนลูกโป่งที่ยวบลง เมื่อความโกรธของเธอหายไปในอากาศที่บางเบา
เธอสงสัยว่าเขาไปที่ไหนและทำอะไรตลอดสองวันที่ผ่านมาซึ่งสร้างความเหนื่อยล้าให้กับเขา
มองอีกแง่หนึ่ง มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย
เธอไม่สามารถปล่อยให้ตัวเองตำหนิเขาได้ ดังนั้นเธอจึงลดเสียงของเธอลง “ปล่อยฉันไปก่อน!”
หลังจากนั้นเธอก็ดิ้นหนีอีกครั้ง คราวนี้เลียมปล่อยเธอ ทว่าเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อให้เธอรู้สึกไม่อึดอัด อย่างไรก็ตามการหลบหนีจากอ้อมกอดของเขาก็ยังคงเป็นคำถาม
เจเน็ตพยายามหนีหลายวิธี ทว่าก็ไม่สำเร็จดังนั้นเธอจึงยอมแพ้
‘ลืมมันไปซะ!’
อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขานอนด้วยกัน เขาสามารถกอดเธอได้ทุกครั้งที่เขาต้องการ มันคงไม่ทำให้เธอเสียเลือดเสียเนื้อ
ดังนั้นเจเน็ตจึงหยุดดิ้น เธอเงียบลงก่อนจะเตือนเขา “นอนแบบนี้ไม่สบายหรอกนะ ถ้านายเหนื่อยมากก็ควรนอนหลับให้สบายกว่านี้ ฉันจะนอนข้าง ๆ นายและไม่หายไปไหน”
ในความจริงแล้วเธอไม่ได้มีความคิดที่จะจากไป และเธอก็ไม่ได้โกหกเขาด้วย
ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังคงปฏิเสธ
“ไม่ ขอฉันกอดเธอ วิธีนี้ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น”
จากนั้นเขาก็ซุกใบหน้าลงในเส้นผมของเธอพลางสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ
ร่างกายของเจเน็ตเกร็งโดยที่ไม่รู้ตัว
อ้อมกอดของเขาอบอุ่นและเกือบจะทำให้เธอหายใจไม่ออก
กลิ่นหอมสดชื่นของไม้กฤษณาลอยอบอวลอยู่ภายในห้อง ซึ่งต้นกำเนิดมาจากร่างกายของเลียม
เจเน็ตรู้สึกค่อนข้างหงุดหงิด แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างเธอก็สงบลง
รู้สึกถึงความหวานแปลก ๆ
มันเงียบสงบและมีแสงอาทิตย์ทอประกายอยู่ภายนอก ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจเบา ๆ ของคนทั้งคู่ที่นอนอยู่ในห้อง
ในขณะที่เธอนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา มันรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาได้ย้อนเวลากลับไปเมื่อห้าปีที่แล้ว ที่เขาโอบกอดเธอเอาไว้แน่นที่บนเตียงในค่ำคืนที่นับไม่ถ้วนนั้น
เจเน็ตหลับตาและอดกลั้นความรู้สึกขมขื่นที่กลับมา
เลียมรู้สึกได้ถึงความรู้สึกของเธอ เขาหลับตาลงแล้วจุมพิตลงบนศีรษะของเธอพลางกระซิบอย่างแผ่วเบา “ไม่ต้องคิดอะไรแล้วและนอน”
น้ำเสียงของเขานุ่มนวลและอ่อนโยน
อ้อมกอดของเขามั่นคงทว่าไม่แน่นจนเกินไป เขาไม่อยากให้เธอหนีไปจากเขา
เจเน็ตรู้สึกว่าอารมณ์สงบลงมากขึ้นและเงียบ
ไม่กี่นาทีต่อมา ลมหายใจของเธอก็สม่ำเสมอ
เธอขยับเล็กน้องเพื่อหันกลับมา อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยทำให้อ้อมกอดของเลียมแน่นขึ้น
เจเน็ตวางมือลงบนแขนของเขา ไม่นานนักเธอก็เรียกเขาด้วยเสียงอันแผ่วเบา “เลียม…”
“ครับ?”
เขาพึมพำเสียงเบา ราวกับถูกดูดพลังงานไปจนหมดสิ้น
เธอเม้มริมฝีปากของเธอ เพียงไม่กี่วินาทีต่อมา เธอถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “ไม่มีอะไร ไปนอนได้แล้ว!”
เขาระบายยิ้มน้อย ๆ บนริมฝีปากของเขาและกอดเธอแน่นขึ้น จากนั้นเขาก็เข้านอนอย่างเงียบสงบ
เธอคิดว่านี่จะเป็นค่ำคืนที่ยาวนาน
อย่างไรก็ตาม เพียงไม่ถึงครึ่งชั่วโมงต่อมา เจเน็ตก็หลับไป
ในช่วงที่เธอนอนหลับ เธอรู้สึกเหมือนมีบางอย่างเสียดสีกับใบหน้าของเธอและมันเป็นความรู้สึกที่อบอุ่น
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงที่ทุ้มต่ำของเลียม
“เจน อย่าทิ้งไปฉันอีกเลยนะ”
น้ำตาไหลลงมาจากดวงตาของเธอขณะที่เธอซุกใบหน้าเรียวลงกับหมอน น้ำตาไหลออกมาจากดวงตาของเธอเงียบ ๆ เธอไม่รู้ว่าเธอกำลังร้องไห้ด้วยความดีใจหรือเสียใจกันแน่
…
เนลล์เพิ่งรู้ในวันรุ่งขึ้นว่าเจเน็ตและเลียมอยู่ด้วยกัน และพวกเขาก็จดทะเบียนสมรสกันเรียบร้อยแล้ว
เป็นช่วงกลางวันที่เจเน็ตและเลียมมารับซันนี่ เนลล์รู้สึกประหลาดใจกับการปรากฏตัวของคนทั้งคู่ ต่อจากนั้นเจเน็ตก็อธิบายความสัมพันธ์ของพวกเขาให้เธอฟัง
ในฐานะเพื่อนสนิทกัน เนลล์รู้ดีมาตลอดว่าเธอเคยเพ้อถึงเลียมและตามหาเขามาหลายปี
ดังนั้น เมื่อเธอได้ยินว่าในที่สุดพวกเขาลงเอยกัน เธอก็รู้สึกมีความสุขกับพวกเขาไปด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ความสุขของเธอจะค่อย ๆ หายไป เธอรู้ว่าซันนี่คือลูกชายของเลียม และผู้ชายที่ทำให้เจเน็ตตั้งท้องและทำให้เธอต้องย้ายออกจากครอบครัวของเธอก็คือเลียมอีกเช่นกัน!
เนลล์รู้สึกว่ามันยุ่งเหยิงอะไรอย่างนี้