ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 101 ฮ่องเต้ยืมเงิน
โอวหยางจูมองดูมู่เฉียนซีด้วยสายตายั่วยุ เขาไม่มีทางเชื่อว่าสตรีอย่างมู่เฉียนซีจะมอบของบรรณาการที่ล้ำค่าไปกว่ายาระดับสามของตนได้ แม้ตระกูลมู่จะเป็นตระกูลร่ำรวยเงินทอง ทว่ายาอายุวัฒนะระดับสามนี้ ใช่ว่ามีเงินทองมากมายแล้วจะซื้อหากันได้ง่าย ๆ
โอวหยางจูยกยิ้มมุมปาก กล่าวขึ้น “ท่านผู้นำตระกูลมู่ ตระกูลมู่เป็นตระกูลร่ำรวยมั่งคั่ง มีสมบัติไปทั่วทุกแห่งหน ของบรรณาการที่นำมามอบให้กับองค์ไทเฮาคงมิน้อยหน้าไปกว่ายาระดับสามของตระกูลโอวหยางใช่หรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีแสยะยิ้ม กล่าวอย่างผู้เหนือกว่า “แน่นอนอยู่แล้ว ตระกูลมู่จะมอบของขวัญหรือของบรรณาการให้ก็ต้องมิใช่สิ่งของธรรมดา” ขณะที่นางกล่าว มู่เฉียนซีหยิบขวดแก้วใสออกมา กล่าวกับองค์ไทเฮา “นี่เป็นของบรรณาการที่ข้านำมามอบให้กับองค์ไทเฮาเจ้าค่ะ”
ขวดแก้วใสขวดนี้ ไม่ได้ห่อหรือบรรจุกล่องสวยหรูอย่างของตระกูลโอวหยาง เป็นเพียงขวดแก้วใส ๆ ดูธรรมดาสามัญ นางยื่นขวดแก้วนี้ให้กับองค์ไทเฮา
ทุกคนนิ่งอึ้ง ขมวดคิ้วมองขวดแก้วใส ๆ เรียบง่ายขวดนี้ แม้แต่ฮ่องเต้อย่างซวนหยวนจือก็อึ้งไม่เว้น
“ซีเอ๋อร์… นี่เป็นงานเลี้ยงเนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพขององค์ไทเฮา เจ้าจะก่อเรื่องไม่ได้” ซวนหยวนจือกล่าว เขาพยายามระงับอารมณ์กรุ่นโกรธ หากมอบเป็นเงินทองไม่กี่ล้านเหรียญทองคำเขายังรู้สึกดีกว่านี้ ไม่คิดว่านางจะกล้ามอบของบรรณาการเป็นขวดแก้วให้กับองค์ไทเฮา
เมื่อเห็นฮ่องเต้เกิดโทสะ มู่เฉียนซียักคิ้วเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า… “ก่อเรื่องรึ ? หึ! ข้าจะกล้าก่อเรื่องในงานพระราชสมภพขององค์ไทเฮาได้อย่างไรกัน ? ฝ่าบาท การที่พระองค์กริ้ว เป็นเพราะอาจจะยังมิทราบว่าสิ่งที่อยู่ในขวดแก้วนี้มีประโยชน์อย่างไรมากกว่า”
“ในขวดก็ใส่น้ำเปล่า มันจะมีประโยชน์เพียงใดกัน ซีเอ๋อร์ เจ้าอย่ามาโอหังไม่เลือกเวลา!” ซวนหยวนจือขมวดคิ้ว หัวคิ้วแทบพันผูกกันเป็นปม อารมณ์โกรธเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
