ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก - บทที่ 516 การเผชิญหน้าโดยบังเอิญ
ท่านประธานจอมเฮี๊ยบกับยัยหวานใจสุดที่รัก บทที่ 516 การเผชิญหน้าโดยบังเอิญ
ในตอนนั้น ทีมงานทั้งหมด
ลูซี่ห้อยอยู่ตรงนั้นประมาณราว ๆ สิบนาทีกว่าแล้ว
ลีวายกับคาริน่า กำลังช่วยกันคิดหาวิธีต่าง ๆ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถช่วยเธอได้
เนื่อจากวันนี้มีการถ่ายทำที่ภูเขาเพียงฉากเดียวเท่านั้น จำนวนคนที่มาทำงานจึงไม่มากเท่าที่ควร มีสิ่งจำเป็นแค่อุปกรณ์จัดแสงและช่างภาพ ก็มีเพียงแค่ลีวาย นักแสดงบางส่วนและช่างแต่งหน้า
เหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน ทำให้ทุกคนตกใจ
ลีวายตะโกนใส่คนที่คอยดูแลอุปกรณ์จัดแสงเพียงไม่กี่คน “คุณบอกว่า คุณได้เช็คมันแล้วไง นี่คือสิ่งที่คุณเรียกว่าเช็คเหรอ นี่คือสิ่งที่คุณทำใช่ไหม?”
ทีมงานยังคงรู้สึกผิด “ผู้กำกับ นั่นไม่ใช่สะพานที่เรานำมา นั่นมันอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว ทุกคนเดินได้ปกติ เราก็ไม่รู้ว่าทำไมเมื่อลูซี่เดินบนนั้นมันถึงได้หัก”
ลีวายโกรธมาก เขาโกรธเดือดดาลจนลืมตัว
เขาหันไปมองหาผู้ช่วยของเขา “เจอใครบ้างไหม?”
ผู้ช่วยของเขาส่ายหัวอย่างช้า ๆ “ผู้กำกับ ภูเขาอยู่ไกลมากและฝนกำลังตก กว่ารถเครนจะมาถึงใช้เวลาพอสมควร”
ลีวายเริ่มกระวนกระวายใจ “แล้วพวกสตั๊นท์แมนล่ะ บอกพวกเขาให้พาคนที่ฝึกการแสดงมาเพื่อพาเธอออกมา”
ผู้ช่วยกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก
“การถ่ายทำทั้งหมดในวันนี้นั้นสำหรับละครวรรณคดี ดังนั้นพวกเขาจึงแค่แวะมาเยี่ยม เพราะว่าเราเดินทางกันแบบสบาย ๆ ทีมงานที่คอยช่วยเหลือ จึงไม่ได้นำสายรัดพกมาด้วย พวกเรา….”
“พอ!”
อยู่ ๆ คาริน่า ก็ตะโกนออกมา ตาของเธอแดงก่ำไปด้วยความโกรธ แล้วจ้องมองไปยังทีมงานที่ปฏิเสธความรับผิดชอบแล้วโยนความรับผิดชอบไปที่อีกคน เธอพูดด้วยความโกรธว่า “พวกคุณยังเป็นผู้ชายอยู่ไหม พี่ลูซี่ห้อยอยู่ที่นั่นมานานกว่าสิบนาทีแล้ว เธอจะสามารถทนได้นานแค่ไหนกัน ในขณะที่ในตกแบบนี้ พวกคุณช่วยกันหาทางแล้วช่วยหาใครสักคนมาช่วยเธอขึ้นมาก่อนไหม”
ผู้ช่วยมองไปที่เธอแต่ไม่ได้พูดอะไร
คาริน่าพูดต่อ “ถ้ามันไม่มีเครื่องลาก เชือกมันก็ใช้ได้เหมือนกัน จะไม่มีใครสักคนผูกเชือกไว้บนร่างกายแล้วลง
ไปหรือไง พวกคุณไม่มีใครเป็นผู้ชายที่ใจกล้าก้าวไปข้างหน้าบ้างเหรอ”
ไม่มีใครพูดอะไรออกสักคำ ไม่มีใครที่จะกล้ามองหน้าเธอ ทุกคนต่างหลบสายตาเธอที่เต็มไปด้วยความสงสัย
คาริน่ารู้สึกว่าหัวใจของเธอเศร้ามาก เมื่อเธอได้เห็นสิ่งเหล่านี้
