ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1106 เป้าหมายคือคว้าอันดับหนึ่ง
มู่เฉียนซีก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อยจึงได้ส่งเสียงพูดกับอาถิงผ่านทางจิต “นึกไม่ถึงว่าอายุจะมากถึงเพียงนี้!”
“อายุจริง ๆ ของข้ามากกว่านี้ด้วยซ้ำ ต้องเล่นใหญ่สักหน่อยสิ คนอย่างข้าจะยอมอายุน้อยกว่าคนอื่นได้อย่างไรกันเล่า คราวนี้เจ้ายังจะหาว่าข้าไร้เดียงสาอยู่อีกหรือไม่ล่ะ?”
มู่เฉียนแอบวิจารณ์อยู่ในใจ เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าการที่อาถิงทำเช่นนี้มันยิ่งไร้เดียงสามากขึ้นล่ะ
การประลองปรุงยาอายุไม่เกินหมื่นปี ตรวจสอบเพียงแค่อายุ ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบความแข็งแกร่ง
อายุยังไม่ถึงหนึ่งหมื่นปี นับว่ามีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเข้าร่วมการประลอง!
คนผู้นั้นกล่าวว่า “ท่านหมอปีศาจ เชิญด้านในขอรับ!”
สีหน้าของคนอื่นดูแย่ลงทันใด พวกเขาเคยได้ยินชื่อเสียงอันลือเลื่องของหมอปีศาจมาแล้ว อีกทั้งเคยได้ยินถึงความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีมาอีกด้วย ดังนั้นพวกเขาจึงยิ่งหวาดกลัวหมอปีศาจมากยิ่งขึ้น
เดิมทีคิดว่าหมอปีศาจนั้นยังอายุน้อย พวกเขาก็คงจะได้เปรียบในเรื่องของประสบการณ์ ทว่า ในตอนนี้…
เขาอายุมากถึงเพียงนี้ แม้แต่ความได้เปรียบทางด้านประสบการณ์ พวกเขาก็ไม่อาจเทียบเขาได้เลย
ดูท่าคงจะคว้าสมุนไพรขั้นสวรรค์อย่างหญ้าจิ่วอินหยวนมาไม่ได้แล้ว
การประลองยังไม่ทันได้เริ่มขึ้น นักปรุงยาผู้เข้าร่วมหลายคนต่างก็ตกใจกับอายุของเขาจนเสียความมั่นใจไปแล้ว
ณ ที่นี้ไม่มีผู้เข้าร่วมประลองคนใดที่อายุครบหมื่นปีพอดี ดังนั้น ‘หมอปีศาจ’ จึงเป็นผู้ที่อาวุโสที่สุดในหมู่ของพวกเขาแล้ว ในวันนี้ไป๋เหยียนเอ๋อร์เองก็มาร่วมชมการประลองด้วยเช่นกัน เมื่อนางได้รู้ถึงอายุของหมอปีศาจแล้ว นางจึงเอ่ยปากกล่าวว่า “ดูไปแล้วก็งั้น ๆ มีชีวิตมานานจวนจะครบหมื่นปีแล้ว แต่มีความสำเร็จได้เพียงแค่เท่านี้ พรสวรรค์ก็ธรรมดา หากเป็นคนอื่นก็คงจะเหนือกว่านี้ไปแล้วล่ะ”
“พรสวรรค์ของท่านพ่อเหนือกว่าเขาตั้งเยอะ”
คำพูดนี้ของบุตรสาวทำให้เขารู้สึกดีมาก!
ตลอดเวลาที่ผ่านมามีกู้ไป๋อีคอยกดเขาอยู่ตลอด เขาเกลียดที่สุดเวลาที่มีคนพูดว่าพรสวรรค์ของเขานั้นธรรมดา
ทว่า พรสวรรค์ของหมอปีศาจจะธรรมดาจริง ๆ เหรอ?
เฟิงอวิ๋นซิวตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “คนเช่นนี้ มาปรากฏตัวอยู่ในดินแดนสี่ทิศได้อย่างไรกัน?”
