ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 438 แล้วแต่คุณเลย
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 438 แล้วแต่คุณเลย
ในเวลานั้นทั้งสองยังเด็กมาก เป็นวัยแห่งความสงสัยและความไร้เดียงสา
เนลล์เพิ่งได้รับการช่วยเหลือจากเกรกอรี่และไม่รู้จักใครในกลุ่ม เมื่อถูกจับเข้าไปอยู่ในโลกภายนอกที่เธอไม่เคยคิดว่าตัวเองจะได้เข้าไป เธอรู้สึกหวาดกลัวทันที บางทีถึงกับตื่นตระหนกเล็กน้อย
ตอนนั้นไม่มีความสดใสอยู่ในดวงตาของเธอ เธอเป็นเหมือนเม่นน้อยที่อ่อนแอและคอยซ่อนตัวอยู่ในมุมของเธอเอง
เกรกอรี่เห็นว่าทุกอย่างไม่ค่อยดีกับเธอ วันหนึ่งเขาจึงให้สมาชิกทุกคนในกลุ่มมารวมตัวกัน
ทุกคนรวมตัวกันและมองดูเธอราวกับเธอเป็นสัตว์ประหลาด เกรกอรี่แนะนำว่ามีใครเต็มใจอยากเป็นเพื่อนกับเธอ พวกเขาทั้งหมดรู้สึกลำบากใจเล็กน้อยกับความคิดนี้
เอเวลินใช้ความคิดและเริ่มยืนขึ้นก่อนที่ใครจะทำ
ย้อนกลับไปในตอนนั้น รอยยิ้มที่สดใสของเธอเต็มไปด้วยความอบอุ่น
หล่อนเข้าหาเธอราวกับดวงตะวันขนาดเล็ก ขจัดความมืดมิดรอบ ๆ เนลล์ทันที
เอเวลินยื่นมือของเธอ ใบหน้าของเธอประดับด้วยรอยยิ้ม “สวัสดี ฉันชื่อเอเวลิน ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเธอ”
ฉากนั้นฝังลึกอยู่ในใจของเนลล์
มันอาจจะดูงี่เง่านิดหน่อยที่เหมือนเด็กในโรงเรียนอนุบาลกลายเป็นเพื่อนกัน ภายใต้การแนะนำของครูอนุบาล
เธอจำได้ว่ามันเป็นท่าทางที่อบอุ่นใจ เธอจะไม่มีวันลืมมันไปตลอดชีวิต
สีหน้าของเอเวลินนั้นซ่อนความรู้สึกอ่อนไหวไว้ เธอมองดูเนลล์ราวกับว่าเธอสามารถเห็นตัวตนในอดีตของเธอในใบหน้าของเนลล์
เนลล์พูดเบา ๆ “เอเวลิน ตอนนั้นเธอเป็นคนแรกที่เข้าหาฉัน ฉันคิดว่าเราจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดไปตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของเรา แต่คราวนี้เธอทำให้ฉันเจ็บจริง ๆ เธอรู้ไหมว่าฉันรู้สึกอย่างไรตอนเห็นกิดเดียนนอนจมกองเลือด?
ฉันรู้ว่าเธอเคยพบเจอกับความสิ้นหวัง ความรู้สึกสูญเสีย จากการสูญเสียคนที่รักที่สุดของคุณมาก่อน แต่เธอก็ยังยอมทำตามกับชะตากรรมเดียวกันอย่างไร้ความปราณี สิ่งนี้มันส่งผลต่อความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของเธอบ้างไหม?”
น้ำเสียงของเธอเบาจนแทบจะไม่มีน้ำหนัก
แต่ทว่าเอเวลินรู้สึกราวกับว่ามีก้อนหินขนาดใหญ่วางอยู่บนอกของเธอ เธอแทบจะหายใจไม่ออก
เนลล์มองไปที่ดวงตาที่แดงก่ำของเธอ หลังจากนั้นครู่หนึ่งเธอก็หันกลับและเดินออกไป
เอเวลินตัวสั่นอย่างรุนแรง
“เนลล์!”