ในตอนนั้นเอง ที่ใครบางคนเริ่มกระซิบกัน “ฝนมันตกหนักขนาดนี้และหินมันก็ต้องลื่น ใครเขาจะกล้าลงไปข้างล่างทั้ง ๆ ที่ไม่มีอุปกรณ์ป้องกัน นี่คือการถามให้ไปตายใช่ไหม”
ก่อนที่เขาจะได้พูกจบประโยค ใครบางคนก็กระทุ้งไปที่แขนของเขา เพื่อที่จะให้เขาหุบปาก
ลีวายมองดูอย่างไม่ใจ แต่ในตอนนี้เป็นเวลาที่ไม่เหมาสม ที่จะให้ใครสักคนลงไปด้านล่าง
เขาสั่งให้ผู้ช่วยของเขากับเสียงที่ต่ำ “เรียกทีมงานทุกคนทันที และขอให้พวกเขาส่งใครสักคนพร้อมกับอุปกรณ์ในการช่วยเหลือเธอ นอกจากนี้แจ้งตำรวจ เพื่อว่าพวกเขาจะมีวิธีที่รวดเร็วและอำนวยความสะดวกมากขึ้นใกล้ ๆ นั้นเพื่อช่วยเธอ ”
ผู้ช่วยเห็นด้วย และรีบไปทำมันในทันที
คาริน่าเห็นสิ่งนี้และเข้าใจไปว่าลูซี่จะยังไม่ได้รับข่วยเหลืออีกสักพัก
ถึงแม้ว่าจะแจ้งไปยังทีมงานกับตำรวจแล้ว มันก็ใช้เวลาอย่างน้อยประมาณครึ่งชั่วโมงเพื่อขึ้นไปบนภูเขา ใครจะรู้ว่าลูซี่จะสามารถห้อยอยู่ที่นั่นได้นานแค่ไหน
ความกลัวและความกังวลปะปนกัน จนทำให้คาริน่าเริ่มร้องไห้ออกมา
เมื่อลีวายหันไปรอบ ๆ เจอเธอกำลังร้องไห้ เขาก็อดไม่ได้ที่รู้สึกรำคาญมากขึ้นไปอีก
“เอาล่ะ หยุดร้องไห้ เธอยังไม่เป็นอะไร คุณจะร้องไห้ไปเพื่ออะไรกัน”
ลีวายยังมีความกังวลเล็กน้อยกับคำพูดของเธอ
เขาเดินไปที่ขอบหน้าผาและมองลงไป ด้านล่างนั้นลึกมากจนเขามองไม่เห็นลูซี่เลย
“ลูซี่ แคทซ์ คุณเป็นยังไงบ้าง ได้ยินเสียงผมไหม”
หลังจากผ่านไปสักพัก ก็มีเสียงจาง ๆ ขึ้นมาจากด้านล่าง
“ได้ยินค่ะ”
แม้ว่าเสียงนั่นจะดูหมดแรง แต่มันก็เรียกความมั่นใจให้กับทุกคน
ทุกคนกระวนกระวายใจอย่างมาก ลีวายพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกังวล ผมส่งคนไปเพื่อไปเอาอุปกรณ์ที่จำเป็นมาช่วยเหลือคุณ คุณสามารถจับมันได้นานแค่ไหน”
จริง ๆ แล้ว ลูซี่ไม่สามารถจับมันไว้ได้อีกต่อไป
การเปลี่ยนแปลงที่กะทันหันแบบนี้ทั้งอันตราย และฝนที่ตกอย่างหนัก
ไม่ว่าเธอจะมีจิตใจที่เข้มแข็งมากแค่ไหน แต่ร่างกายของเธอก็ถึงขีดจำกัดแล้ว
แต่อย่างไรก็ตาม เธอกัดฟันของเธอและตะโกนกลับไปข้างบนว่า “ฉันยังจับมันไหวอยู่ค่ะ”
ลีวายมั่นใจในคำพูดของเธอทันที
“ดี คุณต้องจับมันไว้ก่อน คนที่ช่วยเหลือคุณเขาใกล้จะมาถึงแล้ว”
หินมีความลื่นเพราะวันนี้ฝนตก ไม่มีใครกล้าที่จะเสี่ยงลงไป ดังนั้นพวกเขาจึงต้องรอผู้ช่วยชีวิตมืออาชีพมาถึง
ถูกกดดันจากเวลา ทุกวินาทีที่มีความอันตรายใกล้เข้ามา
ในเวลานี้ ลีวายได้วางอคติของเขาเกี่ยวกับลูซี่ลง อย่างไรก็ตามเธอก็เป็นนักแสดงในทีมของเขา ไม่ว่ายังไงก็ตาม เขาต้องการให้เธอได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัยที่สุด
