ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1097 นิรันดร์เข้มงวดแล้ว
ปรมาจารย์จางโมโหจนแทบช้ำใน ส่วนมู่เฉียนซีที่ได้นำสมุนไพรวิญญาณออกมามากพอก็เริ่มหลอมยาแล้ว
ยาหลงหลิง เป็นยาเม็ดระดับปฐพีขั้นสูงที่ยากต่อการจะหลอมออกมาได้ แม้แต่ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเองก็ไม่แน่ว่าจะสามารถหลอมออกมาได้
เห็นได้ชัดว่าปรมาจารย์จางไม่ได้เตรียมมาเพื่อให้นางทำการทดสอบนี้สำเร็จ
แต่ระดับปฐพีขั้นสูงนางสามารถรับการท้าประลองได้
มู่เฉียนซีตั้งใจปรุงยาอย่างใจจดใจจ่อ มองไปที่สมุนไพรวิญญาณที่มู่เฉียนซีใส่ลงไป นักปรุงยาคนอื่น ๆ ต่างก็ตะลึงงัน
“ยาหลงหลิง นี่คือการปรุงยาหลงหลิง!”
“การทดสอบนี้กลับมีผู้ที่จับสลากได้ยาชนิดนี้”
“……”
คนอื่น ๆ ล้วนเป็นยาเม็ดธรรมดา ๆ ระดับความยากในการหลอมนั้นอยู่ที่ปานกลาง แต่ยาหลงหลิงเป็นอะไรที่ยากลำบากอย่างแน่นอน
“ปรมาจารย์จาง!” เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่เขาอย่างเย็นชา
ปรมาจารย์จางยิ้มและกล่าว “ข้าสุ่มหยิบสูตรโอสถของยาหลงหลิงใส่เข้าไป โดยไม่คิดว่าจะมีใครหยิบได้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยผู้นั้นจะโชคดีหยิบได้เช่นนี้”
“ใส่สูตรโอสถนี้เข้าไป เพียงเพื่อหาผู้ชนะที่เหนือความคาดหมายเท่านั้น เฟิงอวิ๋นซิวไม่จำเป็นต้องกังวลไป มู่หรงเฉียนเยี่ยนั่นไม่ใช่ว่าสามารถที่จะหลอมยาเม็ดระดับปฐพีขั้นสูงได้หรือ? สันนิษฐานว่ามู่เฉียนซีผู้นี้ก็คงสามารถหลอมออกมาได้เช่นกัน”
ทันทีที่เขาพูดจบ อาถิงก็กล่าวว่า “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว แผนการนี้ของเจ้า ไม่ได้อยู่ในสายตาสักนิด เจ้าคอยถ่างตาดูเอาเถอะ!”
ยาเม็ดระดับปฐพี มู่เฉียนซีไม่ต้องการความช่วยเหลือจากนิรันดร์ แต่นิรันดร์กลับตื่นขึ้นมาแล้ว
นิรันดร์ยิ้มและกล่าวว่า “ที่รัก พวกเรามาหลอมยาเม็ดระดับปฐพีที่จะทำให้พวกเขาต้องตกตะลึงกันเถอะ! มันต้องออกมาสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน!”
“ต่อไป ข้าจะแสดงอะไรให้เจ้าดู เจ้าดูให้ดีดีล่ะ!”
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงจิตของตนเองที่ลอยเข้าไปในมิติ
นางถามขึ้นว่า “นิรันดร์ ที่นี่ที่ไหน?”
“นี่คือในมิติของหม้อเทพนิรันดร์และต่อไปข้าก็จะปรุงยาแล้ว เจ้าดูให้ดีล่ะ!”
หนึ่งคน หนึ่งหม้อ และหนึ่งกองสมุนไพรวิญญาณ ทันใดนั้นก็ได้หลอมรวมเป็นหนึ่ง ท่วงทำนองเช่นนี้ ช่างน่าสนใจเสียจริง
มู่เฉียนซีเข้าไปในมิติของหม้อเทพนิรันดร์เพื่อชมการปรุงยาของนิรันดร์ และแน่นอนว่าภายนอกนั้นไม่มีการเคลื่อนไหวใด ๆ
ฟึ่บ! สมุนไพรวิญญาณทั้งหมดที่ใส่เข้าไปถูกเผาทำลาย
ปรมาจารย์จางกล่าวว่า “ดูเหมือนว่าสาวน้อยผู้นี้จะไม่สามารถทำได้! นี่แค่เพียงเริ่มต้นก็เกิดสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นแล้ว”
“เฉียนซี!” เฟิงอวิ๋นซิวเองก็ยังรู้สึกว่าสถานการณ์ของมู่เฉียนซีดูมีปัญหาเล็กน้อยราวกับว่านางขาดสติไปอย่างนั้น
ภายนอกมู่เฉียนซีไม่สามารถเบี่ยงเบนความสนใจของตนเองจากการกลั่นยาได้ และปรมาจารย์จางก็ได้กล่าวขึ้นว่า “นางยอมแพ้อย่างสมบูรณ์แล้วและข้าขอประกาศว่ามู่เฉียนซีสละสิทธิ์!”
