ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1017 ความโกรธของมังกร
ตูม! เสียงดังสนั่นขึ้น พลังทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นนั้นทำให้ผู้คนตกใจจนพูดไม่ออก
พวกเขารีบถอยห่างดีกว่าการดูของดีเช่นนี้ หากโดนลูกหลงเข้าแล้วละก็ คงไม่มีที่มุดหัวร้องไห้แน่
เดิมทีกู้ไป๋อีมีความมั่นใจว่าเอาชนะมู่เฉียนซีได้ แต่มู่เฉียนซีที่เปิดเผยนี้รับมือได้ยากมาก
อีกอย่าง เขาก็ไม่กล้าที่จะโจมตีอย่างเต็มที่ เพราะกลัวว่าจะทำให้นางได้รับบาดเจ็บ และเขาที่ไม่กล้าลงมืออย่างเต็มที่ในตอนนี้ก็ถูกมู่เฉียนซีปราบลงได้
มู่เฉียนซีกล่าว “พลังเพิ่งจะฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งก็คิดจะจากไปซะแล้ว ไม่รู้เหรอว่าค่ารักษาของคุณหนูใหญ่เจ้ามันแพงมากเพียงใด?”
“แม้แต่เสี่ยวหงกับอู๋ตี้ข้าก็ยังไม่ได้ใช้ เจ้าก็ยังเอาชนะข้าไม่ได้ หากข้าใช้พวกมันแล้วละก็ เจ้ายังคิดว่าจะเอาชนะได้อีกเหรอ?”
กู้ไป๋อีทำได้เพียงยอมรับชะตากรรม “คุณหนูใหญ่ ข้าแพ้แล้ว ตอนนี้ข้าไม่จากไป แต่ว่า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ต่อให้เจ้าหมอนั่นแห่งสำนักขวางโซ่วจะส่งข่าวไปแจ้งศัตรูเจ้า พวกมันก็ต้องรู้ถึงความสัมพันธ์ของเจ้ากับพวกข้าแน่ เจ้าคิดว่าการที่เจ้าจากไปมันจะทำให้พวกมันปล่อยพวกข้าไปอย่างนั้นเหรอ พวกมันคงไม่ใจดีถึงเพียงนั้นหรอกนะ!”
“แต่หากเจ้าอยู่ ต่อให้มีอันตรายเกิดขึ้นก็ยังสามารถเพิ่มกำลังในการต่อสู้ได้”
กู้ไป๋อีกล่าว “ข้าทำให้คุณหนูใหญ่ลำบากแล้ว”
“อย่าเพิ่งขอโทษเลย บางทีอาจจะเป็นการคาดเดาข้อแรกก็ได้!”
ทว่า พวกเขานั้นรู้ดีว่าการคาดเดาแรกนั้นมีความเป็นไปได้ต่ำกว่าการคาดเดาหลัง
มู่เฉียนซีกล่าว “นี่ก็ดึกมากแล้ว กลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ!”
หลังจากที่คนของสำนักขวางโซ่วเหล่านั้นหนีไปได้ พวกเขาก็ล้วนแต่รู้สึกสงสัยและไม่เข้าใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านเจ้าสำนัก เหตุใดพวกเราถึงต้องหนีด้วยล่ะขอรับ?”
“ท่านเจ้าสำนัก พวกเราไม่จำเป็นต้องกลัวพวกเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมเหล่านั้นเลยด้วยซ้ำ!”
“ท่านเจ้าสำนัก……”
“หุบปากของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้ พวกเจ้ากลับไปที่สำนักก่อน ข้ามีเรื่องต้องทำ เรื่องนี้ไม่อาจบอกผู้ใดได้ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเจ้าก็จะรู้ว่าเหตุใดข้าถึงได้ทำเช่นนี้”
เมื่อพวกเขาเห็นสายตาอันโหดร้ายคู่นั้นของท่านเจ้าสำนักแล้วก็ไม่กล้าพูดอันใดออกมาอีก
“ขอรับ!”
หลังจากที่มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีต่อสู้กันอย่างดุเดือดเสร็จสิ้น ทันใดนั้นเอง เย่เฉินก็ได้รับข่าวข่าวหนึ่ง ชั่วครู่หนึ่งพลังวิญญาณในร่างกายของเย่เฉินก็ไม่สามารถควบคุมได้จนกระทั่งได้ระเบิดออกมาและทำลายห้องพักห้องนั้นของเขาจนยับเยิน
ตูม!