มู่เฉียนซีไม่อยากจะใส่ใจอาการโกรธที่น่าเบื่อนั้น มีคนมาทำหน้าตาอยากจะสังหารใส่นาง นางชาชินแล้ว
“กษัตริย์ซวนหยวนจือดูให้ดี ๆ ก่อน นี่คือยาชะลอความชรา หมอปีศาจผู้ลึกลับในเมืองหลวงเป็นคนปรุงมันขึ้นมา เพียงแค่นำยานี้ทาบนใบหน้า ผิวก็จะดูอ่อนเยาว์ราวเด็กสาววัยแรกแย้ม”
ซวนหยวนจือมือจับเก้าอี้มังกรแน่น ความโกรธพุ่งทะลุแทบระเบิดออกนอกอก ก่อนหน้านี้เขาสืบมาแล้วว่ายาที่บ้านประมูลอันดับหนึ่งนำมาประมูลกับยาที่ซื้อมาจากหอหมอปีศาจนั้นเป็นยาคล้าย ๆ กัน และผู้ที่หลอมกลั่นยาออกมาได้ก็เป็นคนคนเดียวกันนั่นคือหมอปีศาจผู้ลึกลับ แสดงว่าหมอปีศาจผู้นั้นกับมู่เฉียนซีมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาเลย ในวันนี้หมอปีศาจผู้นั้นถึงกับช่วยนางเตรียมของบรรณาการให้กับองค์ไทเฮา เช่นนี้เกรงว่าเขาจะประเมินความสัมพันธ์ของทั้งสองต่ำไป
“เป็นเช่นนั้นรึ ?” องค์ไทเฮากล่าวถามด้วยสีหน้าท่าทีมีความหวัง เมื่ออายุมากขึ้น ความหวังที่จะมีอายุยืนยาวก็เป็นสิ่งธรรมดาที่ทุกคนปรารถนา ทว่านอกจากอายุที่ยืนยาวแล้ว องค์ไทเฮายังปรารถนาที่จะดูเยาว์วัยราวกับหญิงสาววัยแรกแย้ม
มู่เฉียนซียิ้มอย่างผู้ชนะ กล่าวกับองค์ไทเฮา “องค์ไทเฮา พระองค์ทรงลองดูได้เลยเจ้าค่ะ”
ขณะที่นางกล่าว นางก็ยื่นขวดแก้วใสขวดนี้ให้กับองค์ไทเฮา องค์ไทเฮายื่นต่อไปให้กับข้ารับใช้คนสนิท จากนั้นข้ารับใช้ลองทายานี้เล็กน้อยทันทีเพื่อดูว่ามีอันตรายใด ๆ หรือไม่ เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นไรจึงให้องค์ไทเฮาได้ลองทา
ซวนหยวนจือกล่าวขึ้นว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าอยู่รอก่อนสิ รอดูว่ายาของเจ้าจะได้ผลอย่างที่เจ้ากล่าวไว้หรือเปล่า”
ไม่นานนัก ข้ารับใช้คนสนิทก็ประคององค์ไทเฮาลุกยืน ใบหน้าขององค์ไทเฮาในตอนนี้นั้น ดูเบิกบานสดใสอย่างมิอาจหาคำใดมาเปรียบได้ ผิวพรรณของนางดูเปล่งปลั่ง ผิวแห้งกร้านได้รับการฟื้นฟู ผิวไม่เรียบเนียน รอยแดง รวมไปถึงรอยเหี่ยวย่นรอยตีนกาก็หายไปมาก ผลลัพธ์ที่ได้มหัศจรรย์ยิ่งนัก ทุกคนเห็นเช่นนี้แล้วก็อึ้งงัน ลืมหุบปากที่อ้าค้างตอนใดไม่อาจทราบได้เลย
วิเศษ! วิเศษยิ่งนัก!
“ข้าไม่อยากเชื่อเลยว่าจะมียาเช่นนี้อยู่ใต้หล้านี้!”
