ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย - บทที่ 187 ตอนพิเศษ 4
ตอนพิเศษสี่
หลายวันมานี้เสวี่ยเจียเยว่จ้างคนมาเก็บกวาดที่ดินทางทิศใต้ของเมืองหลวงเรียบร้อยดีแล้ว จึงดูสะอาดสะอ้านและเป็นพื้นที่ราบเรียบเท่ากัน นอกจากนี้เธอยังจ้างคนมาออกแบบสิ่งปลูกสร้างที่เรียกว่าห้องแถวอีกด้วย
หญิงสาวไม่ต้องการสร้างห้องที่ซับซ้อนเหมือนห้องเล็กๆ ในตลาดสดของภพที่เธอจากมา แต่ละห้องออกแบบอย่างเรียบง่ายและไม่ใหญ่มาก พอเรียบร้อยแล้วก็จะแบ่งให้เช่าได้ ทั้งยังสร้างหลังคาขนาดใหญ่ ด้านล่างมีแผงลอยเรียงรายเป็นจำนวนมาก สามารถแบ่งเช่าเป็นแผงๆ ได้
ตอนนี้ในมือเธอมีภาพวาดแบบการปลูกสร้าง ใบอนุญาตจากราชสำนักก็มีแล้ว จึงสามารถจ้างคนมาสร้างห้องเหล่านี้ได้
แน่นอนว่าไม่ใช่แค่ห้องเท่านั้น แต่พื้นที่สีเขียวเหล่านี้ยังใช้ประโยชน์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้เสวี่ยเจียเยว่ก็ได้เจรจากับผู้ที่ออกแบบเป็นพิเศษแล้ว
เธออยากให้ภายในตลาดดูสะอาดสะอ้านเสมอ นอกจากนี้คนที่เข้ามาก็จะมองเห็นต้นหลิวสีเขียวและดอกท้อสีแดง ทั้งยังได้กลิ่นดอกหอมหมื่นลี้และดอกไม้ชนิดอื่นอบอวลไปทั่วบริเวณ
เพราะเป็นห้องที่เรียบง่าย ทั้งยังมีคนทำงานหลายคน ตลาดแห่งนี้จึงถูกสร้างขึ้นอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าเสวี่ยเจียเยว่จะจ้างคนมาช่วยงาน แต่ทุกๆ สองวันเธอจะต้องมาดูเอง รอจนสร้างเกือบเสร็จ เธอก็ไปหาซื้อต้นไม้กับดอกไม้ตามที่ต้องการ จากนั้นจึงนำป้ายเชิญชวนพ่อค้าแม่ค้ามาขายสินค้าในตลาดของตนไปแปะไว้ในทุกที่ ทั้งยังจ้างนักเล่าเรื่องในร้านน้ำชาให้ประกาศเรื่องนี้แก่ลูกค้า ซึ่งทำให้เรื่องตลาดของเธอกระจายไปได้อย่างทั่วถึง
ตอนแรกคนส่วนใหญ่กำลังเฝ้ารอดูสถานการณ์กันอยู่ ยังไม่มีใครมาเช่าแผงลอยของเธอ เสวี่ยเจียเยว่ก็มิได้รีบร้อน กลับกันเธอกำลังยุ่งอยู่กับการเลือกวันดีๆ เพื่อเปิดตลาดของตัวเอง และยุ่งอยู่กับการเปิดร้านซู่ยวี่เซวียนอีกแห่ง
เธออยากสร้างร้านซู่ยวี่เซวียนหลายแห่ง และร้านในเมืองหลวงก็คือร้านหลัก
เสวี่ยหยวนจิ้งเสนอวันเปิดตลาด แต่ถูกเสวี่ยเจียเยว่ปฏิเสธ
แม้เธอจะรู้ดีว่าเรื่องขุนนางในกวนฝู่นั้นได้รับความช่วยเหลือจากเสวี่ยหยวนจิ้ง แต่เธอก็ยังคงคิดเสมอว่าจะพึ่งพาตัวเอง ไม่ใช่เพราะฐานะของตนเองและสามีเท่านั้น