เธอตะโกนตามเธอ เสียงของเธอก็แหบเล็กน้อย เนลล์หยุดโดยไม่หันกลับมามอง
หลังจากนั้น เธอได้ยินเอเวลินพูดด้วยน้ำเสียงที่แทบจะไม่ได้ยิน
“มันคือตระกูลโบฮิเนีย พวกเขาส่งฉันไปลอบฆ่ากิดเดียน”
เนลล์ถึงกับสะดุ้ง
เธอหันกลับมาด้วยความงุนงงและจ้องมองเอเวลินอย่างเฉียบขาด เธอนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายวินาทีก่อนจะพูดว่า “เธอแน่ใจนะ?”
เอเวลินยิ้มอย่างขมขื่น
“ฉันจะไม่แน่ใจได้อย่างไร? ฉันอยู่กับเขามาหลายปีแล้ว เธอคงไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อสามปีที่แล้ว ย้อนกลับไปเป็นครั้งแรกที่กองทหารมังกรยุบลง ฉันถูกพวกเขาเยาะเย้ย นั่นเป็นวิธีที่ฉันแอบเปลี่ยนไปอยู่กับคนกลุ่มนี้แทน
“ที่นั่นเขาเป็นหัวหน้าโดยตรงของฉัน งานทั้งหมดที่ฉันทำไปเป็นคำสั่งโดยตรงจากเขา รวมถึงการลอบฆ่ากิดเดียนด้วย ในตอนแรกฉันมีความลังเลใจ แต่เขาสัญญากับฉันว่าเขาจะปล่อยฉันไปหลังจากที่ฉันทำภารกิจเสร็จสิ้น
“เนลล์ ฉันเหนื่อย ฉันเหนื่อยกับการต่อสู้และการฆ่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ฉันไม่ต้องการที่จะอยู่ในการแข่งขันนี้แล้ว ฉันก็ไม่ต้องการที่จะเดินอย่างไร้จุดมุ่งหมายอีก
“ฉันแค่ต้องการใช้ชีวิตตามปกติ ฉันจะทำทุกอย่างถ้ามันทำให้ฉันสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แม้ว่ามันจะหมายถึงการฆ่าก็ตามเถอะ
สีหน้าของเนลล์เริ่มตึงเครียด เธอเงียบฟังคำตะโกนที่เต็มไปด้วยความโกรธของหล่อน
เอเวลินเงยหน้าขึ้นมองเธอ “กิดเดียนเป็นอันตรายต่อพวกเขา ต่อให้ฉันไม่ได้ฆ่า พวกมันก็จะส่งคนอื่นมาทำอยู่ดี สุดท้ายก็ไม่ต่างกันใช่ไหม?”
“ไม่ มันมีความต่างกัน”
เธอตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า “พวกเขาไม่ใช่เพื่อนของฉัน แต่เธอเป็น”
เอเวลินรู้สึกว้าวุ่นในใจและจู่ ๆ ก็หัวเราะออกมา
ยิ่งเธอหัวเราะ เธอก็ยิ่งรู้สึกสนุกมากยิ่งขึ้น เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของเธอค่อย ๆ ดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งถึงจุดหนึ่ง ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปทั้งตัวจากเสียงหัวเราะ จากนั้นน้ำตาของเธอก็ไหลออกมาจากดวงตาของเธอ
เนลล์มองเธอพร้อมกับคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน
ปัญหาที่เกิดขึ้นกับเธอนั้น
นี่เป็นโอกาสและแรงจูงใจของเธอในภารกิจนี้กับกิดเดียนที่จะไม่เป็นความลับอีกต่อไป
เธอไม่สามารถเชื่อมโยงทั้งหมดเข้าหากัน หากพวกเขาต้องการโยนความผิดเรื่องการสืบสวนอาวุโสเค พวกเขาสามารถใช้วิธีอื่นที่อ่อนโยนกว่าแทนที่จะส่งมือสังหาร
ท้ายที่สุด ด้วยสถานะของกิดเดียน หากมีอะไรเกิดขึ้นกับเขา สิ่งต่าง ๆ ก็อาจสร้างปัญหาให้กับตระกูลโบฮิเนียได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตามพวกเขาก็จะทำมันต่อไป อาจจะมีปัจจัยอื่น ๆ อีกที่เกี่ยวข้องที่เธอยังไม่ทราบอีกไหม?
