ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 360 เธอกำลังบอกความจริง
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 360 เธอกำลังบอกความจริง
นายท่านการ์เร็ตต์พุ่งไปด้วยความโกรธทันที
“แกพูดอะไร? พูดอีกครั้งสิ!”
สเตฟานียกคางของเธอขึ้นด้วยความโกรธ “หนูบอกว่าหนูไม่เห็นด้วย!”
“แก!”
เขาจับหน้าอกของเขา ในขณะที่หน้าของเขาแดงไปด้วยความโกรธ เมื่อเห็นเช่นนั้นแล้วสเตฟานี่ก็ตกใจและรีบนำยามาให้เขา
“คุณปู่เป็นอย่างไรบ้าง? รีบกินยาก่อน!”
ชายชราผลักเธอออกไป พร้อมกับยาและตวาดกลับ “ทำไมแกถึงสนใจว่าปู่จะยังมีชีวิตอยู่หรือตาย ในเมื่อแกไม่เชื่อฟังปู่? ถ้าปู่ตายมันอาจจะทำให้ภาระของแกลดลงไง? ไม่มีใครจะเป็นคนบังคับหรือควบคุมแกในอนาคตได้แล้ว?”
หัวใจของสเตฟานีขุ่นหมอง แต่เมื่อมองไปที่สีหน้านั้น เธอก็ไม่กล้าที่จะโต้เถียงกลับ
ถึงอย่างนั้นเธอก็พูดกลับไปอย่างเศร้า ๆ ว่า “คุณปู่ หนูไม่ได้ชอบ นาธาน เกรแฮม และไม่อยากแต่งงานกับเขา หนูแค่พูดจากใจ ในใจของปู่ความสุขของลูก ๆ หลาน ๆ ไม่สำคัญเท่ากับอำนาจพวกนั้นใช่ไหมคะ?”
นายท่านการ์เร็ตต์จ้องไปที่เธอแต่ไม่พูด
เมื่อเห็นเช่นนี้สเตฟานี่ก็รู้ว่าเขาจะไม่ฟังเธอ หัวใจของเธอก็ค่อย ๆ เศร้าลง
ก่อนหน้านี้นายท่านโกรธมากจนทำให้หายใจไม่ออก โชคดีที่ตอนนี้เขารู้สึกดีขึ้นมากหลังจากที่ได้ค่อย ๆ หายใจอย่างช้า ๆ
สเตฟานี่ยืนขึ้นก่อนจะเช็ดน้ำตาและมองเขาอย่างเงียบ ๆ
“คุณปู่หนูแน่ใจว่า คุณปู่รู้อยู่แล้วว่า เซลีน เจนนิงส์ ไม่ใช่ลูกที่คุณแม่เสียไปในตอนนั้นใช่ไหม?”
ร่างของนายท่านการ์เร็ตต์รู้สึกตกใจ
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
เขาจ้องมองไปที่สเตฟานี่และพูดเสียงเบา “ปู่ไม่รู้ว่าแกกำลังพูดถึงอะไร?”
สเตฟานี่ยิ้มกว้าง
“ปู่ไม่จำเป็นต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้ ปู่ไม่เพียงแต่รู้เรื่องนี้เท่านั้น คนอื่น ๆ ในตระกูลก็รู้เหมือนกัน แต่ปู่ยังคงเล่นละครเล็ก ๆ น้อย ๆ กับคนอื่น ๆ ต่อไป และปล่อยให้เธอเข้าสู่ตระกูลของการ์เร็ตต์ ทั้งหมดเป็นเพราะปู่คิดว่าเธอเป็นคนประเภทที่มีความทะเยอทะยาน แต่สามารถควบคุมได้
“เช่นเดียวกับปู่ เธอเป็นคนที่ทำทุกอย่างเพื่อผลประโยชน์ ถ้าเธอกลายเป็นหลานสาวของปู่ เธอจะผูกติดอยู่กับตระกูลการ์เร็ตต์และลงเรือลำเดียวกัน เธอจะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาชนะตระกูลเกรแฮม เพื่อประโยชน์ของเธอเอง
“นอกจากนี้เธอยังมีเรื่องไม่พอใจกับ เนลล์ เจนนิ่งส์ อย่างมาก ในอนาคตถ้าการ์เร็ตต์และลีย์ลงเอยด้วยความขัดแย้งกันจริง ๆ เธอก็สามารถอยู่กับการ์เร็ตต์ได้ และการ์เร็ตต์ก็สามารถพึ่งพาสถานะของเธอในตระกูลเกรแฮมได้ ทั้งสองครอบครัวจะเติมเต็มซึ่งกันและกัน”
เธอเม้มริมฝีปากและหยุดเป็นเวลาสองวินาทีก่อนจะพูดต่อ “แต่คุณปู่ ถ้าหนูบอกปู่ว่าลูกของแม่ไม่ได้ตายจริง ๆ และเธอยอยู่เคียงข้างเราตลอดเวลา ตอนนี้ปู่ตัดสินใจที่จะทำยังไงต่อ?”
