ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 436 ไม่ทนกับเธอแล้ว
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 436 ไม่ทนกับเธอแล้ว
“หลังจากที่พวกแกฆ่าเขา แล้วพวกแกยังโยนความผิดให้ใครก็ไม่รู้ที่ไม่มีแม้แต่ตัวตนด้วยซ้ำ ตำรวจก็คอยควบคุมสิ่งต่าง ๆ อยู่ เพื่อช่วยเหลือแก เพราะสถานะของแก! เนลล์! แกฆ่าสามีของฉัน ฉันทนไม่ไหวแล้ว!”
เมื่อเธอพูดจบ เธอก็พุ่งเข้าหาเนลล์และพยายามที่ฉีกเสื้อผ้าของเธอเป็นชิ้น ๆ
เนลล์สะดุ้ง เธอพยายามถอยหลังหนีเกือบไม่ทัน ต้องขอบคุณแนนซี่และอีเวตต์ที่รั้งเธอไว้
“อีหน้าด้าน!”
ท่านผู้หญิงโกรธอย่างมาก และไปตบแก้มของเธออย่างรวดเร็ว “สการ์เล็ต แกเสียสติไปแล้วหรือไง?”
การตบนั้นทำให้สการ์เล็ต กลับมามีสติอีกครั้ง
เธอมองมาที่ท่านผู้หญิงด้วยสายตาที่งุนงง เกือบจะไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น ท้ายที่สุดแล้วเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านผู้หญิงกริฟฟิน เป็นอัญมณีล้ำค่าของเธอ
“แม่หนูไม่ผิด! พวกเขาเป็นฆาตกร! พวกเขาฆ่าวิลเลียม…”
ขณะที่เธอพูดเธอก็ร้องไห้ออกมา
ท่านผู้หญิงตะโกนว่า “หุบปาก! อย่างแรกพวกเขาไม่ได้ฆ่าเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้ทำ วิลเลียมก็สมควรได้รับมัน!”
สการ์เล็ตตกตะลึงอีกครั้ง
ตลอดหลายปีที่ผ่านมานี้ เมื่อใดก็ตามที่ท่านผู้หญิงมีงานยุ่งยากบางอย่าง เธอจะส่งต่อให้สการ์เล็ต และสการ์เล็ตก็จะมอบมันให้กับวิลเลียมอีกที
ตระกูลกริฟฟินมีชื่อเสียงที่ต้องคอยรักษาไว้ หากงานเหล่านั้นดำเนินการโดยผู้ที่มีชื่อจากตระกูลกริฟฟิน ชื่อเสียงของพวกเขาจะถูกทำลาย
สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนไปเพราะ วิลเลียม คาบอท
เขาเข้าไปพัวพันตามท้องถนนตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เนื่องจากภูมิหลังและในสถานการณ์ที่เขาเติบโตขึ้นมา เขามีความสัมพันธ์มากมายในใต้ดิน
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา แม้ว่าเขาจะยังขาดความรับผิดชอบกับงานที่ทำมาตลอด แต่เขาก็มีคุณสมบัติมากที่ทำให้บางสิ่งสำเร็จ จากภายนอกเขาอาจดูเหมือนทำงานอยู่ในบริษัท แต่เขาทำหน้าที่เป็นคนให้ข้อมูลแก่ท่านผู้หญิงตลอดเวลา
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เขาทำภารกิจที่ทุจริตให้เธอจนสำเร็จนับไม่ถ้วน ซึ่งมันไม่ควรจะสำเร็จด้วยซ้ำ ตอนนี้เขาตายไปแล้ว การตายของเขาถูกตอบแทนแบบนี้หรือไง!
สการ์เล็ตเริ่มหัวเราะอย่างกะทันหัน เธอหัวเราะหนักมากจนน้ำตาเริ่มไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
เธออุทิศชีวิตมากกว่ายี่สิบปีเพื่อตระกูลนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เธอควรได้รับตำแหน่งของเธอ วิลเลียม คาบอท เป็นสามีของเธอ แม้ว่าความผิดจะเกิดขึ้นกับเขา แต่เธอก็คิดว่าอย่างน้อย เธอก็สามารถได้รับความยุติธรรมสำหรับการตายของเขา
หรือว่าเธอคิดไปเอง… เมื่อพูดไป ความจงรักภักดีก็หายไป เขาเพิ่งจากไปเมื่อวันก่อน ความจงรักภักดีหายไปแล้วเหรอ?