เขามองไปที่เวลาและกดโทรศัพท์อีกครั้ง
“อีกนานแค่ไหนกว่าพวกคุณจะมาถึง”
ในอีกด้านนึง ทีมช่วยเหลือกำลังรีบเดินทาง
“มันใช้เวลาอย่างน้อยอีกยี่สิบนาที”
“คุณสามารถมาให้ถึงไวกว่านั้นได้ไหม”
“พวกเรากำลังไปอย่างเร็วที่สุดเท่าที่พวกเราทำได้ หาทางข่วยเธอไปก่อน อย่าคิดมาก”
ลีวายก่นด่าแช่ง “หาวิธี? วิธีไหน? มันเป็นเรื่องของชีวิตกับความตาย ใครจะไม่คิดมาก”
บุคคลที่อยู่อีกด้านหนึ่งก็ทำอะไรไม่ถูก พวกเขาก็ไม่ใช่นกที่บินด้วยปีก ในที่สุดพวกเขาก็วางโทรศัพท์ท่ามกลางความกังวลที่โดนด่า
ทันใดนั้น เมื่อกลุ่มของโจเอลมาถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาเห็นว่ามันดูวุ่นวาย
“เฮ้ย เกิดอะไรขึ้น ที่นี่มันน่าควรถ่ายทำหรือไง คุณทำอะไรดันอยู่รอบ ๆ หน้าผา ”
มันเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ จึงไม่รู้เกี่ยวกับมัน
โจเอลมองที่ลีวายและจำเขาได้
ภาพของผู้หญิงคนหนึ่งก็แวบเข้ามาในใจของเขา และสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นรังเกียจทันที
“พวกเราจะไม่หลบฝนกันที่นี่ ไปกันเถอะ
จากนั้น เขาก็หันหลังเพื่อเดินจากไป
กลุ่มเด็กที่มีฐานะที่ตามเขามาก็ตกตะลึง ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายน้อยฟอสเตอร์ อย่าทำแบบนี้สิ พวกเราเพิ่งมาถึงที่นี่ ทำไมพวกเราจะต้องกลับไปตอนนี้ด้วย”
“จริงด้วย ตอนนี้ฝนก็กำลังตกหนัก รอบ ๆ ก็ไม่มีอะไรเลย ไม่มีที่อื่นที่เราจะใช้ที่หลบได้นอกจากที่นี่จริง ๆ คุณต้องคิดดี ๆ นะ ”
ทุกคนพยายามเกลี้ยกล่อมโจเอลอย่างแจ่มแจ้งว่าพวกเขาไม่ต้องการจากไป
ใบหน้าของโจเอลเริ่มเข้มขึ้น
ในขณะนั้นลีวายก็พูด
เขาเพิ่งจำโจเอลฟอสเตอร์ได้ แม้ว่าจะไม่คุ้นเคยกับเขา แต่เขาไม่สามารถดูแลได้ในเวลานี้
เขาเดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่กังวลและพูดว่า “นายน้อยฟอสเตอร์ มันเยี่ยมมากที่คุณอยู่ที่นี่ คุณต้องช่วยบางอย่างกับผม คุณมีตำแหน่งสูงและน่าจะมีหลายวิธี หากคุณยินดีที่จะช่วยในเรื่องนี้ มันจะเร็วกว่าที่เราสามารถทำได้อย่างแน่นอน ”
โจเอลไม่มีเวลาตอบสนอง เมื่อคาริน่ามาดูเขาราวกับว่าเขาเป็นผู้ช่วยชีวิต
“นายน้อยฟอสเตอร์ คุณต้องช่วยพี่ลูซี่ ถ้าคุณไม่ช่วยเธอ วันนี้ของเธอคงจบลง”
โจเอลตกใจอย่างมาก
สีหน้าของเขาเปลี่ยนไป
คาริน่าอยู่ใกล้ ๆ เมื่อโจเอลมาหาลูซี่ในหลาย ๆ ครั้ง แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจระหว่างทั้งสองเธออย่างแน่ชัด แต่เธอรู้ว่าจะต้องมีบางอย่างระหว่างพวกเขา