ดวงตาของเธอมืดลงเล็กน้อยเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เธอถาม “เอเวลิน หัวหน้าของคุณชื่ออะไร?”
เอเวลินหยุดร้องไห้และส่ายหัว
“ฉันไม่รู้”
เนลล์เลิกคิ้ว
เอเวลินกล่าวต่อ “ฉันไม่รู้จริง ๆ คนอย่างฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ชื่อของพวกเขา ส่วนใหญ่เราจะพูดถึงพวกเขาโดยใช้ชื่อรหัสเท่านั้น ทั้งหมดที่ฉันสามารถบอกคุณได้ก็คือชื่อ รหัสของเขาคือ วาย เธอจะต้องค้นหาและสืบหาส่วนที่เหลือด้วยตัวเอง”
เนลล์มองเข้าไปในดวงตาของเธอเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้โกหก เธอพยักหน้า
“ก็ได้ ฉันจะลองดู”
เธอหยุดครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ตราบใดที่สิ่งที่เธอบอกฉันเป็นความจริง ฉันจะทำให้ทุกอย่างระหว่างเราเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต แล้วแต่เธอ”
เนลล์หันกลับมาหลังจากที่เธอพูดจบ แสงแดดที่ส่องเข้ามาจากประตูส่องผ่านร่างของเธอ โอบล้อมเธอด้วยรัศมีสีทอง
เอเวลินยังคงทรุดตัวลงกับพื้น มองดูเธอจากไป ทันใดนั้นเธอรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ที่หัวใจของเธอ
เธอรู้สึกราวกับว่ามีบางอย่างในใจของเธอ มีบางสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้จากเธอไป
จู่ ๆ เอเวลินก็ร้องออกมา “เนลล์!”
เนลล์หยุดและฟังคำพูดของเธอ
“ระวังกิดเดียนด้วย เขาไม่ใช่คนแบบที่เธอคิด”
เนลล์หันกลับมามองเธออีกครั้ง
แสงสีทองส่องผ่านปลายผมของเธอ เธอดูราวกับนางฟ้าที่ลงมายังพื้นโลก
เธอเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยและต้องการถามเพิ่มเติม แต่เอเวลินก็เบือนหน้าหนีเหมือนตั้งใจไม่อยากจะสนทนาต่อ
เนลล์เม้มปากแน่น สุดท้ายเธอก็จากไปโดยไม่พูดอะไร
เธอออกจากวิลล่าและขึ้นรถ
แนนซี่อยู่เคียงข้างเธอตลอดเวลา เธอถามเมื่อเห็นสีหน้าของเนลว่า “เนลลี่ คุณโอเคไหม?”
เนลล์ส่ายหัว
เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง สายตาของเธอดูสั่นเล็กน้อย
ประโยคทิ้งท้ายของเอเวลินยังติดหูของเธอราวกับเสียงปีศาจ เธอไม่สามารถขจัดมันออกไปได้
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเอเวลินถึงพูดแบบนั้น เธอไม่ได้สนใจเรื่องนี้มากนักเพราะเธออยู่กับกิดเดียนมาเป็นเวลานาน เธอและทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน ทำไมเธอถึงถูกคนนอกที่ไม่รู้จักพาให้เข้าใจผิดไปง่าย ๆ แบบนี้ล่ะ?
นอกจากนี้ มันมาจากคนที่เพิ่งพยายามจะลอบฆ่ากิดเดียนอีกด้วย
นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในบางครั้ง ความคิดที่ขับเคลื่อนด้วยการใช้เหตุผลและความคิดที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์นั้นคนละเรื่องกันเลย