ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1156 มังกรปีศาจกลืนสวรรค์
หลังจากที่เกาะราชามังกรเปิดออกอย่างสมบูรณ์ กลิ่นอายอันเหม็นเน่าจากความตายก็ได้พัดกระโชกออกมา
มังกรเหล่านี้ที่อยู่ในที่แห่งนี้ล้วนแต่รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง เฮยเย้ากล่าว “พวกเจ้ารีบถอยออกไปห่าง ๆ เร็วเข้า”
“เร็วเข้า!”
กลิ่นอายอันกดดันนั้นทำให้มังกรตัวอื่น ๆ แทบจะหายใจอย่างกระหืดกระหอบ
พวกเขาล้วนแต่รู้สึกว่าวินาทีต่อไปดวงจิตจะดับสลาย ถอย! ต้องรีบถอย!
พวกเขาตกใจจนแทบขยับไม่ได้ จะถอยหนีได้อย่างไรกันเล่า
เกาะราชามังกรนี้มันมีสิ่งใดอยู่กันแน่
พวกเขาหวาดกลัวมาก และในตอนนี้เองลำแสงทั้งสี่ก็ได้พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและได้ยับยั้งกลิ่นอายแห่งความตายนั้นเอาไว้
ลำแสงทั้งสี่นี้ได้ก่อตัวเป็นค่ายกลค่ายหนึ่ง
ตูม! จู่ ๆ เสียงกระแทกอันน่าสะพรึงกลัวเสียงหนึ่งก็ออกมา และท้องฟ้าก็มืดสลัวลง
แม้แต่ดวงอาทิตย์ของแดนมังกรของพวกเขาในตอนนี้ก็ถูกบดบัง ไม่มีแสงอาทิตย์เล็ดลอดส่องสว่างออกมาได้เลย
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็เห็นใบหน้าที่แท้จริงของสัตว์ประหลาดนั้นแล้ว
มันก็เป็นมังกรตัวหนึ่ง มังกรสีเทาดำตัวนั้น เขี้ยวอันดุร้ายโผล่ออกมาด้านนอก และบนหัวมีเขางอกออกมาเหมือนกับแรดก็มิปาน
มันเหมือนมังกรที่ไม่เหมือนมังกร
คนอื่น ๆ ต่างก็สูดลมหายใจเย็นเข้าปอดเฮือกหนึ่ง “นี่มัน…นี่มันสัตว์ประหลาดนี่”
“พระเจ้า! ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว”
เจ้าหมอนี่จ้องมองไปที่ค่ายกลที่ก่อตัวขึ้นมาจากพลังของทั้งสี่เผ่า ก่อนจะเงยหน้าขึ้นแล้วพ่นเสียงหัวเราะ โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก! ออกมาด้วยความเกรี้ยวโกรธ
“ช่างน่าขำยิ่งนัก พวกเจ้าคิดว่าค่ายกลนี้มันจะขวางข้าได้อย่างนั้นเหรอ ในเมื่อพวกเจ้ากล้าเปิดผนึกเกาะราชามังกร เช่นนั้นพวกเจ้าก็เตรียมพร้อมรับมือกับข้าให้ได้ก็แล้วกัน” มันกล่าวด้วยความลำพองใจ
ปัง ปัง ปัง! เขาอันแหลมคมที่อยู่บนหัวของมันเริ่มกระแทกกับปราการค่ายกลอย่างบ้าคลั่ง
ปราการค่ายกลนั้นเริ่มปรากฏรอยแยกขึ้นแล้ว และมู่เฉียนซีก็เริ่มรับรู้ได้ถึงพลังความแข็งแกร่งของเจ้าหมอนี่แล้ว
นางจับมือจิ่วเยี่ยเอาไว้แน่น และกล่าวเสียงขรึมว่า “จิ่วเยี่ย หากว่า…”
“อือ!” ในช่วงที่สถานการณ์คับขันเช่นนี้ จิ่วเยี่ยกลับใช้ริมฝีปากของเขาจูบริมฝีปากของมู่เฉียนซี
ริมฝีปากของทั้งคู่ไม่ได้พัวพันกันนานนัก จิ่วเยี่ยก็กล่าวขึ้นว่า “ซีต้องเชื่อในบุรุษของตัวเองสิ คำพูดนี้ข้าไม่อยากจะพูดออกมาเป็นครั้งที่สาม มิเช่นนั้นข้าจะไม่สามารถอยู่ข้างกายเจ้าได้จนถึงตอนนี้”
ดวงตาสีฟ้าอันเย็นยะเยือกคู่นั้นลุกโชนแผดเผาออกมา
มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่เก็บคำพูดอันเป็นกังวลของตัวเองกลับคืนไป และในขณะที่เจ้าหมอนั่นกำลังจะพรวดออกมานั้น เงาร่างนับไม่ถ้วนก็ได้ปรากฏขึ้นในค่ายกลนั้น
พลังของพวกเขาแข็งแกร่งมาก บนร่างยังมีพลังแห่งธาตุอยู่ด้วย
สัตว์ประหลาดนั้นกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเศษสวะเผ่ามังกรวารี เผ่ามังกรอัคคี เผ่ามังกรไม้ และเผ่ามังกรดิน พวกเจ้าปรากฏตัวขึ้นจริง ๆ แล้ว ครั้งนี้พวกเจ้าอย่าคิดว่าจะปิดผนึกข้าได้”
สุ่ยอู๋ซินกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามังกรปีศาจกลืนสวรรค์ เจ้าคิดว่าพลังสัตว์ร้ายของเจ้าจะสามารถทำลายเผ่ามังกรของพวกเราได้อย่างนั้นเหรอ?”