นายท่านการ์เร็ตต์รู้สึกตกใจอย่างรุนแรง!
เขาจ้องมองไปที่สเตฟานีด้วยความไม่เชื่อ ริมฝีปากซีดของเขาสั่นเล็กน้อย และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถามด้วยเสียงสั่นเทา “แก…แกพูดถึงอะไร?”
สเตฟานีมองเขาอย่างเงียบ ๆ ก่อนจะอธิบายด้วยคำพูดของเธอ “หนูบอกว่าเธอยังมีชีวิตอยู่ และเธอก็อยู่รอบ ๆ ตัวเรา”
นายท่านการ์เร็ตต์ตกใจอย่างที่สุด
ตาแก่ของเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
สเตฟานีพูดต่อ “หนูเห็นเธอด้วยตาของหนูเอง เธอมีปานรูปผีเสื้ออยู่ที่หลัง ตอนที่แม่ยังมีชีวิตอยู่แม่บอกหนูว่าปานนี้พิเศษมากและไม่มีอีกแล้วในโลกใบนี้ ในตอนนั้นแม่ยังพูดติดตลกว่า เด็กคนนั้นเป็นร่างอวตารของนางฟ้าผีเสื้อ นั่นเป็นเหตุผลที่หนูรู้ว่าเป็นเธอ ในขณะที่หนูเห็นมัน”
เธอหมอบลงต่อหน้านายท่านการ์เร็ตต์ จับมือเขาแล้วพูดด้วยความจริงใจว่า “คุณปู่เราพบเธอเมื่อนานมาแล้ว เธออยู่ที่นั่นเสมอ แต่เราตาบอดและไม่เคยจำเธอได้ แต่เราคอยกลับผลักเธอให้ไปไกลออกไปและนำไปสู่สถานการณ์ในตอนนี้”
ในที่สุดนายท่านการ์เร็ตต์ก็หายจากอาการตกใจเล็กน้อย เขาจับมือเธอและถามอย่างเร่งด่วน “แกเห็นเธอที่ไหน?”
สเตฟานีกล่าวว่า “ในวันจัดเลี้ยงวันเกิดของปู่ หนูพาเธอไปเปลี่ยนเสื้อผ้าและเห็นปานที่หลังของเธอ”
นายท่านการ์เร็ตต์ตกใจอีกครั้ง!
‘ในงานวันเกิด … เปลี่ยนเสื้อผ้าเหรอ?
‘ไม่ใช่มั้ง … ‘
รูม่านตาของเขาขยายออกอย่างรวดเร็ว เขาจ้องมองไปข้างหน้าด้วยความไม่เชื่อ
สเตฟานียิ้มเศร้า “แปลกใจใช่ไหม? หนูไม่ได้คาดหวังไว้เหมือนกัน บางทีมันอาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรืออาจจะเป็นความประสงค์ของพระเจ้า
“คงไม่มีใครคิดว่า สิ่งที่เรามองหามานานด้วนความยากเย็นขนาดนี้จะอยู่ตรงหน้าเราแล้ว ทุกคนที่นั่นคิดว่าหนูคงกลัว ถ้าเธอกลับมาแย่งตำแหน่งของหนูและทุกสิ่งทุกอย่างที่หนูมีในตอนนี้
“มีเพียงหนูเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจว่าหนูไม่กลัวเลย นั่นเป็นเพราะหนูไม่เคยรู้สึกว่าเธอเป็นคู่แข่ง
“แม่ช่วยหนูและพาหนูออกจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า แม่มองหนูราวกับว่าหนูเป็นลูกของเธอมาตลอด ดังนั้นหนูจึงเกลียดลูกของเธอไม่ได้ นั่นเป็นเหตุผลที่หนูรู้สึกดีใจมากที่ได้พบเธอ
“อย่างไรก็ตามหนูลังเลว่าจะบอกปู่ดีไหม? คนนอกมองมาที่เรา เห็นความสดใสและสวยงาม แต่หนูรู้ว่าตระกูลนี้เป็นเพียงกรงทอง ทุกคนในนั้นเป็นเพียงนกที่ถูกคุมขังโดยคุณปู่