เวลานี้มู่เฉียนซีถูกดวงตาเป็นประกายกล้าหลายคู่ของสตรีหลายคนจับจ้อง หากมิใช่อยู่ในพิธีสำคัญ พวกนางจะต้องรีบคว้าตัวมู่เฉียนซีไปไถ่ถามเป็นแน่แท้ว่ายังมียาพวกนี้เหลืออีกหรือไม่ สตรีย่อมคู่กับความสวยงาม มีสตรีไม่น้อยในแคว้นที่คลั่งไคล้ความงาม
เยวี่ยเจ๋อกระซิบกับมู่เฉียนซี “พี่ใหญ่ ดูสายตาของสตรีเหล่านั้นสิ จ้องมองราวจะกินพี่ใหญ่ให้ได้”
มู่เฉียนซีอมยิ้ม กระซิบตอบเสียงเบาว่า “ไม่น่าเชื่อว่าแค่ข้าปรุงยาเล่น ๆ เป็นของบรรณาการให้องค์ไทเฮา กลับทำให้ข้าเปิดการค้าใหม่ได้เช่นนี้ ดูเหมือนว่าหลังจากงานเลี้ยงวันพระราชสมภพขององค์ไทเฮา เจ้าจะไม่ว่างแล้วล่ะเยวี่ยเจ๋อ”
“พี่ใหญ่ อย่าบอกนะว่า…”
“ยานี่ข้าปรุงได้ทีละมาก ๆ มีไทเฮาคอยเป็นกระบอกเสียงให้เช่นนี้ เจ้าไม่ต้องกังวลเรื่องหาเงินอีกต่อไปแล้ว”
เพียงแค่เยวี่ยเจ๋อเห็นสายตาของสตรีเหล่านี้ เขาก็รู้ทันทีว่าหากยานี้วางขายจะต้องขายดิบขายดีเป็นแน่แท้ และเมื่อถึงตอนนั้น เกรงว่าหอหมอปีศาจจะมีคนล้นหลามจนหอพังไปเลยก็เป็นได้
ขณะที่มู่เฉียนซีกับเยวี่ยเจ๋อกำลังปรึกษาหารือกันอยู่นั้น องค์ไทเฮาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซีเอ๋อร์ ของบรรณาการจากเจ้าข้าโปรดมาก ฮ่องเต้ต้องตบรางวัลให้เจ้าอย่างงาม”
ของบรรณาการจากโอวหยางจูที่เป็นยาอายุวัฒนะระดับสาม องค์ไทเฮาไม่โปรดเท่ากับของจากมู่เฉียนซี อีกทั้งนางยังเก็บยาระดับสามนั้นไปไว้ด้านหลังเสียแล้ว
‘น่าแค้นใจนัก!’
โอวหยางจูรู้สึกเคียดแค้น ตัวเขารึอุตส่าห์มอบของล้ำค่าให้เช่นนั้นแต่ก็ยังมิอาจสู้ขวดแก้วใสเล็ก ๆ ของสตรีโอหังนั่นได้
ซวนหยวนหลี่ซางยิ้ม กล่าวขึ้นมาว่า “เสด็จแม่ ข้าจะตบรางวัลให้ซีเอ๋อร์แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ไม่แน่ซีเอ๋อร์อาจจะชอบรางวัลที่ข้ามอบให้ก็ได้”
เมื่อทุกคนได้ยินองค์รัชทายาทกล่าวเช่นนี้ ในใจอดที่จะคิดไม่ได้ ‘ท่านผู้นำตระกูลมู่มีทุกอย่างแล้ว ยังจะต้องให้ตบรางวัลอีกรึ ?’
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเชื่อฟัง “องค์ไทเฮา ตัวข้ามู่เฉียนซีไม่ต้องการรางวัลใด ๆ เลย ขอเพียงแค่องค์ไทเฮาดีใจกับของบรรณาการที่ข้ามอบให้ ข้าก็ดีใจแล้ว”
ไทเฮามองมู่เฉียนซีด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรักความเอ็นดู จากนั้นก็ยิ้ม กล่าวอย่างใจดี “ซีเอ๋อร์ เจ้าช่างเป็นเด็กดียิ่งนัก”
งานพระราชพิธีดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง เพลงสรรเสริญ ดนตรีบรรเลง นางรำร่ายรำอ่อนช้อย ทั่วทั้งตำหนักเฉียงหนิงเต็มไปด้วยความรื่นเริงบันเทิงอารมณ์
“หลานขอรำถวายพระพรให้เสด็จย่า”
มาจากไหนไม่ทราบได้ จู่ ๆ องค์หญิงแปดซวนหยวนเจียลุกเดินไปต่อหน้าพระพักตร์องค์ไทเฮา ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เวลานี้นางดูไม่โหดร้ายเหมือนอย่างเคย
“หลานย่า น่ารักยิ่งนัก”
การแสดงรำของซวนหยวนเจียครั้งนี้นางฝึกฝนมาอย่างหนัก แน่นอนว่านางรำได้งดงามยิ่ง ได้รับความชื่นชมและเสียงปรบมือดังสนั่นทั่วทั้งตำหนัก ทว่าองค์หญิงองค์อื่น ๆ มิยอมให้นางได้หน้าแต่เพียงผู้เดียว ทุกคนต่างเสนอเข้ามาแสดงความสามารถให้องค์ไทเฮาได้รับชมและได้รับความชื่นชมเช่นเดียวกัน
งานเลี้ยงผ่านไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีและเยวี่ยเจ๋อนั่งกินดื่มอย่างผ่อนคลาย เมื่องานเลี้ยงกำลังจะเลิกรา จู่ ๆ ซวนหยวนจือกล่าวขึ้นมาว่า “ซีเอ๋อร์ ข้ามีบางอย่างอยากจะขอเจ้า”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างตกอกตกใจ ฝ่าบาทเป็นถึงฮ่องเต้แห่งแคว้นจื่อเยี่ย กลับเอ่ยปากขออะไรบางอย่างกับผู้นำตระกูลมู่อย่างมู่เฉียนซีเช่นนั้นหรือ ?!