“เผ่ามังกรของพวกเจ้าก็เป็นเพียงแค่พวกมดปลวกที่น่าเวทนากลุ่มหนึ่งเท่านั้น ในตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะมังกรวารีผู้นั้นเป็นคนลงมือจัดการ เจ้าคิดว่าพวกเจ้าจะทำอะไรข้าได้อย่างนั้นเหรอ?”
มังกรอื่น ๆ ได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น
“มังกรปีศาจกลืนสวรรค์ นี่มันสัตว์ร้ายในตำนานนี่!”
“เจ้าหมอนี่รับมือได้ยากนัก”
“ถึงมันจะรับมือได้ยาก แต่เผ่ามังกรทั้งสี่เผ่าก็ใช่ว่าจะธรรมดา”
เฮยเย้ากล่าว “พวกเจ้ารีบถอยไป การต่อสู้จากนี้มันอันตรายมาก เกรงว่ามันจะส่งผลต่อพวกเจ้า”
พวกเขาก็รู้ดีว่าพลังความสามารถของพวกเขานั้นไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย
รักษาชีวิตเอาไว้ก่อนเป็นเรื่องสำคัญ!
“ท่านมู่…” เฮยเย้ามองไปที่มู่เฉียนซี เขาคาดหวังให้มู่เฉียนซีหนีไป
มู่เฉียนซีเดินไปตรงหน้าเฮยเย้าและกล่าวว่า “เฮยเย้า เจ้าไปกับข้า!”
“ขะ ข้า แต่ข้าเป็นผู้สืบทอดของเผ่ามังกรทอง การต่อสู้ในครั้งนี้ ข้าจำเป็นต้องเข้าร่วม ท่านมู่ ข้า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอยากเข้าร่วม แต่พลังของเจ้าในตอนนี้ไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้นี้ได้ ไปกับข้า”
มู่เฉียนซีจำต้องพาเขาไป เฮยเย้าพยักหน้าพลางกล่าว “ก็ได้!”
มู่เฉียนซีพาเฮยเย้าไป นางกล่าวกับจิ่วเยี่ยกับสุ่ยอู๋ซินและพวกว่า “ตรงนี้ ต้องรบกวนพวกเจ้าแล้ว”
จิ่วเยี่ยพยักหน้าเบา ๆ สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ท่านมู่วางใจได้! พวกเราไม่ยอมให้มังกรปีศาจกลืนสวรรค์ทำสำเร็จได้แน่นอน”
มู่เฉียนซีกับเฮยเย้ารีบจากไปอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าจะออกไปได้ไกล แต่นางก็ไม่ยอมให้จิ่วเยี่ยหลุดพ้นไปจากสายตาของนางได้
ต่อให้นางเชื่อใจจิ่วเยี่ย แต่สุดท้ายนางก็ไม่อาจวางใจได้
เนื่องจากอันตรายที่แฝงเร้นอยู่ในร่างของจิ่วเยี่ยนั้น ไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถยับยั้งได้
“ตูม!” ในที่สุดมังกรปีศาจกลืนสวรรค์ก็พุ่งออกมาได้แล้ว ค่ายกลนี้ก็เพียงแค่สามารถถ่วงเวลาเอาไว้เท่านั้น
“ข้าจะฉีกเนื้อพวกเจ้าออกเป็นชิ้น ๆ!” มังกรปีศาจกลืนสวรรค์ตะโกนขึ้นด้วยสีหน้าที่โหดร้ายเป็นอย่างยิ่ง
ตูม! ในขณะที่มันพุ่งออกมานั้น ทั้งสี่เผ่าก็ลงมือแล้ว
“การโจมตีช่างอ่อนแอยิ่งนัก!” มังกรปีศาจกลืนสวรรค์ขวางการโจมตีของทั้งสี่เผ่าเอาไว้ได้ และในตอนนี้เอง จิ่วเยี่ยก็ลงมือแล้ว
มีเพียงพลังมืดแห่งความตายเท่านั้นที่สูงและแข็งแกร่งกว่าพลังของเจ้าหมอนี่ไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า
มังกรปีศาจกลืนสวรรค์กล่าวด้วยความประหลาดใจว่า “เจ้าเป็นใคร?”
