ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1032 จะเป็นของเจ้า
จิ่วเยี่ยเห็นมู่เฉียนซีที่ทำสีหน้าตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก คนที่ปกติฉลาดกว่าใคร ๆ กลับลืมวันเกิดของตัวเองไปได้
ปัง ปัง ปัง!
มีดอกไม้ไฟขนาดใหญ่อีกดอกหนึ่งซึ่งนั่นเป็นดอกกุหลาบสีแดงที่สวยงาม
กุหลาบเบ่งบานและเปลี่ยนเป็นคำไม่กี่คำ
“ซี สุขสันต์วันเกิด”
เหยียนเซี่ยฉีกล่าวอย่างตื่นเต้นว่า “วันนี้เป็นวันเกิดของเฉียนซีนี่เอง”
เซียวโม่กล่าวว่า “เฉียนซีเจ้าช่างใจร้ายเกินไปหน่อยแล้วกระมัง! ฉลองวันเกิดก็ไม่บอกให้พวกเรารู้สักหน่อย”
เย่เฉินกล่าว “ข้าว่านายท่านเองก็คงลืมไปแล้ว”
ชิงอิ่งปรากฏตัวบนต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากมู่เฉียนซี เขามองไปยังมู่เฉียนซีด้วยสายตาสงบนิ่ง
“วันเกิดเฉียน!”
หากกู้ไป๋อีรู้ว่าเขาเพิ่งจากไปแล้วในวันรุ่งขึ้นก็เป็นวันเกิดของมู่เฉียนซี จะต้องกักขังลูกสมุนเหล่านั้นที่มาหาเขาเป็นเวลาหนึ่งร้อยปีอย่างแน่นอน
แต่ถึงแม้ว่าเขาจะไม่พลาดวันเกิดของมู่เฉียนซี แต่ตอนนี้ก็ยังอยู่ในเมืองเย่เซี่ย เขาก็คงจะถูกจิ่วเยี่ยโยนออกไปอยู่ดี
ใบหน้าของจิ่วเยี่ยค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซีอย่างช้า ๆ
มุมปากของเขายกขึ้นเล็กน้อยและกล่าวว่า “ซี สุขสันต์วันเกิดอายุครบสิบเจ็ดปี”
“อื้อ!”
ทันทีที่เขาพูดจบ เขาก็จูบนาง
แม้แต่นางก็ยังลืมวันเกิดของตัวเอง แต่เขากลับจำได้และตั้งใจรีบออกจากแดนคุกเพื่อทำให้นางประหลาดใจเช่นนี้
มู่เฉียนซีรู้สึกตื้นตันใจมาก นางไม่ปฏิเสธ และกอดคอเขาไว้
ปัง ปัง ปัง!
มีดอกไม้นับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นและปกคลุมไปทั่วท้องฟ้า ดอกไม้เหล่านี้มีรูปร่างเหมือนหัวใจเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดวง
ดวงตาทั้งสองข้างของเหยียนเซี่ยฉีเป็นประกายและกล่าวว่า “พี่เย่ ช่างโรแมนติกยิ่งนัก”
ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกมาก ในขณะที่ราชาจิ่วเยี่ยกอดคนรักของตนเองเอาไว้และทั้งสองก็จุมพิตกันอย่างรักใคร่
แต่…
จอมภูตธาตุไฟเหล่านั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในเมืองเย่เซี่ย ตอนนี้กลับกำลังทุกข์ยาก
“ท่านจื่อโยว พลังวิญญาณของข้ากำลังจะหมดลงแล้ว”
“ท่านจื่อโยว…”
“……”
ฉากที่โรแมนติกและสวยงามเช่นนี้ สามารถระดมผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟได้ไม่น้อยเลย
ภาพทิวทัศน์ที่งดงามกลางอากาศเช่นนี้ช่างบีบคั้นพลังวิญญาณยิ่งนัก หากต้องการที่จะทำออกมาคงมิใช่เรื่องที่เบาสบายธรรมดาทั่วไป
จื่อโยวกล่าว “เจ้าต้องอดทนไว้ หากไม่มีสมุนไพรวิญญาณก็กินยาเม็ดเสริม หากไม่สำเร็จละก็ ข้าจะทำลายพวกเจ้า”
ค่ำคืนแสนโรแมนติกที่ตนเองวางแผนไว้ หากมีอะไรผิดพลาดจนทำให้ฝ่าบาทของพวกเขาไม่พอใจละก็ ก็ไม่รู้ว่าพวกเขาจะถูกโยนไปที่รกร้างแห่งไหนกัน!