“เราเป็นเหมือนตัวหมากที่เต็มไปด้วยความเมตตาของปู่ สกรูตัวเล็ก ๆ ในเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่เป็นตระกูลการ์เร็ตต์ แม้ว่าหนูจะขอบคุณที่คุณปู่เลี้ยงดูหนู สอนหนูและให้การศึกษาสถานะทางสังคมที่ดีแก่หนู แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าหนูเต็มใจที่จะเป็นนกที่ถูกกักขังและอยู่ภายใต้การควบคุมของคนอื่นไปตลอดชีวิตเหมือน หุ่นเชิด
“หนูเชื่อว่าเธอคงไม่เต็มใจเช่นกัน ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้หนูลังเล อย่างไรก็ตามตอนนี้หนูเลือกที่จะบอกความจริงกับปู่อย่างตรงไปตรงมา เพราะหนูรู้ว่าเธอแตกต่างจากหนู
“หนูควรจะบอกว่าเธอแตกต่างจากพวกเราทุกคน เธอมีความคิดเป็นของตัวเอง มีความสามารถและมีคนที่รักคอยปกป้องและเคารพเธอ เธอจะไม่กลายเป็นนกที่ตกเป็นเชลยของปู่ เธอจะไม่ถูกจูงจมูกเพื่อผลประโยชน์ของตระกูล บอกตามตรงหนูอิจฉาเธอจริง ๆ แต่น่าเสียดายที่หนูไม่โชคดีเท่าเธอ
“ในกรณีนั้นหนูจะช่วยเธอได้ ลองพิจารณาวิธีที่หนูจะตอบแทนความเมตตาของแม่ที่เลี้ยงดูหนูมาหลายปี หนูเชื่อว่าแม่จะรู้สึกสบายใจและมีความสุขเหมือนอยู่บนสวรรค์”
สเตฟานีเม้มริมฝีปากของเธอและกล่าวเสริมว่า “สำหรับเกรแฮม หนูจะไม่แต่งงานกับตระกูลนั้น ถ้าปู่ต้องการบังคับหนูจริง ๆ โปรดไล่หนูออกจากบ้าน หนูจะยอมรับการลงโทษทั้งหมดของปู่”
ในที่สุดเธอก็พูดในสิ่งที่เธอต้องการจะพูด
เธอขยับตัวเล็กน้อยเพื่อปล่อยตัวเองจากการเกาะกุมของนายท่าน จากนั้นเธอก็ลุกขึ้นและเดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ในห้องว่างนั้นเปล่าเหลือเพียง นายท่านการ์เร็ตต์ อยู่คนเดียว
เขานั่งอยู่บนเก้าอี้โยกและจ้องมองไปข้างหน้าอย่างว่างเปล่า ราวกับว่าเขายังไม่หายจากอาการตกใจครั้งใหญ่
เวลาผ่านไปนานมาก ในที่สุดรอยยิ้มที่คลุมเครือก็ปรากฏบนใบหน้าที่ซีดและแก่นั้น สีหน้าของเขาก็ดูเหมือนจะเปลี่ยนเป็นน้ำตา
มุมริมฝีปากของเขาค่อย ๆ ยกขึ้น แต่น้ำตาร้อนไหลออกมาจากดวงตาของเขา
เขายกมือขึ้นปิดหน้าและร้องไห้อย่างขมขื่นเป็นครั้งแรกในชีวิต
…
วันรุ่งขึ้นจู่ ๆ เนลล์ก็ได้รับโทรศัพท์
นายท่านการ์เร็ตต์บอกว่าเขารู้สึกเสียใจเรื่องลิซซี่และเธอมาก หลังจากที่เขาคิดอย่างดีแล้วเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนก่อน เขาจึงเชิญเธอไปที่บ้านของการ์เร็ตต์เพื่อรับประทานอาหารเพื่อขอโทษเธอเป็นการส่วนตัว
ในตอนนั้นเนลล์รู้สึกประหลาดใจมากและเธอก็รู้สึกว่ามันแปลก ๆ