แม้ว่าตอนนี้เธอจะมีฐานะเป็นถึงองค์หญิง แต่ปกติแล้วเสวี่ยเจียเยว่ไม่ได้พูดเรื่องนี้กับใคร และส่วนใหญ่เธอก็อยู่แต่ในเรือน น้อยคนนักที่จะมาเยี่ยมเธอ แต่เสวี่ยหยวนจิ้งกลับแตกต่าง ในเมืองหลวงยังมีขุนนางหลายคนที่รู้จักเขา
วันที่เปิดตลาด ด้วยอากาศร้อนอบอ้าวเสวี่ยเจียเยว่จึงสวมหมวก วิธีนี้จะสามารถป้องกันแสงแดดได้ อีกอย่าง… คนรอบข้างก็ไม่รู้ว่าเธอเป็นใครด้วย
เสวี่ยเจียเยว่รู้สึกว่าแบบนี้ดีที่สุด
ตอนนี้เธอกับเสวี่ยหยวนจิ้งไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน เธอเพียงแค่อยากทำในเรื่องที่ตนเองสนใจเท่านั้น ไม่อยากอยู่แต่ในเรือนคอยมองลูกและดูแลสามีเท่านั้น ถึงอย่างไรมนุษย์ก็มีอุดมการณ์และอาชีพที่ตนอยากทำเสมอ
วันที่เปิดตลาดมีคณะเชิดสิงโต ประทัด ทั้งยังมีการตั้งเวทีในตลาดและเชิญคณะงิ้วมาแสดง ผู้คนต่างมาดูอย่างคึกคัก เบียดเสียดกันแทบไม่มีที่ให้เดิน
และวันแรกก็มีคนมาเช่าห้องของเสวี่ยเจียเยว่สิบกว่าห้อง
คนผู้นั้นคือบิดาของตันหงอี้…
บิดาของตันหงอี้มาเยี่ยมหลานชาย และตันหงอี้กับเจียงฉงอวี้ก็บอกเรื่องนี้แก่เขา เขาทำการค้าขายมาทั้งชีวิต เป็นเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองผิงหยาง ย่อมมีสายตากว้างไกลกว่าคนอื่นๆ จึงเช่าสิบกว่าห้องในคราวเดียว
เดิมทีเขาคิดจะทำกิจการในเมืองหลวง และตอนนี้โอกาสก็มาถึงพอดี ราวกับคำกล่าวที่ว่า ทันทีที่คิดจะนอนก็มีคนส่งหมอนมาให้หนุน
เสวี่ยเจียเยว่รู้ถึงเจตนาการมาของเขาจึงรีบยิ้มแย้มต้อนรับ หยิบสัญญาเช่าที่ร่างไว้ตั้งแต่เช้าตรู่ขึ้นมา เขียนข้อมูลห้องทั้งสิบที่บิดาของตันหงอี้ต้องการเช่าลงไปในสัญญา จากนั้นทั้งสองคนก็ลงชื่อ
สัญญามีสองใบ ทั้งสองฝ่ายเก็บไว้คนละใบ บิดาของตันหงอี้จ่ายค่าเช่าล่วงหน้าและเงินมัดจำ เมื่อเสวี่ยเจียเยว่รับมาแล้วก็เชิญเขาดื่มชาด้วยความกระตือรือร้น
ชานี้เป็นชาดี ชื่อว่าชาหลงจิ่งก่อนฝนตกแบบต้นตำรับ เป็นบรรณาการพิเศษส่งให้ราชสำนัก โจวไทเฮานำมาให้เสวี่ยเจียเยว่สองกระปุก ปกติแล้วเธอไม่ดื่มมากนัก ตอนนี้จึงตั้งใจนำมาชงต้อนรับบิดาของตันหงอี้