ชิงเฉินยืนดูละครอยู่ด้านข้าง “หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้? เจ้าก็ไม่ควรที่จะคิดออกมาให้มันยากขนาดนั้น”
จื่อโยวกล่าว “จิ่วเยี่ยมิใช่คนธรรมดาทั่วไป ย่อมต้องใช้วิธีที่โรแมนติกที่สุดในการฉลองวันเกิดกับสาวน้อยคนงาม”
จิ่วเยี่ยเองคิดเรื่องพวกนี้ไม่ออกอย่างแน่นอน ดังนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังจึงเป็นจื่อโยวนั่นเอง
สำหรับเรื่องนี้ จื่อโยวนั้นเก่งมาก แต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์มันจะเกินไปแล้ว!
“ต้องรักษาไว้!” จื่อโยวกล่าว
เป็นเวลากว่าหนึ่งปีแล้วที่ผู้เป็นนายของพวกเขาที่ไม่รู้ว่าการจูบคืออะไร ตอนนี้ทักษะการจูบของเขากลับเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และยังไม่จบสิ้น
ด้านนั้นยังไม่จบ ผู้ใช้จิตวิญญาณธาตุไฟที่อยู่ด้านล่างทำได้เพียงอดทนต่อดอกกุหลาบรูปหัวใจที่ลอยอยู่กลางอากาศ
จื่อโยวถอนหายใจ “เฮ้อ! ทำไมข้ารู้สึกเหมือนเยี่ยเป็นศิษย์ที่ได้วิชาจากครูแต่เก่งกว่าครู ข้ายังจำเป็นต้องอยู่หรือไม่?”
ท่ามกลางทะเลหัวใจ ใบหน้าของมู่เฉียนซียิ่งสับสนมากขึ้น ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งสองจะแยกออกจากกันในที่สุด
ดวงตาทั้งคู่สบตากัน ราวกับจะประทับวิญญาณของกันและกันไว้ในก้นบึ้งหัวใจ
จื่อโยวถอนหายใจด้วยความโล่งอก ไม่นานนักก็ได้ปรากฏผ้าสีแดงที่ได้ใช้เปลวเพลิงสร้างขึ้นมาบนท้องฟ้า มันงดงามยิ่งกว่างานเลี้ยงแต่งงานที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเสียอีก
เหยียนเซี่ยฉีกล่าวต่อว่า “พี่เย่ ผ้าสีแดงนี้ดูราวกับว่าเป็นพิธีแต่งงานเลย ท่านคิดว่าท่านผู้นั้นคิดจะขอเฉียนซีแต่งงานหรือไม่?”
จิ่วเยี่ยมองไปที่มู่เฉียนซีและขอแต่งงาน เขาเคยขอแต่งงานไปนานแล้ว และซีซีก็ตอบตกลง
แต่การขอแต่งงานอย่างเป็นทางการ กลับยังไม่ถึงเวลา
จื่อโยวเข้าใจสิ่งที่ฝ่าบาทของตนกำลังคิดอยู่ทั้งหมด ขณะที่คำสาปยังไม่ถูกถอนออกไป เยี่ยคงจะไม่ขอสาวน้อยคนงามแต่งงานอย่างเป็นทางการ
แต่เพื่อตอบสนองความปรารถนาของฝ่าบาทของเขา จึงมีฉากของผ้าสีแดงสิบลี้ที่ปกคลุมท้องฟ้านี้
มู่เฉียนซีเบิกตากว้าง “จิ่วเยี่ย เจ้า…”
จิ่วเยี่ยกอดมู่เฉียนซีแน่นและกล่าวว่า “ซีเคยบอกว่า เมื่อเจ้ารักษาข้าหาย เจ้าจะต้องการข้าใช่หรือไม่?”
รัศมีของแสงสีแดงที่อยู่บนท้องฟ้าขับเน้นให้ใบหน้างดงามไร้เทียมทานนี้ยิ่งทำให้ดูน่าหลงใหลยิ่งขึ้น ดวงตาลึกล้ำคู่นั้นมองนางเช่นนี้ ทำให้ผู้คนหลงใหลอยู่ในนั้นจนมิอาจถอนตัวได้
มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอน สิ่งที่ข้าพูดเองย่อมจำได้อยู่แล้ว คำสาปของเจ้ายากที่จะแก้ได้ ดังนั้นจึงต้องเป็นสิ่งที่มีค่าอย่างมากถึงจะสามารถชดเชยค่ารักษาพยาบาลของข้าได้”
มู่เฉียนซียกมือขึ้นจับคางที่อันแสนประณีตของเขาพลางกล่าวว่า “และสำหรับข้าแล้ว เจ้ามีค่าที่สุด ดังนั้นข้าต้องการเจ้า”
ทันใดนั้นใบหน้าเย็นชาและไร้ที่ตินั่นก็เผยรอยยิ้มที่ทำให้ทุกอย่างโดยรอบต่างซีดจางออกมา
“ข้าจะเป็นของเจ้า!”