อายุมากจนปูนนี้แล้ว หากพลังไม่ทะลวงสูงขึ้นกว่านี้ ต่อให้ไม่ได้นับว่าเป็นสวะไร้ประโยชน์ พรสวรรค์ก็คงจะธรรมดา
แต่คนที่เฉียนซีนับถือนั้นจะเป็นคนธรรมดาได้เช่นไรกันล่ะ!
หรือว่าที่เขาอยู่ที่ดินแดนสี่ทิศก็เพื่อเฉียนซี หรืออีกอย่าง เขามาจากที่อื่นก็เพื่อเฉียนซี
เกรงว่าจะมีเพียงแค่สาเหตุนี้เท่านั้นแล้ว!
ปรมาจารย์จางก็เป็นผู้เข้าร่วมประลองการปรุงยาในครั้งนี้เช่นกัน เขาจึงไม่ได้ทำหน้าที่เป็นพิธีกรแล้ว
และผู้ที่ทำหน้าที่เป็นพิธีกรในครั้งนี้ก็คือชายชราร่างเตี้ยต่ำท่านหนึ่ง
ชายชราท่านนี้มีอายุเกินหมื่นปีแล้ว และเป็นคนที่ผู้จัดการประลองการปรุงยาในครั้งนี้เชิญมา
ส่วนกรรมการตัดสินก็เป็นผู้จัดการประลองการปรุงยาในครั้งนี้เชิญมาเช่นกัน
นักปรุงยาร่างเตี้ยต่ำท่านนี้ยิ้มพลางกล่าวว่า “เด็กน้อยสมัยนี้ล้วนแต่ชอบทำตัวแก่เกินวัย เจ้าช่างทำให้ข้ารับไม่ได้จริง ๆ ส่วนข้า ถึงแม้ว่าอยากจะทำตัวเป็นเด็กมากเพียงใด แต่ข้าก็เสแสร้งแกล้งทำไม่ได้”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น เขาเรียกว่าเด็กน้อยเหรอ!
ปรมาจารย์ท่านนี้ก็เพิ่งจะอายุผ่านหมื่นปีเมื่อไม่นานมานี้เอง นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าเรียกหมอปีศาจว่าเด็กน้อย!
ชอบทำตัวแก่อย่างนั้นเหรอ! หมอปีศาจนะเหรอที่แสร้งทำตัวแก่ เป็นไปไม่ได้ การตรวจสอบอายุเช่นนี้จะไม่อาจหลอกลวงกันได้
มู่เฉียนซีก็ตกใจผงะไปเช่นกัน นึกไม่ถึงเลยว่าตาเฒ่าผู้นี้จะดูออก สมกับที่มีอายุยาวนานนับหมื่นปีจริง ๆ สายตาแหลมคมมาก
“ท่านอย่าได้พูดจาซี้ซั้ว!” มู่เฉียนซีมองหน้าเขาพลางกล่าว
ชายชราร่างเตี้ยต่ำผู้นี้ยิ้มพลางกล่าว “ข้าไม่ได้พูดจาซี้ซั้ว ถึงแม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเจ้าใช้ยาลูกกลอนใดหลอกลวงอายุ แต่ข้าอายุแก่จนปูนนี้แล้ว สำหรับกลิ่นอายของคนที่อายุไล่เลี่ยกันกับข้านั้นข้าย่อมรู้ดี แต่กลิ่นอายของเจ้า กลับมีกลิ่นอายของคนรุ่นเยาว์วัยอยู่”
“อายุของเจ้าไม่มีทางเกินพันปีแน่นอน เก้าสี่ตัว ตัดทิ้งออกไปตัวหนึ่งก็เห็นทีจะได้” น้ำเสียงของเขานั้นมั่นใจมาก!