แต่หากขอผู้นำตระกูลมู่ เกรงว่าจะเป็นเรื่องใดไปไม่ได้นอกจากเงิน ๆ ทอง ๆ ใครใช้ให้ตระกูลมู่ร่ำรวยกว่าราชสำนักล่ะ ?
มู่เฉียนซี “ฝ่าบาท มิทราบว่าพระองค์มีเรื่องอันใดให้ข้าช่วยหรือ ?” นางเลิกคิ้วเล็กน้อย กล่าวถามอย่างเย็นชา
ซวนหยวนจือ “ที่บ้านประมูลอันดับหนึ่งปล่อยข่าวออกมาว่าอีกสามวันจะจัดการประมูลยาระดับเจ็ด ซึ่งก็คือยาจักรพรรดิหวงหลัวตาน เวลานี้เงินในคลังก็ได้ถูกใช้จ่ายไปกับทหารหมดแล้ว แต่ข้าต้องการยาระดับเจ็ด ยาจักรพรรดิหวงหลัวตานนั่น เงินทองในคลังคงไม่พอ หวังว่าซีเอ๋อร์จะช่วยเราได้”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็ผงะไปชั่วขณะ จะมีใครคาดคิดว่าฝ่าบาทจะเอ่ยปากขอยืมเงินจากท่านผู้นำตระกูลมู่เสียดื้อ ๆ เช่นนี้เล่า อีกอย่าง จะนำเงินนั้นไปประมูลยาจักรพรรดิหวงหลัวตาน ทว่าฝ่าบาทมิได้เป็นราชายอดยุทธ์ระดับสูงเสียหน่อย เขาไม่จำเป็นต้องใช้ยาจักรพรรดิหวงหลัวตาน ฮ่องเต้จะยอมเสียหน้ายืมเงินท่านผู้นำตระกูลมู่ไปเพราะเหตุใดกัน ?
มู่เฉียนซี “ยาจักรพรรดิมีผลต่อผู้ที่เป็นราชายอดยุทธ์หรือราชาแห่งภูตระดับสูงเท่านั้น เหตุใดพระองค์ถึงอยากได้มัน ?”
ซวนหยวนจือกล่าวว่า “ซางเอ๋อร์มีพรสวรรค์ในการฝึกฝน ภายในสิบปีนี้จะต้องฝึกฝนจนเป็นราชาแห่งภูตระดับสูงได้แน่ ข้าอยากจะเตรียมพร้อมไว้ให้ซางเอ๋อร์ อีกอย่าง ยาระดับเจ็ดเป็นยาที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อมีโอกาสเช่นนี้แล้วก็อยากจะประมูลเอามาให้ได้”
ไม่คิดเลยว่าเพื่อพระโอรสแล้ว ฮ่องเต้จะยอมกระทำได้ถึงเพียงนี้
ในขณะเดียวกันนั้น ซวนหยวนหลี่ซางเงยหน้าขึ้นมองเสด็จพ่อของตน ตนเป็นคนที่เข้าใจและรู้จักเสด็จพ่อดีที่สุด บุคคลเห็นแก่ตัวอย่างเสด็จพ่อจะยอมกระทำเรื่องที่อับอายขายหน้าเพื่อตนได้เยี่ยงไรกัน ทั้งหมดนี้ก็ทำเพื่อตัวเองทั้งนั้น
“ท่านผู้นำตระกูลมู่ ตอนนี้ร่างกายของนายท่านสามแห่งตระกูลมู่ก็ไม่ค่อยจะดีนัก มียาจักรพรรดิหวงหลัวตานไปก็ใช่ว่าจะใช้ได้ ท่านผู้นำตระกูลมู่สนับสนุนฝ่าบาทเถอะ” ขุนนางกล่าว