ในตอนนี้จวนเจ้าเมืองเมืองหนานอวี่ก็ได้ประสบกับภัยพิบัติมากมาย สถานที่แต่ละสถานที่ล้วนแต่ถูกทำลายจนพังยับเยิน
มู่เฉียนซีที่เตรียมตัวจะนอนพักผ่อนก็ตกใจสะดุ้งขึ้น
นี่มันพลังของเย่เฉินนี่…
อีกอย่างพลังนี้ก็รุนแรงมากอีกด้วย และนางก็รับรู้ได้ว่าเขาแทบจะแปลงร่างกลายเป็นมังกรพ่นไฟแล้ว
นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น
กู้ไป๋อีกับเซียวโม่ก็รับรู้ได้ถึงพลังที่ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงของเย่เฉิน และรีบพรวดไปดูทันที
จากนั้นพวกเขาก็ได้เห็นเย่เฉินยืนถือกระดาษแผ่นหนึ่งอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพังนั้น ดวงตาของเย่เฉินแดงก่ำด้วยความโกรธ
เขากัดฟันกรอดและกล่าวออกมาอย่างช้า ๆ ว่า “เมืองแห่งความโกลาหล!”
มู่เฉียนซีตกใจสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย “เย่เฉิน เจ้าใจเย็น ๆ ก่อน นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
ทว่า ภายใต้สถานการณ์ของเย่เฉินในตอนนี้นั้น เขาไม่ฟังผู้ใดแม้กระทั่งมู่เฉียนซี
ต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วเป็นแน่ สามารถทำให้เขาไม่ฟังนายท่านได้ เช่นนั้นก็มีเพียงแค่เรื่องเดียว!
เซี่ยฉี…
ในตอนนี้เองแสงสีขาวก็ได้สว่างวาบ นั่นก็คือหม้อเทพไท่อี หม้อเทพไท่อีแสนดื้อรั้นจึงทำการเนรคุณเจ้านายด้วยการตีเข้าที่หัวของเย่เฉินอย่างแรง
“ท่านมู่กำลังพูดอยู่กับเจ้านะ! นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าเพิกเฉยเช่นนี้ ข้าจะตีหัวเจ้าให้เจ้ากลายเป็นคนโง่ไปเลย!”
เซียวโม่กล่าวอย่างประหลาดใจว่า “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพทุบตีเจ้านายตัวเองได้ด้วยเหรอ”
คนในตระกูลของเขาล้วนแต่เป็นนักหลอมอาวุธทั้งสิ้น ไม่ค่อยเข้าใจเกี่ยวกับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพมากนัก และไม่เคยเห็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพใดที่ทุบตีผู้เป็นนายเช่นนี้
ซี้ด! ศีรษะของเย่เฉินถูกตีจนบวมเป่ง ความเจ็บปวดนั้นทำให้เขาได้สติขึ้นมา
เขามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “นายท่าน คนของเมืองแห่งความโกลาหล พวกมันจับตัวเซี่ยฉีไป”
“แล้วเจ้ายังจะรออันใดอยู่อีกเล่า ไปเมืองเหยียนแล้วถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ไม่ใช่มาทำลายข้าวของอยู่ที่นี่!”
“ขอรับ! ที่นายท่านพูดก็ถูก!” เย่เฉินกล่าวเสียงต่ำ
หญิงสาวผู้เป็นที่รักถูกจับตัวไปแล้ว เย่เฉินรู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง เขาพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ให้เย็นลง
เมืองหนานอวี่ที่เพิ่งจะยึดครองมาได้เมื่อครู่นั้นเขาไม่สนแล้ว ก่อนที่พวกเขาจะใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาที่เร็วที่สุดเป็นพาหนะมุ่งหน้าไปยังเมืองเหยียน
สถานการณ์ของเย่เฉินในตอนนี้ เซียวโม่ก็ไม่กล้าเอ่ยปากถามอันใดมากมาย
เซี่ยฉีชื่อนี้เป็นชื่อสตรี คาดว่าสตรีผู้เป็นดวงใจคงจะถูกจับตัวไป มิเช่นนั้นผู้ที่ใจเย็นมาโดยตลอดอย่างเย่เฉินคงจะไม่เสียสติเช่นนี้
พวกเขามาถึงเมืองเหยียนอย่างรวดเร็วที่สุด เมืองเหยียนนั้นเก่าแก่มากแล้ว ในตอนนี้ก็ทรุดโทรมมากแล้วเช่นกัน
ดูคล้ายกับได้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น และยังไม่ทันได้ซ่อมแซม
พวกเขาตรงไปยังจวนท่านเจ้าเมือง องครักษ์รับรู้ได้ว่ามีคนเข้ามาใกล้จึงกล่าวถามว่า “ใคร!”
เย่เฉินกล่าว “ข้ามาหาท่านเจ้าเมืองเหยียน”
องครักษ์เห็นพวกเขาก็อุทานขึ้นว่า “ท่านเจ้าเมืองเย่!”
“ท่านมู่!”