สการ์เล็ตรู้สึกหดหู่ ในขณะนั้นเองที่กิดเดียนก็ถูกพาเข้ามาจากด้านนอก
“เขาสมควรตาย!”
เสียงของเขาชัดเจนในขณะที่พูดกับสการ์เล็ตว่า “ผมให้โอกาสเขา แต่เขาขู่ผมด้วยคนที่สำคัญที่สุดคนเดียวสำหรับผม คุณกริฟฟิน คุณจะให้ผมทำอะไรอีก ให้อภัยเขาอย่างใจกว้างและไม่ต้องให้เขารับผิดชอบ เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสข่มขู่ภรรยาและลูกของผมอีก”
สการ์เล็ตสั่นอย่างเห็นได้ชัด
เธอมองไปที่กิดเดียนด้วยความไม่เชื่อ แต่ไม่ได้คร่ำครวญ “วิธีที่คุณพูด คุณไม่ต้องกังวลว่าคนอื่นจะ…”
ก่อนที่เธอจะพูดจบ กิดเดียนก็ขัดจังหวะเธอ
กิดเดียนหัวเราะอย่างเย็นชา มุมริมฝีปากยกขึ้นอย่างเย็นชา “คุณคิดว่าผมจะสนใจสิ่งที่คนอื่นพูดงั้นเหรอ?”
แววตาที่เย็นยะเยือกของเขาทำให้ร่างกายของสการ์เล็ตหนาวสั่น ริมฝีปากของเธอเริ่มสั่นเล็กน้อย
“คุณ คุณ…”
เธอต้องการระบายความกลัวและความโกรธออกมาด้วยการดุด่า แต่เธอก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
ท่านผู้หญิงโบกมืออย่างทนไม่ไหว “อีเวตต์ พาแม่ของเธอลงไปข้างล่าง! อย่าให้ยายเจอเธออีก มองเธอแล้วทำให้ยายโกรธ!”
อีเวตต์พึมพำ ‘ค่ะ’ ด้วยเสียงเล็ก ๆ และเดินเข้าไปจับมือของสการ์เล็ต
เมื่อเธอสัมผัสมือของแม่ เธอสังเกตเห็นว่ามันเย็นยะเยือก แม่ตัวสั่นไปทั้งตัว
เธอเม้มริมฝีปาก เธอรู้สึกเจ็บปวดและท้อแท้เหมือนกับที่แม่เป็น
ท้ายที่สุด หนึ่งในนั้นคือแม่ของเธอ อีกคนก็คือพ่อของเธอ
อย่างไรก็ตาม ชื่อของเธอไม่ใช่ อีเวตต์ กริฟฟิน แต่เป็น อีเวตต์ คาบอท
เมื่อเธอคิดถึงเรื่องนี้ ขอบตาของเธอก็เริ่มแดงเช่นกัน เธออยากจะพูดปลอบใจสักสองสามคำ แต่จู่ ๆ เธอก็ถูกสะบัดออก
หลังจากนั้น เธอเห็นแม่ของเธอเดินออกไปอย่างพ่ายแพ้เพียงลำพัง
อีเวตต์คิดที่จะไล่ตามไป
ท่านผู้หญิงขมวดคิ้วอย่างดูถูก “ปล่อยเธอไป! เธอไม่รู้ว่าอะไรที่ดีสำหรับเธอ!”