อาถิงลุกขึ้นมากล่าวว่า “ผู้เฒ่าอย่างเจ้าอย่าได้พูดเหลวไหล! นางไม่ได้บอกว่าจะสละสิทธิ์ และแม้ว่าเจ้าจะเป็นกรรมการในการแข่งขันปรุงยาในครั้งนี้ แต่เจ้าก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะบอกว่านางสละสิทธิ์”
ในฐานะเป็นผู้ทำพันธสัญญาของมู่เฉียนซี อาถิงย่อมรู้ดีว่ามู่เฉียนซีกับนิรันดร์กำลังทำอะไร?
ผู้ที่มีเพียงแต่เรื่องสตรีในหัวอย่างนิรันดร์ในที่สุดก็คิดขึ้นมาได้แล้วว่าควรจะสอนบางสิ่งที่มีประโยชน์ให้กับนางผู้หญิงบ้าเสียที และแม้ว่าอาถิงจะดูถูกนิรันดร์เพียงใด แต่เขาก็ยังคงยอมรับในทักษะการปรุงยาของนิรันดร์
เขาเชื่อมโยงกับชีวิตของมู่เฉียนซีและรู้เป้าหมายของมู่เฉียนซีดี
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “ข้าก็คิดว่าเฉียนซีไม่ใช่คนที่ยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนั้น ตัวนางเองไม่ได้บอกว่าจะสละสิทธิ์ เวลาการแข่งขันยังไม่สิ้นสุด นางก็จะยังไม่แพ้”
ปรมาจารย์จางกล่าว “หึ! ข้าจะคอยดูว่านางจะยืนด้วยใบหน้าโง่ ๆ อยู่ตรงนั้นไปถึงเมื่อไหร่กัน?”
มู่เฉียนซีไม่ได้ยืนโง่ ๆ และตอนนี้นางได้รับความรู้มากมาย
ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างตัวนางกับนิรันดร์นั้นต่างกันมากเพียงใด ช่างน่าตกใจมาก!
มุมปากของนิรันดร์ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มตื้น ๆ “ที่รัก มันไม่ง่ายเลยที่จะสู้ข้าได้ใช่หรือไม่ ข้ามองเห็นความมุ่งมั่นในการต่อสู้จากดวงตาของเจ้า”
“ข้าดำรงอยู่มาตั้งแต่จุดเริ่มต้นแห่งความโกลาหลและได้ศึกษาการปรุงยามาเป็นเวลาหลายปีเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ดังกล่าว สาวน้อยคนสวยในตอนนี้พึ่งจะอายุสิบกว่าปีเท่านั้น ข้าจะเฝ้ารอคอยให้เจ้าเหนือกว่าข้า”
ดวงตาของมู่เฉียนซีเป็นประกาย เหนือกว่า?
นิรันดร์กล่าวว่า “เมื่อที่รักเหนือกว่าข้าแล้ว เจ้าจะทำอะไรกับข้าก็ได้! จริง ๆ เมื่อเทียบกับการปรุงยาแล้ว ข้าก็มีความชำนาญ…”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นอย่างรุนแรง และกล่าวว่า “นิรันดร์ ข้าไม่สนใจสิ่งอื่น ๆ ที่เจ้าชำนาญหรอก”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร! มันยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน เหตุผลที่ที่รักไม่ชอบ มันต้องเป็นเพราะทักษะของชายผู้นั้นมันแย่เกินไป เจ้ารอให้ข้าฟื้นฟูร่างกาย…”
มู่เฉียนซีรีบพูดขัดจังหวะว่า “เจ้ายังไม่ต้องพูดต่อ ข้าเรียนมามากแล้ว แต่ข้ายังไม่รู้ว่าข้าจะควบคุมความร้อนได้มากแค่ไหน”
“ท้ายที่สุดจะสามารถควบคุมได้แค่ไหน ที่รักไปลองดูก็จะรู้ ข้าจะอยู่เคียงข้างเจ้าเสมอ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ใช่! ถึงเวลาที่ข้าต้องลองแล้ว”
จิตของมู่เฉียนซีถูกดึงออกมาจากมิติหม้อเทพนิรันดร์ จากนั้นก็เริ่มปรุงยา
สมุนไพรวิญญาณชุดแรกแน่นอนว่าถูกทำลายไปแล้ว แต่นางยังมีอีกอย่างน้อยก็สองสามร้อยชุดอยู่ที่นี่ และนางก็ไม่กลัวที่จะสิ้นเปลืองมัน
ตอนนี้ เวลาของการแข่งขันผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้ว
มู่เฉียนซีหลอมยาอีกครั้ง เฟิงอวิ๋นซิวยิ้มและกล่าวว่า “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเฉียนซีจะไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ เช่นนั้นแน่”
อาถิงกล่าวอย่างเย็นชา “นี่ยังต้องพูดอีกหรือ?”