เมื่อจิ่วเยี่ยกล่าวจบ ผ้าสีแดงในอากาศก็ก่อตัวเป็นเกลียวและรวมกันเป็นคำไม่กี่คำ
“รักเจ้า ชั่วนิรันดร์ ซี!”
จิ่วเยี่ยกัดติ่งหูมู่เฉียนซีเบา ๆ แล้วกล่าวว่า “รักเจ้า ชั่วนิรันดร์! ซี!”
นี่เป็นการสารภาพรักที่แท้จริงของจิ่วเยี่ย เพียงแค่ประโยคง่าย ๆ ไม่กี่ประโยคเท่านั้น ไม่ต้องใช้สวรรค์หรือผืนดินเป็นพยาน แต่นำความยึดมั่นถือมั่นในชีวิตนิรันดร์ของเขามาแทน
เขากอดมู่เฉียนซีแน่นและกล่าวว่า “ซีไม่จำเป็นต้องทำอะไรเลย…”
เมื่อจิ่วเยี่ยกล่าวจบ เขาก็จุมพิตไปบนริมฝีปากของมู่เฉียนซี
เดิมทีในใจของนางแปรปรวน ในใจของนางคิดอยู่หลายอย่างจนพูดไม่ออก
ตอนนี้ถูกริมฝีปากของจิ่วเยี่ยอุดไว้ก็ยิ่งพูดไม่ออก
นางรู้ว่าเขาจะต้องเป็นของนาง และนางจะต้องทำให้คำสาปบ้านั่นหายไปให้ได้
ไม่ใช่ว่านางไม่อยากได้ยินคนที่รักพูดประโยคนี้ นางเองก็รักเขา รักมาก ๆ!
แต่เขาไม่อยากฟัง!
ถ้านางรักเขาน้อยลงสักหน่อย แม้ในที่สุดพวกเขาจะไม่สามารถต่อต้านคำสาปโบราณได้ นางก็จะไม่เจ็บปวดจากการสูญเสียเขา
สำหรับการเป็นผู้จัดงานเลี้ยงฉลองการบอกรักในครั้งนี้ จื่อโยวได้เอามือคลึงขมับแล้วกล่าว “หวังว่าสวรรค์คงจะไม่ทรมานเยี่ยของพวกเราให้มากเกินไปนัก”
ก่อนหน้านี้เขาเกลียดชังความรักเป็นอย่างมากมาโดยตลอด สำหรับเขาแล้วอิสตรีเป็นเพียงแค่ของเล่นเท่านั้น แต่ทว่าต้องยอมรับเลยว่าได้ถูกนายท่านของตนนั้นทำให้เกิดความหวั่นไหวขึ้นเสียแล้ว
ซิงเฉินแค่นยิ้มออกมาแล้วกล่าว “เจ้าหวังว่าสวรรค์จะเมตตาหรือหวังว่านายท่านจะทำลายล้างสวรรค์ให้สิ้นซาก หากเป็นเช่นนั้นเมื่อถึงเวลาแล้วก็จะไม่มีผู้ใดสามารถมาหยุดยั้งความสุขของเขาได้”
จื่อโยวยิ้มและกล่าวว่า “ใช่แล้ว!”
เขากล่าวว่า “เปิดไฟ!”
มีโคมไฟสีแดงเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดวงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า ทำให้เมืองเย่เซี่ยทั้งเมืองดูราวกับอยู่ในความฝัน
โคมที่ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ ส่องแสงเหมือนดวงดาว ทำให้ทุ่งรกร้างที่เงียบสงัดและมืดมิดแห่งนี้กลายเป็นความสวยงามอย่างหาที่เปรียบมิได้
มู่เฉียนซีเองก็ตะลึงงันเช่นกัน ทิวทัศน์ที่สวยงามไม่มีใครที่ไม่ชอบ
และบนโคมเก้าพันเก้าร้อยเก้าสิบเก้าดวงมีชื่อของพวกเขาสองคนสลักไว้
มู่เฉียนซีเอนกายพิงอกของจิ่วเยี่ยอย่างเกียจคร้านพลางยิ้มและกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย ขอบคุณนะ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเตรียมงานฉลองวันเกิดที่สวยงามเช่นนี้ให้กับข้า”
“ซี แค่ขอบคุณด้วยวาจาเท่านั้นยังไม่พอ?” จิ่วเยี่ย กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