เขามองออกเพียงแค่อายุของนางยังไม่มากถึงเพียงนั้น แต่เขามองไม่ออกว่าอายุที่แท้จริงของมู่เฉียนซีนั้นเท่าใด
ทว่า ไม่ว่าสายตาของชายชราผู้นี้จะเฉียบแหลมเพียงใด แต่เขาก็คิดไม่ถึงแน่นอนว่าหมอปีศาจผู้นี้ ก็คือมู่เฉียนซี ผู้ที่คว้าอันดับหนึ่งมาได้จากการประลองการปรุงยาอายุไม่เกินร้อยปี
นักปรุงยาที่อายุไม่เกินร้อยปี หรืออายุไม่เกินห้าร้อยปี ไม่มีทางที่จะเข้าร่วมการประลองการปรุงยาอายุไม่เกินหมื่นปีแน่นอน เพราะนั่นก็เท่ากับเป็นการรนหาที่ตาย!
ชายชราผู้นั้นกล่าว “เด็กน้อย เจ้าอย่าได้ตื่นตระหนกไป ต่อให้ข้ารู้ แต่ข้าก็ไม่มีหลักฐาน นับว่าเจ้าไม่ได้ทำผิดกฎ ตั้งใจประลองให้เต็มที่ ข้าตั้งตารอคอยผลลัพธ์ในการประลองครั้งนี้มาก”
นี่เป็นการทำผิดกฎการประลองอย่างโจ่งแจ้ง แต่ผู้คนไม่สามารถจับพิรุธได้เลย
แต่ไม่ว่าอย่างไรอายุของเขาก็ไม่เกินหมื่นปีอยู่ดี คนอื่นก็พูดอะไรไม่ได้
เมื่อรู้ว่าอายุของหมอปีศาจผู้นี้ไม่ได้มากเกินไปถึงเพียงนั้น ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาที่เสียความมั่นใจในเมื่อครู่ก็กลับมามีความมั่นใจขึ้นอีกครั้ง!
จากนั้นชายชราร่างเตี้ยต่ำผู้นั้นก็กล่าวว่า “บัดนี้ ข้าจะเริ่มประกาศการประลองแล้ว พวกเจ้าเตรียมตัวขึ้นแท่นปรุงยาได้!”
“เนื้อหาในการประลองนั้นง่ายมาก ให้พวกเจ้าหลอมยาลูกกลอนขั้นสูงที่สุดที่พวกเจ้าจะหลอมได้ ระดับสูงที่สุด และคุณภาพก็ต้องดีที่สุดด้วยถึงจะผ่าน! การประลองในครั้งนี้มีเวลาให้พวกเจ้าหกชั่วยาม!”
นี่เป็นการประลองที่เหมือนกันกับการประลองในด่านที่สองของอายุไม่เกินร้อยปี!
ชายชราร่างเตี้ยต่ำกล่าว “การประลองในครั้งนี้มีเพียงด่านเดียวเท่านั้น! ผู้ที่คว้าอันดับหนึ่งไปได้จะได้หญ้าจิ่วอินหยวนเป็นรางวัล ส่วนผู้ที่ได้อันดับสอง……”
รางวัลในการประลองปรุงยาอายุไม่เกินหมื่นปีนี้ไม่ใช่สิ่งที่การประลองปรุงยาอายุไม่เกินร้อยปีสามารถเทียบได้ มันล้ำค่ามากกว่าที่ดินแดนสี่ทิศจะมาถึงขั้นนี้ได้
“เริ่มการประลองได้ ณ บัดนี้!”
ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาที่มีชื่อเสียงอันลือเลื่องในแดนตะวันออกเหล่านี้ต่างก็ใจจดใจจ่อและเริ่มปรุงยาแล้ว
มู่เฉียนซียังคงไร้ซึ่งการเคลื่อนไหวใด ๆ เป้าหมายของนางคือคว้าอันดับหนึ่ง ดังนั้นจะเกิดข้อผิดพลาดใดไม่ได้เด็ดขาด
นางต้องรู้ก่อนว่าคนอื่นจะหลอมยาลูกกลอนชนิดใด นางถึงจะเริ่มลงมือได้!
