ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย - บทที่ 85 น้องเยว่อย่าโมโห
แปดสิบห้า
น้องเยว่อย่าโมโห
เมื่อกล่าวถึงการตามหาน้องสาวของเสวี่ยหยวนจิ้ง พวกเขาก็รู้สึกหนักใจเป็นอย่างมาก ดังนั้นเสวี่ยเจียเยว่จึงไม่ได้เอ่ยเรื่องซื้อร้านตัดชุดกับชายหนุ่ม พอตกดึกก็เข้าห้องของตัวเองเท่านั้น
สองปีมานี้ชีวิตของเสวี่ยเจียเยว่ถือว่าดีไม่น้อย ไม่มีเรื่องให้ทุกข์ใจ และไม่มีเรื่องใดให้กังวลใจ เธอจึงนอนหลับได้อย่างสบายใจทุกคืน แต่คืนนี้กลับไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้
ประการแรก… ไหล่ของเธอยังคงเจ็บ ประการที่สอง… เธอกำลังคิดเรื่องของตนกับเสวี่ยหยวนจิ้ง
ที่ผ่านมาเสวี่ยเจียเยว่อยากจะลืมเรื่องที่เธอกับเสวี่ยหยวนจิ้งไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ ในใจของเธอคิดมาตลอดว่าเขาเป็นพี่ชายแท้ๆ ของตน แต่วันนี้เธอกลับอายตอนที่เขาดึงแขนเสื้อลงเพื่อดูไหล่ ยอมเจ็บปวดแต่ไม่ยอมให้เขาทายาให้ ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อครู่นี้เธอเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องการตามหาน้องสาวของเขา
เสวี่ยเจียเยว่คิดว่าช่วงเวลาที่เธอมีความสุขนั้น ความจริงแล้วเธอขโมยมันมาจากน้องสาวของเสวี่ยหยวนจิ้งต่างหาก เดิมทีควรจะเป็นน้องสาวเขาที่ได้รับความรักและการทะนุถนอม แต่เป็นเพราะนางถูกขายออกไป เสวี่ยหยวนจิ้งจึงโทษตัวเองมาตลอดว่าเขาไม่สามารถปกป้องนางได้ กระทั่งเธอกับเขาเกิดเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน เขาถึงได้มอบความรักส่วนนั้นให้เธอ
แต่นั่นไม่อาจเปลี่ยนสถานะของเธอกับเขาได้ ถึงอย่างไรพวกเขาก็ไม่ใช่พี่น้องกันจริงๆ หากต่อไปน้องสาวเขากลับมา ตอนนั้นเธอจะอยู่ในฐานะอะไร จะยังเป็นน้องสาวของเสวี่ยหยวนจิ้งได้หรือไม่ หากน้องสาวของเขาอยู่ต่อหน้า เขาจะปฏิบัติกับเธอเหมือนน้องสาวแท้ๆ หรือไม่
เธอครอบครองตำแหน่งนี้มานานแล้ว ได้รับการทะนุถนอมจากพี่ชายเช่นเขามากมาย ตอนนี้เธอยังอยากจะยึดเอาไว้ไม่ปล่อยอีกหรือ เธอไม่อาจคัดค้านอันใดได้ เพราะความสัมพันธ์ของพวกเขาสองพี่น้องอาจห่างเหินกันได้ กว่าเสวี่ยหยวนจิ้งจะตามหาน้องสาวของเขาเจอไม่ใช่เรื่องง่าย ไหนเลยจะยอมให้พวกเขาห่างเหินกันเพราะเธอ
เสวี่ยเจียเยว่นอนพลิกตัวไปมาด้วยความหงุดหงิด สายตาของเธอทอดมองออกไปนอกหน้าต่าง
คืนนี้ไม่มีดวงจันทร์ แสงดาวมีเพียงน้อยนิด เมื่อมองออกไปก็เห็นเพียงต้นหอมหมื่นลี้ที่มุมลานเรือน และได้ยินเสียงลมหวีดหวิวรวมทั้งเสียงใบไม้เสียดสีกันอย่างชัดเจน
เธอนึกถึงเรื่องที่เสวี่ยหยวนจิ้งบอกว่าได้ไหว้วานคนให้ออกไปตามหาน้องสาวของเขาเมื่อสองปีก่อน แต่เขาไม่เคยเอ่ยกับเธอ คงเป็นเพราะกลัวเธอจะคิดมาก เกรงว่าหากได้ยินแล้วจะไม่สบายใจ ทว่าการทำเช่นนั้นแสดงให้เห็นว่าเขาเข้าใจดีว่าเธอไม่ใช่น้องสาวจริงๆ เพราะหากคิดว่าเป็นน้องสาวจริงๆ เหตุใดถึงไม่เอ่ยเรื่องนี้กับเธอ ไยต้องกลัวเธอคิดมากด้วยเล่า