อีเวตต์หยุดและกลับไปอยู่ฝ่ายท่านผู้หญิง เธอก้มศีรษะต่ำและกัดริมฝีปากของเธอ
ท่านผู้หญิงหันกลับมา ใบหน้าโกรธเคืองของเธอกลายเป็นมิตรในทันที
เธอยังคงพูดและปลอบโยนเนลล์ต่อไป จนกระทั่งแนนซี่เข้ามาและบอกพวกเขาว่า มีเจ้าหน้าที่สองคนอยู่ที่นี่เพื่อรอคำให้การของเนลล์
เนลล์จำได้ว่ากิดเดียนสัญญากับผู้กำกับเจสซีว่าพวกเขาจะให้คำให้การ เธอพยักหน้าและให้แนนซี่พาพวกเขาเข้ามา
เมื่อท่านผู้หญิงเห็นว่าเกิดอะไรขึ้น เธอก็จากไป
ก่อนจากไป ท่านผู้หญิงจับมือเนลล์อีกครั้งเพื่อปลอบเธอ เนลล์รู้ว่าเธอไม่ได้ปลอบใจเธอแต่ปลอบกิดเดียนแทน เธอยังคงเงียบ
เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ด้วยเหตุนี้ท่านผู้หญิงจึงจากไป
เจ้าหน้าที่อายุยังน้อย เมื่อเข้ามาพวกเขาก็มาสอบปากคำเธออย่างมืออาชีพ เนลล์เล่าถึงเหตุการณ์ที่นำไปสู่การลักพาตัว วิลเลียม คาบอท อย่างละเอียด
ในเวลาเดียวกัน ณ ที่อื่น
สการ์เล็ตไม่ได้กลับบ้าน เธอเดินกลับเพียงลำพังบนถนนและมุ่งหน้าไปยังทิศทางของครอบครัวคาบอท
ไม่ใช่เพราะเธอไม่อยากนั่งรถ เธอมารถคันเดียวกันกับท่านผู้หญิง ตอนนี้ก็เห็นได้ชัดว่าท่านผู้หญิงไม่ต้องการเห็นเธอ
เธอไม่ได้วางแผนที่จะอยู่ แต่เธอก็ไม่ทนกับความโกรธของเธอเช่นกัน แต่ใกล้โรงพยาบาลไม่มีรถให้เช่าเพราะเป็นชานเมือง เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดิน
หลังจากเดินไปได้เพียงครู่หนึ่ง เธอก็ได้ยินเสียงแตรดังมาจากข้างหลังเธอ เธอหลบไปข้างถนนโดยสัญชาตญาณ และเห็นว่าเป็นรถชองตระกูลกริฟฟินผ่านไป
ท่านผู้หญิง อีเวตต์และคนอื่น ๆ อยู่ในรถ แม้แต่จัสติน กริฟฟิน พี่ชายของเธอก็ยังอยู่ในรถด้วย
พวกเขาเห็นเธอ แต่ไม่มีใครพยายามที่จะหยุดรถ
รถผ่านไปด้วยเสียงครึกโครม จากหน้าต่างรถที่เปิดอยู่ เธอมองเห็นด้านที่เย็นยะเยือกของท่านผู้หญิง จัสติน และคนอื่นๆ
สการ์เล็ตทนไม่ไหวแล้ว เธอวิ่งไล่ตามรถแล้วตะโกน “พี่! อีเวตต์!”
รถชะลอความเร็วลงเล็กน้อย ตามด้วยอีเวตต์โผล่หัวออกมาทางหน้าต่าง
มันเป็นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ หัวของเธอถูกดึงกลับเข้าไปด้วยมือ ในขณะที่รถขับออกไป
สการ์เล็ตถอดรองเท้าส้นสูงของเธอแล้วโยนไปทางพวกเขา เธอร้องออกมา “อีเวตต์! ไอ้สารเลว! ทำไมแกถึงใจร้ายได้ขนาดนี้”
รถอยู่ไกลออกไปแล้ว ไม่มีใครในรถได้ยินเสียงร้องของเธอ
สการ์เล็ตทรุดตัวลงบนถนนและร้องไห้ออกมา
เธอหวนคิดถึงความทรงจำ ย้อนกลับไปเมื่อตอนที่เธอยังเป็นลูกสาวที่ประดับด้วยเพชรพลอยของตระกูลกริฟฟิน
ครั้งแรกที่เธอพบวิลเลียม คาบอท เขายังเป็นคนขี้ขลาดอยู่บ้าง แต่เขาก็ใจดีกับเธอ เมื่อใดก็ตามที่เธอพบว่าตัวเองถูกคนอื่นรังแก เขาจะเป็นคนแรกที่ยืนหยัดเพื่อเธอเสมอ
ในเวลานั้น ตระกูลกริฟฟินไม่ได้รับการยกย่องในประเทศ F
ตอนที่เธออยู่ในโรงเรียน เธอมักจะถูกคนอื่นหยอกล้อเพราะว่าเธอสวย
เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น วิลเลียมจะเผชิญหน้ากับพวกเขาและต่อสู้กับพวกเขา เขาจะเดินเข้าไปต่อยกับคู่ต่อสู้
หลังจากนั้น พ่อแม่ของเด็กที่โดนต่อยก็มาเผชิญหน้ากับเขาและต้องการให้เขาจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ ครอบครัวคาบอทยากจนอย่างไม่น่าเชื่อ พวกเขาไม่สามารถจ่ายค่ารักษาพยาบาลได้