“เจ้าไม่ใช่คนของเผ่ามังกร เจ้า…”
ตูม! พลังของจิ่วเยี่ยพุ่งไปที่มังกรปีศาจกลืนสวรรค์ทันที
และสิ่งที่ทำให้คนอื่นอึ้งทึ่งจนไม่อยากจะเชื่อนั่นก็คือ พลังนี้สามารถทำให้มังกรปีศาจกลืนสวรรค์ถอยหลังไปได้
อีกทั้งยังทำให้มังกรปีศาจกลืนสวรรค์ได้รับบาดเจ็บอีกด้วย
พวกเขาต่างเบิกตากว้างด้วยความตกใจขึ้น พวกเขารู้ว่าท่านหวงจิ่วเยี่ยนั้นแข็งแกร่งมาก แต่นึกไม่ถึงว่าจะแข็งแกร่งถึงขั้นนี้
ต่อให้พวกเขามังกรทั้งสี่เผ่าไม่ต้องลงมือ ด้วยพลังความแข็งแกร่งของท่านหวงจิ่วเยี่ยแล้วก็มีโอกาสที่จะจัดการกับมังกรปีศาจกลืนสวรรค์ได้
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “พวกเจ้าอย่าเข้ามาขวางทาง”
เงาดำพุ่งไปที่มังกรปีศาจกลืนสวรรค์อย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด เร็วมากจนพวกเขามองเห็นไม่ชัด
อย่าเข้าไปขวางทางอย่างนั้นเหรอ หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีจึงกล่าวขึ้นว่า “ท่านจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อีกทั้งไม่ต้องการให้พวกเขาเข้าไปยุ่งวุ่นวาย หรือว่าพวกเราจะถอยไปอยู่ข้าง ๆ ดี”
สุ่ยอู๋ซิน หัวหน้าเผ่ามังกรวารีกลับไม่เห็นด้วย เขากล่าว “การโจมตีหลักมอบให้เป็นหน้าที่ของท่านจิ่วเยี่ย ส่วนพวกเราก็ช่วยสนับสนุนท่านจิ่วเยี่ยลอบโจมตีมังกรปีศาจกลืนสวรรค์ พลังความแข็งแกร่งของมังกรปีศาจกลืนสวรรค์นั้นอย่าได้ดูถูกเชียว พวกเราจะเห็นว่าพลังของท่านจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งแล้วจะวางใจเช่นนี้ไม่ได้นะ!”
หัวหน้าเผ่ามังกรไม้กล่าว “ที่เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล”
ความแข็งแกร่งของจิ่วเยี่ย บวกกับการสนับสนุนของเผ่ามังกรทั้งสี่ ทำให้การต่อสู้ในครั้งนี้พวกเขามีความได้เปรียบมาก
โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก! มังกรปีศาจกลืนสวรรค์ที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ทำได้เพียงแค่ร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง จากนั้นก็โจมตีกลับอย่างไม่ยอมลดละ
สีหน้าของเฮยเย้าเผยความดีใจออกมา “ท่านมู่ อย่าเป็นกังวลใจเลย ท่านจิ่วเยี่ยแข็งแกร่งถึงเพียงนั้น จะต้องสามารถจัดการเจ้ามังกรปีศาจกลืนสวรรค์ได้แน่นอน”
แสงสีแดงแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้น จากนั้นเสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“มันก็ไม่แน่ อย่าดูถูกเจ้าบ้านี่เชียว”
ผู้ที่พูดนี้ก็คือเสี่ยวหง
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าบ้าอย่างนั้นเหรอ”
เสี่ยวหงกล่าว “เจ้าบ้านี่มีชื่อเสียงมากในสมัยโบราณ เพื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว ไม่ว่าเรื่องอันใดมันก็สามารถทำได้ มันถูกปิดผนึกมานานหลายปีแล้ว มันต้องการอิสระ ต้องการแก้แค้น ถึงแม้ว่าต้องเผชิญกับผู้แข็งแกร่งอย่างท่านจิ่วเยี่ย แต่มันก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ แน่นอน”
.