แต่คิดในอีกแง่ เรื่องที่เขาพูดอาจเป็นการโกหกก็ได้ เสวี่ยหยวนจิ้งจึงไม่สนใจที่จะตามหาน้องสาวอย่างจริงจัง
เสวี่ยเจียเยว่นอนหลับไม่สนิทตลอดทั้งคืน เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเธอจึงรู้สึกไม่สดชื่นเท่าไรนัก
เมื่อเปิดม่านออกไป ก็เห็นเสวี่ยหยวนจิ้งกำลังวางกับข้าวลงบนโต๊ะในห้องโถง เป็นผัดตั้งโอ๋หนึ่งจาน และดูจากท่าทางของเขา เมื่อคืนก็คงหลับไม่สนิทเช่นกัน
เสวี่ยเจียเยว่เดาว่าคงเป็นเพราะพวกเขาพูดถึงน้องสาวแท้ๆ ของเขาเมื่อคืน และเขาก็คงคิดเรื่องนี้ทั้งคืน
เมื่อนึกถึงสีหน้าเศร้าหมองตอนที่เขาเอ่ยถึงน้องสาวของตน เสวี่ยเจียเยว่ก็อยากจะปลอบใจ แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
สุดท้ายเธอก็หัวเราะเยาะตัวเองในใจ ก่อนจะออกไปล้างหน้าบ้วนปาก
หลังจากเธอล้างหน้าบ้วนปากเสร็จแล้วกลับเข้ามาในห้องโถง ก็เห็นเสวี่ยหยวนจิ้งวางโจ๊กสองชามลงบนโต๊ะ แม้แต่ตะเกียบก็ยังจัดวางเอาไว้อย่างดี และกำลังรอให้เธอไปกินข้าว
เสวี่ยเจียเยว่เห็นเช่นนั้นก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจ แต่เธอยังไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรกับเขา ดูเหมือนว่าหลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนนี้ จู่ๆ ก็มีช่องว่างระหว่างพวกเขา จึงกลับไปสนิทสนมกันเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้แล้ว
เธอเดินเข้าไปนั่งโดยไม่กล่าวคำใด ก่อนหยิบตะเกียบขึ้นมาและก้มหน้าก้มตากินโจ๊กโดยไม่มองเสวี่ยหยวนจิ้งที่นั่งอยู่ตรงข้าม
ระหว่างกินอาหารมื้อนี้ แม้แต่เสียงของเสวี่ยหยวนจิ้งเธอก็ไม่ได้ยิน ความเจ็บปวดจึงถาโถมเข้ามาในใจ คงเป็นเพราะเมื่อคืนเธอเอ่ยถึงน้องสาวของเขาใช่หรือไม่ เขาถึงได้ไม่สนใจน้องสาวปลอมๆ อย่างเธอ ไม่อย่างนั้นหากเขาเห็นว่าเธอไม่พูดไม่จาเช่นนี้ ก็คงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงตั้งนานแล้ว ไม่มีทางเมินเฉยแน่นอน
เมื่อในใจของเสวี่ยเจียเยว่เจ็บปวดมากขึ้น เธอก็วางตะเกียบลงแล้วลุกขึ้นยืน ตั้งใจจะเดินไปที่ห้องของตัวเอง
แต่เพิ่งเดินไปได้ก้าวเดียว เสียงของเสวี่ยหยวนจิ้งก็ดังขึ้นที่ด้านหลังของเธอ
“หยุดอยู่ตรงนั้น”
เสวี่ยเจียเยว่ไม่ยอมหันกลับไป เพียงยืนก้มหน้าไม่พูดไม่จาแม้แต่คำเดียว แต่ในใจของเธอกลับนึกด้วยความโมโห ‘กินข้าวตั้งนานก็ไม่คุยกับฉัน พอเห็นว่าฉันจะไปแล้วมาเรียกให้หยุดทำไม’
เธอได้ยินเสียงขาเก้าอี้ครูดกับพื้น คงเป็นเพราะเสวี่ยหยวนจิ้งลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เป็นเสียงก้าวเท้าอย่างมั่นคง เหมือนเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจเธอก็ไม่ปาน ในที่สุดหางตาของเธอก็เหลือบไปเห็นชายหนุ่มสวมชุดสีเขียวยืนอยู่ข้างๆ
ทั้งสองฝ่ายเงียบงันอยู่นาน สุดท้ายเสวี่ยหยวนจิ้งก็เอ่ยถาม “ไหล่ของเจ้ายังเจ็บอยู่หรือไม่”