สำหรับเรื่องที่คนอื่นหลอมยาลูกลอนชนิดใดนั้น ไม่จำเป็นต้องให้นิรันดร์ช่วย นางสังเกตเองอย่างละเอียดก็พอจะรู้ได้แล้ว
ชายชราท่านหนึ่งยืนข้างกายชายชราร่างเตี้ยต่ำและกล่าวว่า “ท่านปรมาจารย์ไป๋อวิ๋น คนอื่นล้วนแต่เริ่มปรุงยากันแล้ว แต่เจ้าเด็กนั่นยังไม่ลงมือเคลื่อนไหวใด ๆ เลย เขาจะเย่อหยิ่งประเมินคู่ต่อสู้ต่ำเกินไปหรือไม่ การประลองมีเวลาเพียงแค่หกชั่วยามเท่านั้น เขากลับยังปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์เช่นนี้อีก”
ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นยิ้มพลางกล่าว “เจ้าไม่ได้ดูการประลองในรุ่นอายุไม่เกินร้อยปีนั่นเจ้าไม่รู้หรอก สาวน้อยผู้ที่คว้าอันดับหนึ่งไปได้ผู้นั้นก็เป็นคนสุดท้ายที่เริ่มปรุงยาเช่นกัน เพราะพวกเขามีเป้าหมายเหมือนกัน ก็คือคว้าอันดับหนึ่ง!”
“ต้องการคว้าอันดับหนึ่งมาได้นั้น ไม่เพียงแต่ต้องมีความสามารถในการปรุงยาที่แข็งแกร่งเท่านั้น ต้องรู้ด้วยว่าคนอื่นเขาหลอมยาลูกกลอนชนิดใด เป็นยาขั้นใด และระดับใด เช่นนี้ถึงจะมีความมั่นใจที่จะเอาชนะได้มากขึ้น”
“ท่านปรมาจารย์ไป๋อวิ๋น ต่อให้รู้ว่าคนอื่นหลอมยาขั้นใดระดับใด แต่สูตรยาที่ตนเองมั่นใจกลับมีเพียงแค่ไม่กี่สูตร เมื่อถึงตอนนั้นหากมีคนหลอมออกมาเหนือกว่ามันก็ไร้วิธีแก้ไขแล้ว ช่างเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์เสียจริง”
คนอื่นก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้สังเกตคู่ต่อสู้เหมือนอย่างมู่เฉียนซี แต่มู่เฉียนซีไม่ได้คิดเช่นนั้น…
ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นกล่าว “เกรงว่าความแข็งแกร่งของเจ้าเด็กผู้นี้คงยากที่จะหยั่งรู้ได้”
คนผู้นั้นเบิกตากว้างด้วยความตกใจ “เป็นไปได้เช่นไร?”
“เจ้าก็รอดูการประลองในครั้งนี้ให้ดีก็แล้วกัน! ไม่แน่บางทีอาจจะมีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นก็ได้!”
การสังเกตมองคนอื่นนี้ของมู่เฉียนซีได้เสียเวลาไปแล้วครึ่งชั่วยาม!
เฟิงอวิ๋นซิวก็รู้สึกจนปัญญา การแสงออกในการประลองการปรุงของหมอปีศาจผู้นี้ช่างเหมือนกับเฉียนซีมาก!
“ขั้นสูงที่สุดที่นักปรุงคนเหล่านี้หลอม เป็นยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้า!” มู่เฉียนซีพึมพำเสียงต่ำ
ยาลูกกลอนระดับนี้ พลังวิญญาณอันน่าเวทนานั้นของนางไม่สามารถควบคุมได้ เกรงว่าคงจะพังในเวลาอันสั้นเป็นแน่
นิรันดร์กล่าว “ระดับของยาลูกกลอนในดินแดนสี่ทิศนี้ช่างอ่อนแอเกินไปแล้ว เดิมทีข้าคิดว่าจะอวดของดีสักหน่อย แต่ดู ๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น ก็แค่ยาขั้นสวรรค์ระดับเก้าเท่านั้นเอง”