“รบกวนพวกท่านช่วยท่านเจ้าเมืองด้วยเถอะขอรับ ท่านเจ้าเมือง เท่าเจ้าเมืองเขา…”
เจ้าเมืองเหยียนเป็นคนที่รักบุตรสาวมาก ถึงแม้ว่าเมื่อครั้งนั้นจะดูเหมือนยอมรับนายน้อยของเมืองแห่งความโกลาหลเพื่อที่จะปกป้องบุตรสาวของตนเอง เขาไม่ได้ปฏิเสธ แต่ก็ไม่ได้รับปาก
ถึงแม้ว่าไม่ได้รับปาก แต่ก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว
ผู้ที่นายน้อยของเมืองแห่งความโกลาหลโปรดปราน หากปฏิเสธแล้วละก็ ทางเดียวก็คือความตาย
ในตอนนี้เหยียนเซี่ยฉีรักเย่เฉินอย่างสุดหัวใจ เจ้าเมืองเหยียนก็มองเห็นอนาคตและมองชายหนุ่มผู้นี้ในแง่ดีแล้ว
ถึงแม้ว่าภายนอกมักจะแสดงท่าทีไม่พอใจเย่เฉิน แต่ลึก ๆ ภายในใจก็ยอมรับเขาแล้ว กลับนึกไม่ถึงว่าเมืองแห่งความโกลาหลจะส่งคนมาจับตัวบุตรสาวผู้เป็นที่รักของตนไปเช่นนี้
บุตรสาวของเขานั้นไม่ยอม และแน่นอนว่าเขาก็ไม่ยอมเช่นกัน เจ้าเมืองเหยียนจึงนำกองกำลังตนเองและองครักษ์ที่เย่เฉินให้ปกป้องเหยียนเซี่ยฉีเหล่านั้นไปสู้รบกับคนของเมืองแห่งความโกลาหล
เมืองแห่งความโกลาหลเป็นเมืองกองกำลังระดับสองที่แข็งแกร่งที่สุดในทุ่งรกร้างอันกว้างใหญ่แห่งนี้ คนที่ส่งมานั้นล้วนแต่แข็งแกร่งทั้งสิ้น พวกเขาไม่สามารถต้านทานเอาไว้ได้
เหยียนเซี่ยฉียืนกรานปฏิเสธ จนในที่สุดก็ถูกตีจนสลบและถูกจับตัวไป
ผู้ที่ร่วมศึกรบในครานี้ล้วนแต่ถูกฆ่าตายทั้งสิ้น พวกเขาเห็นแก่ที่เจ้าเมืองเหยียนเป็นท่านพ่อของเหยียนเซี่ยฉี จึงได้ทำร้ายเจ้าเมืองเหยียนเพียงให้บาดเจ็บสาหัส
สูญเสียบุตรสาวอันเป็นที่รักไป ตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีก สถานการณ์ของเจ้าเมืองเหยียนในตอนนี้อันตรายมาก
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปในห้องของเจ้าเมือง และลมหายใจของเจ้าเมืองเหยียนในตอนนี้ก็อ่อนแรงมากจริง ๆ
ฉึก ฉึก ฉึก! เข็มยาหลายเข็มปักเข้าตรงหัวใจของเจ้าเมืองเหยียน ฉับพลันพลังชีวิตของเขาก็เริ่มกลับมาดีขึ้น
ฤทธิ์ของยาไม่ได้ผลพอ เพราะตอนนี้เจ้าเมืองเหยียนไม่มีความปรารถนาที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน เจ้าพูดอะไรให้ท่านเจ้าเมืองเหยียนวางใจสักหน่อยสิ”
เย่เฉินเดินไปข้างเตียงเจ้าเมืองเหยียนและกล่าวว่า “ท่านพ่อตา…”
เป็นเช่นนั้นจริง ๆ เมื่อได้ยินคำเรียกนี้ของเย่เฉิน ชีพจรชีวิตของเจ้าเมืองเหยียนก็แข็งแกร่งขึ้นมาไม่น้อย
เพียงแต่ว่านี่เป็นสิ่งที่ทำให้เจ้าเมืองเหยียนโกรธมาก!
“ข้าจะพาเซี่ยฉีกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้ เซี่ยฉีจะเป็นภรรยาของข้า ท่านพ่อตาต้องกลับมาแข็งแรงและรอดื่มสุรามงคลของพวกเรานะ”
“ข้าจะต้องทำให้ได้ ท่านพ่อตาต้องเชื่อข้า!”
คำพูดของเย่เฉินดูเหมือนจะทำให้เจ้าเมืองเหยียนกลับมามีชีวิตอีกครั้ง
จากนั้นการรักษาในลำดับต่อไปของมู่เฉียนซีก็ราบรื่นขึ้น หลังจากว่าที่พ่อตาพ้นขีดอันตรายแล้ว เย่เฉินก็กล่าวถามพ่อบ้านของจวนเจ้าเมืองว่า “ตกลงมันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?”
.
.