เมื่อเขาถามเช่นนี้ เสวี่ยเจียเยว่ก็รู้สึกว่าขอบตาของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาทันใด ทั้งยังมีความรู้สึกขุ่นเคืองเกิดขึ้นในใจ
“ไหล่ของข้าจะเจ็บหรือไม่มันก็เรื่องของข้า ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกเจ้าค่ะ” เธอเอ่ยตอบด้วยความโกรธเคือง ยังคงไม่เงยหน้าเช่นเคย เพราะกลัวว่าเสวี่ยหยวนจิ้งจะเห็นว่าเธอใกล้จะร้องไห้ออกมาเต็มที
จากนั้นเธอก็ได้ยินเสียงเขาถอนหายใจอย่างจนปัญญา
“เอาละๆ เจ้าจะโมโหอะไรข้าอีก เงยหน้าขึ้นมา”
เสวี่ยเจียเยว่ได้ยินเช่นนั้น ขอบตาของเธอก็ยิ่งร้อนผ่าวมากขึ้น น้ำตาใกล้จะไหลออกมาเต็มที เธอรีบกัดริมฝีปากล่างอย่างเอาเป็นเอาตาย พยายามอดกลั้นไว้สุดกำลัง และยังไม่ยอมเงยหน้าขึ้นอย่างดื้อดึง
เมื่อเสวี่ยหยวนจิ้งบอกให้เสวี่ยเจียเยว่เงยหน้า แต่อีกฝ่ายยังไม่ทำตามคำสั่งของเขา สุดท้ายชายหนุ่มก็ทำได้เพียงเอื้อมมือไปเชยคางเด็กสาวขึ้น
ดวงตาของเด็กสาวราวกับมีหมอกบางๆ ปกคลุม น้ำตาจวนจะไหลออกมา อีกทั้งหางตายังแดงก่ำ ริมฝีปากล่างแดงเรื่อราวกับดอกกุหลาบที่แบ่งบานในยามเช้าตรู่ก็ไม่ปาน
ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เสวี่ยหยวนจิ้งจึงรู้สึกอึดอัดจนหายใจไม่ออก และเจ็บปวดใจไม่น้อย “อยู่ดีๆ เจ้าร้องไห้ทำไม”
ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “ยังไม่หยุดอีก? หรือเจ้าคิดว่าไหล่ยังเจ็บไม่พอ จึงอยากกัดปากตัวเองให้เจ็บอีก”
ในขณะที่เอ่ยนั้น เขาก็เอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่ไหลออกมาพอดี
นิ้วของเขานั้นอบอุ่น ปลายนิ้วยังมีกลิ่นหอมของตั้งโอ๋ติดอยู่ เขาเช็ดน้ำตาให้เสวี่ยเจียเยว่อย่างเบามือ แววตาที่มองมามีทั้งความเจ็บปวดและอ่อนโยน
เสวี่ยเจียเยว่จ้องมองเขาด้วยความตะลึง ทันใดนั้นในหัวใจของเธอก็เกิดความน้อยใจระคนเสียใจในเวลาเดียวกัน
ในภพที่จากมา มารดาเธอตายไปนานแล้ว เธอถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งมาโดยตลอด ต่อมาแม้ว่าตายายจะรับไปเลี้ยงดู แต่เธอก็ไม่ได้สนิทสนมกับพวกท่านเท่าไรนัก เพราะไม่ได้อยู่ด้วยกันมาหลายปี ตอนที่เธอเรียนอยู่ชั้นมัธยม ตายายก็ตายจากไปทีละคน
จากนั้นจู่ๆ เธอก็ข้ามภพมายังโลกที่แปลกประหลาดใบนี้ แต่หลังจากผ่านช่วงที่ยากลำบากของชีวิตมา ก็ได้เห็นว่าเสวี่ยหยวนจิ้งปฏิบัติกับเธอดีจริงๆ
ความจริงแล้วเสวี่ยเจียเยว่มีความโลภอยู่ไม่น้อย ในใจของเธอมองว่าเขาเป็นพี่ชายจริงๆ ไปแล้ว และนั่นก็เป็นเหตุผลที่เธอกังวลเรื่องผลประโยชน์ที่ตัวเองจะได้รับและสูญเสียไป หลังจากชายหนุ่มตามหาน้องสาวแท้ๆ ของเขาพบแล้ว เขาก็จะไม่ทำดีกับเธอเหมือนเดิมแน่นอน
ที่คิดว่าโกรธก่อนหน้านี้ ความจริงแล้วมันก็เป็นเพียงความหวาดกลัว
เมื่อได้ยินคำพูดที่แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยจากเสวี่ยหยวนจิ้ง ทั้งยังเช็ดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน เสวี่ยเจียเยว่ก็สัมผัสได้ว่าความโลภมันทวีคูณขึ้นเพราะได้รับความเมตตาจากเขา