ผลลัพธ์เข้าสู่ครึ่งทางแล้ว นิรันดร์กล่าวว่า “ที่รัก ความถี่การหมุนของสมุนไพรวิญญาณในเปลวไฟมีความเบี่ยงเบนบางอย่าง ไม่ผ่าน!”
ฟึ่บ! สมุนไพรวิญญาณนั้นถูกเผาทำลายอีกครั้งและคราวนี้มันยังคงล้มเหลว
ปรมาจารย์จางยิ้มอย่างเย็นชาและกล่าวว่า “มันดูไม่เข้าท่าเลยที่จะดิ้นรนอย่างยากลำบากเช่นนี้”
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ปรุงยาต่อ ปรุงยามาแล้วมากกว่าสิบครั้งแต่ก็ล้วนถูกนิรันดร์ปฏิเสธ
แม้ว่านิรันดร์จะทำตัวตามอำเภอใจไร้ระเบียบ แต่กับการควบคุมการปรุงยาของมู่เฉียนซีนั้นเข้มงวดมาก
มู่เฉียนซียังคงปรุงยาเช่นนี้ต่อไป มันสามารถประสบความสำเร็จและชนะได้ แต่ยังไม่สามารถตอบสนองความต้องการของนางได้
เมื่อเผชิญกับนิรันดร์ที่เข้มงวด มู่เฉียนซีกลับไม่ได้โกรธ นิรันดร์ในแบบนี้ดีกว่าเขาที่ทำตัวตามอำเภอใจอยู่มาก
ดูเหมือนว่าเหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งชั่วยามในการแข่งขันเท่านั้น
เวลาหนึ่งชั่วยาม หากคิดที่จะหลอมยาเม็ดระดับปฐพีขั้นสูง นั่นมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน!
มู่เฉียนซี คงถูกลิขิตให้ถูกตัดออกในรอบแรกเสียแล้ว
มู่เฉียนซีค่อย ๆ เข้าสู่สภาวะที่ดีขึ้น และเข้าสู่ความรู้สึกนั้นของการปรุงยาของนิรันดร์
หลังจากที่นางทุ่มลงไปอย่างถึงที่สุด มู่เฉียนซีก็สังเกตเห็นสภาวะที่ยอดเยี่ยมนั้นและทำให้ทุกคนในสนามแข่งขันต่างให้ความสนใจ
แม้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะไม่ใช่นักปรุงยา แต่เขาก็รู้ว่ามู่เฉียนซีนั้นไม่เหมือนเดิม
ปรมาจารย์จางตัวสั่นและกล่าวว่า “นี่คือ… นี่คือสภาวะการรวมกันของวิญญาณสมุนไพร ในหมื่นปีมันยากที่จะมีคนที่สามารถบรรลุสภาวะการรวมกันของวิญญาณสมุนไพรได้ แต่นางกลับทำได้แล้ว”
“นางทำได้อย่างไรกัน?”
“……”
ในเวลานี้ ทั่วทั้งสนามแข่งขันกำลังเดือดพล่าน
สภาวะเช่นนี้ พวกเขาไล่ตามมาตลอดชีวิตก็ไม่สามารถทำได้ แต่สาวน้อยที่อายุพึ่งจะสิบเจ็ดปีกลับทำได้
ปรมาจารย์จางกล่าวอย่างเดือดดาลว่า “สามารถบรรลุถึงขั้นนี้แล้วอย่างไร? เวลากำลังจะหมดลงแล้ว และนางไม่มีทางปรุงยาสำเร็จได้อย่างแน่นอน”
เมื่อเข้าสู่สภาวะเช่นนี้ มู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าจิตวิญญาณของตนเองกำลังจะยกระดับขึ้นแล้ว มันยอดเยี่ยมมากเสียจนทำให้ตัวสั่นด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่าจะตื่นเต้นแต่การเคลื่อนไหวมือของนางก็ไม่สามารถช้าได้! ต้องปรุงยาหลงหลิงให้สำเร็จก่อนสิ้นสุดการแข่งขัน แม้ว่าจะมีเวลาเหลือไม่มากก็ตาม