บิดาของตันหงอี้ดื่มชาพลางมองพิจารณาอีกฝ่าย แม้ตอนที่อยู่ในเมืองผิงหยางจะไม่ได้พบเสวี่ยเจียเยว่ แต่ตอนนั้นตันหงอี้ก็เสียตัวตนไปเพราะแม่นางผู้นี้ เขาเองก็เคยส่งคนไปสืบหาตัวตนของเสวี่ยเจียเยว่ หากว่าฐานะครอบครัวเหมาะสมกัน ก็ใช่ว่าเขาจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งงาน จะขอให้แม่สื่อไปเจรจาสู่ขอถึงเรือน
ต่อมาเมื่อรู้ว่าฐานะครอบครัวของเสวี่ยเจียเยว่ไม่ร่ำรวย เขาก็ไม่ชอบอีกฝ่าย จึงไม่เคยคิดที่จะขอให้แม่สื่อไปเจรจาสู่ขอ ทว่าตอนนี้เสวี่ยเจียเยว่กลับมีฐานะเป็นถึงบุตรสาวบุญธรรมของไทเฮา และมีสามีเป็นถึงเสนาบดี แม้แต่ลูกสาวก็ยังมีฐานะเป็นถึงจวิ้นจู่…
ในใจของเขาสลับซับซ้อนจนไม่รู้ว่ารู้สึกอย่างไร ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า เรื่องในใต้หล้านี้ใครจะบอกได้อย่างชัดเจน หากเขาขอให้แม่สื่อไปเจรจาสู่ขอ และเสวี่ยเจียเยว่แต่งงานกับตันหงอี้ ไม่แน่หญิงสาวอาจจะไม่ได้เป็นบุตรสาวบุญธรรมของไทเฮา
อีกอย่าง… เจียงฉงอวี้ลูกสะใภ้ของเขาก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง นางยังให้กำเนิดหลานชายตัวอ้วนให้เขาหนึ่งคน
หลังจากปลอบใจตัวเองอยู่หลายครั้ง บิดาของตันหงอี้ก็รู้สึกดีขึ้นมาหลายส่วน หลังจากนั่งสนทนาอีกสักพัก ดื่มชาเสร็จเขาก็ลุกขึ้นแล้วขอตัวลา เสวี่ยเจียเยว่จึงเดินไปส่งเขาที่ประตู
จากนั้นเธอก็ยุ่งอยู่กับการเตรียมเปิดร้านซู่ยวี่เซวียน และด้วยค่าเช่าที่ตลาดของเธอถูกกว่าร้านด้านนอก พ่อค้าแม่ค้าจึงทยอยมาเช่าห้องหรือแผงลอย ไม่นานนักตลาดของเสวี่ยเจียเยว่ก็รุ่งเรืองขึ้น
ในเมืองหลวงย่อมมีพวกอันธพาลเก็บเงินค่าดูแลคุ้มครอง ปกติพ่อค้าแม่ค้าต้องทนกับเรื่องเหล่านี้มาไม่น้อย แต่คนเหล่านั้นกับขุนนางในกวนฝู่มีส่วนเกี่ยวข้องกัน พ่อค้าแม่ค้าจะไปต่อสู้กับพวกเขาได้อย่างไร ทำได้เพียงก้มหน้ายอมรับชะตากรรมเท่านั้น
ในตลาดของเสวี่ยเจียเยว่เริ่มมีพวกอันธพาลที่มีตาแต่หามีแววไม่คิดจะเก็บเงินค่าดูแลคุ้มครอง ท่าทางดูหยิ่งยโสยิ่งนัก พ่อค้าแม่ค้าคนใดไม่จ่ายเงินพวกนั้นก็จะรื้อแผงลอยทุบร้านให้พัง แต่หลังจากนั้นก็มีกองกำลังรักษาความสงบเริ่มเคลื่อนไหว และคนที่พากองทหารมาก็คือแม่ทัพ…
ไม่มีใครกล้ามาก่อกวนร้านค้าในตลาดอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้จึงมีข่าวลือว่าเจ้าของตลาดมีภูมิหลังที่ใหญ่โตจนไม่มีใครกล้าล่วงเกิน ทำให้มีคนมาเช่ามากขึ้น