ไม่ว่าภายนอกจะดูแข็งแกร่งเพียงใด หัวใจของเธอก็ยังปรารถนาใครสักคนที่ห่วงใยอยู่ดี ใครไม่มีจุดอ่อน ไม่มีช่วงเวลาที่อ่อนแอบ้างเล่า
ชั่วขณะนั้นเสวี่ยเจียเยว่โผเข้ากอดเสวี่ยหยวนจิ้งอย่างอดไม่ได้ สองแขนของเธอโอบรอบเอวเขาแน่น ก่อนจะร้องไห้เบาๆ
ร่างกายของเด็กสาวอ่อนนุ่ม และมวยผมสองข้างก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอม ตอนนี้เมื่ออีกฝ่ายโผเข้ามากอดเขา เสวี่ยหยวนจิ้งก็สัมผัสได้ถึงน้ำตาที่เปียกชุดสีเขียว ใบหน้าเล็กแนบไปกับส่วนอกของเขา แล้วน้ำตาก็เริ่มร้อนราวกับกำลังหยดลงบนหัวใจเขาก็ไม่ปาน จนเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
เสวี่ยหยวนจิ้งยืนแข็งทื่อไปชั่วขณะ จากนั้นเขาก็โอบไหล่อีกฝ่ายเบาๆ
แม้ว่าเมื่อก่อนเสวี่ยเจียเยว่จะสนิทกับเขามากที่สุด แต่อย่างมากก็แค่กอดแขนเขาเท่านั้น นี่ถือว่าเป็นครั้งแรกที่โผเข้ามากอดเช่นนี้
อีกฝ่ายเป็นคนดื้อรั้น และในยามปกติก็ดูเป็นคนที่มีความสุขมาก แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขารู้ดีว่าเสวี่ยเจียเยว่มีเรื่องกังวลอยู่ในใจ
ชายหนุ่มยังจำตอนที่พวกเขาอยู่ในศาลเจ้าของหมู่บ้านซิ่วเฟิงได้ ตอนนั้นเขาบังเอิญเงยหน้าขึ้นมาเห็นว่าเสวี่ยเจียเยว่เหม่อมองไปยังม่านฝนด้วยท่าทางทุกข์ใจ ขณะนั้นเขายังคิดว่าคนที่ดูเหมือนไร้หัวใจแบบนั้นจะมีอะไรให้คิด
เมื่อเริ่มสนใจใครสักคน เมื่อได้เห็นอีกฝ่ายเศร้า เขาจะรู้สึกเช่นเดียวกัน หรือไม่ก็ยิ่งเศร้าใจมากกว่า และตอนนี้เสวี่ยหยวนจิ้งรู้สึกว่าหัวใจของเขาถูกบีบอย่างรุนแรงจนเจ็บปวด
เขาลูบหลังเสวี่ยเจียเยว่เบาๆ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “เป็นอันใดไปเล่า”
เสวี่ยเจียเยว่กำลังร้องไห้สะอึกสะอื้น เสียงของเธอจึงอู้อี้และตะกุกตะกัก “ท่านพี่ ถ้าต่อไปท่านหาน้องสาวพบแล้ว ท่านก็จะทิ้งข้าไป ไม่สนใจข้าอีก ทั้งยังจะทำตัวห่างเหินกับข้า ข้า… ข้าก็อยากเป็นน้องสาวของท่านตลอดไปเหมือนกันนะเจ้าคะ”
เมื่อเสวี่ยหยวนจิ้งได้ยินเช่นนั้น ก็ทั้งอยากร้องไห้และหัวเราะออกมาพร้อมกัน
เขานึกว่าอีกฝ่ายมีเรื่องทุกข์ใจอะไร คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะเรื่องนี้
พวกเขาเคยผ่านความยากลำบากมามากมาย ประคับประคองกันและกันมาตลอด ต่อให้เขาได้พบน้องสาวของตน เขาจะทิ้งเสวี่ยเจียเยว่ จะทำตัวห่างเหินได้อย่างไร
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “เจ้าคิดเรื่องเหลวไหลอันใดกัน ข้าเป็นคนแบบนั้นหรือ อีกอย่าง… ข้าคิดเช่นไรกับเจ้า เจ้าเองก็ไม่รู้หรืออย่างไร”
เสวี่ยเจียเยว่ย่อมรู้แน่นอน เธอมักจะคิดว่าตนเองขโมยตำแหน่งของน้องสาวเขามา เป็นเพราะเขาโทษตัวเองว่าไม่สามารถปกป้องน้องสาวได้ จึงมอบความรักความห่วงใยให้เธอ เหมือนกับการชดใช้ความผิด หากต่อไปเจ้าของตำแหน่งตัวจริงปรากฏตัวแล้ว ในใจของเขาจะยังมีเธออยู่อีกหรือ และด้วยเหตุนี้ เธอคงต้องเสียผลประโยชน์ไปอย่างแน่นอน