ต่อมาเสวี่ยเจียเยว่ซื้อที่ดินทางทิศเหนือของเมืองหลวงเพื่อทำตลาดแบบเดิม
เธอยังทูลเรื่องนี้ต่อโจวไทเฮากับฮ่องเต้องค์ใหม่ด้วย และเนื่องจากเสวี่ยเจียเยว่จ่ายภาษีทุกปี ดังนั้นโจวไทเฮากับฮ่องเต้จึงสนับสนุนเรื่องนี้เป็นอย่างดี
เสวี่ยเจียเยว่ยังแนะนำให้เปิดร้านเฉียนจวง[1] ในนามของราชสำนัก เลียนแบบธนาคารในภพที่เธอจากมา ซึ่งจะทำกำไรได้มากในทุกปี
โจวไทเฮาหารือกับฮ่องเต้แล้วก็รู้สึกว่าข้อเสนอของเสวี่ยเจียเยว่ดูเป็นไปได้ จึงมอบหมายให้กรมครัวเรือนจัดการเรื่องนี้ แต่ก็ต้องปรึกษาเสวี่ยเจียเยว่ก่อนถึงจะลงมือทำได้
โจวไทเฮากล่าวอย่างเสียดาย “แต่น่าเสียดายที่เจ้าเป็นสตรี ถ้าเจ้าเป็นบุรุษ อย่าว่าแต่ตำแหน่งขุนนางในกรมครัวเรือนเลย แม้แต่ตำแหน่งผู้ช่วยฝ่ายซ้ายก็ยังทำได้”
เสวี่ยเจียเยว่ยิ้ม เธอไม่มีความสนใจจะเป็นขุนนางแม้แต่น้อย ตอนนี้หญิงสาวสนใจเพียงเรื่องการทำธุรกิจของตนเท่านั้น
เธอต้องการดูแลร้านซู่ยวี่เซวียนอย่างค่อยๆ เป็นค่อยๆ ไปเท่านั้น อีกทั้งการเก็บค่าเช่าจากพ่อค้าแม่ค้าในตลาดทั้งสองแห่งยังเติมเต็มความฝันของเธอไม่ได้ เธออยากจะทำให้มากกว่านี้
เสวี่ยเจียเยว่มีความรู้เกี่ยวกับของที่พ่อค้าแม่ค้านำมาขายมากขึ้น เช่น ผ้าไหม ชา เครื่องลายคราม ต่อมาจึงเริ่มที่จะทำการค้าทางทะเล อีกทั้งเรื่องการวางแผนกลยุทธ์ทางการค้าต่างๆ ก็ได้รับการช่วยเหลือจากโจวไทเฮา แม้ว่าทุกๆ วันจะยุ่งมาก แต่เสวี่ยเจียเยว่ก็รู้สึกมีความสุขไม่น้อย
ห้าปีผ่านไป เสวี่ยหยวนจิ้งได้รับความไว้วางใจจากโจวไทเฮากับฮ่องเต้ อีกทั้งอวี๋ซิ่งเสวียก็อายุมากแล้ว ร่างกายอ่อนแอลง ด้วยเหตุนี้จึงลาออกจากตำแหน่ง ฮ่องเต้ให้เสวี่ยหยวนจิ้งขึ้นเป็นหัวหน้ากรมพิธีการ ขณะเดียวกันก็เลื่อนตำแหน่งเป็นเสนาบดีอาวุโสแห่งเน่ยเก๋อ
คนที่เป็นหัวหน้ากรมพิธีการจะได้รับการขนานนามว่า ‘ขุนนางสวรรค์’ อํานาจในมือมีมากมาย สามารถต่อกรกับเน่ยเก๋อได้ และไม่เคยมีใครควบทั้งตำแหน่งหัวหน้ากรมพิธีการ ขณะเดียวกันก็ยังได้เข้าทำงานในเน่ยเก๋อ การกระทำนี้ของฮ่องเต้สามารถกล่าวได้ว่า พระองค์ให้ความไว้วางใจอย่างสูงต่อเสวี่ยหยวนจิ้งผู้นี้
แน่นอนต้องมีข่าวลือว่าภรรยาของใต้เท้าเสวี่ยเป็นถึงบุตรสาวบุญธรรมของไทเฮา และเป็นน้องสาวบุญธรรมของฮ่องเต้ ดังนั้นเสวี่ยหยวนจิ้งจึงมีฐานะเป็นลูกเขยของไทเฮาและน้องเขยของฮ่องเต้ มีอะไรอีกที่ไม่ควรไว้วางใจ
ยิ่งตำแหน่งของเสวี่ยหยวนจิ้งใหญ่เท่าไร ธุรกิจของเสวี่ยเจียเยว่ก็ยิ่งขยายใหญ่โตขึ้นเท่านั้น
เดิมทีเรื่องการเก็บค่าเช่าหรือการรับของจากพ่อค้าที่นำเข้ามาในเมืองหลวง เสวี่ยเจียเยว่ไม่เคยทำเอง แต่ส่งคนอื่นไปแทน ทว่าครั้งนี้มีพ่อค้าขายผ้าไหมจากเมืองหูโจวมาเช่าห้อง หญิงสาวจึงอยากจะเชิญเขามากินข้าวด้วยกันสักมื้อ เพราะก่อนหน้านี้เธอเคยซื้อผ้าไหมเมืองหูโจวมาจากร้านของเขา และเขาก็เช่าสิบกว่าห้องในคราวเดียว
เมื่อถึงเวลานัดหมายคนผู้นั้นก็พาสหายของตนมาด้วย ทั้งสองเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นหญิงสาวหน้าตางดงามมากผู้หนึ่ง
เพราะในยุคนี้สตรีที่ทำกิจการนั้นมีน้อย อีกทั้งบนเส้นทางการค้าขายย่อมต้องเสียเปรียบบุรุษเสมอ ดังนั้นบุรุษทั่วไปจึงมักจะคิดว่าสตรีที่ทำการค้าเหล่านี้อาจมีบางสิ่งบางอย่างอยู่เบื้องหลัง ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้เสวี่ยเจียเยว่ยังมีตลาดใหญ่สองแห่งในเมืองหลวง
ขุนนางในเมืองหลวงจะปฏิบัติต่อพ่อค้าแม่ค้าดีขนาดนี้เชียวหรือ หากขุนนางคนใดสร้างความลำบากให้เพียงเล็กน้อย เช่นนั้นผู้ใดก็อย่าได้คิดจะทำกิจการอีกเลย แต่สตรีที่มีใบหน้างดงามผู้นี้กลับมีตลาดขนาดใหญ่ถึงสองแห่ง ทั้งยังเป็นเจ้าของกิจการขนาดใหญ่อีก
บุรุษทั้งสองขมวดคิ้วและมองพิจารณาเสวี่ยเจียเยว่อย่างอดไม่ได้ ไหนเลยจะเกรงใจหญิงสาว เกลี้ยกล่อมให้ดื่มสุราไม่พอ คำพูดของพวกเขายังดูไม่ให้เกียรติ การกระทำดูหยาบคาย
เสวี่ยเจียเยว่ไม่อดทนอีกต่อไป เธอลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินจากไป ขณะนั้นบุรุษคนหนึ่งหัวเราะคิกคักและคิดจะดึงแขนเสื้อของเธอ ทว่าเสวี่ยเจียเยว่หลบได้ทัน
เมื่อเธอเห็นว่านิสัยของสองคนนี้แย่มาก ใบหน้างดงามก็หม่นหมองลง ตอนที่กำลังจะตวาดใส่พวกเขาอย่างเย็นชา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงคนผลักประตู
ร่างเล็กๆ วิ่งเข้าไปหาเสวี่ยเจียเยว่พร้อมตะโกนเสียงดัง “ท่านแม่”
เสวี่ยเจียเยว่รีบกอดและถามนางด้วยความประหลาดใจ “เสียวเสี่ยว เจ้ามาได้อย่างไร”
เสวี่ยเสี่ยวอายุหกขวบหันกลับไปชี้ที่ประตู “ท่านพ่อพาข้ามาเจ้าค่ะ”
[1] คือร้านค้าที่ดำเนินกิจการทางการเงินในสมัยโบราณ ซึ่งรับฝากเงินและแลกเปลี่ยนเงิน