ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1187 ธิดาศักดิ์สิทธิ์
การกดดันของทั้งสามฝ่ายทำให้คนเหล่านั้นเกิดความกระสับกระส่าย ดูเหมือนว่าจะถูกปราบปรามก็มิปาน
และแน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางยอมรามือง่าย ๆ แน่
ผู้อาวุโสจ้าวแห่งสำนักต้าเหยี่ยน กองกำลังระดับสองครึ่งออกมาผายอกยืนกรานว่า “พวกเจ้าต้องการจะปกป้องตำหนักเซียวอวิ๋นจริง ๆ หรือ”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตาเฒ่า นี่เจ้าพูดจาไร้สาระอะไรของเจ้าอีก?”
สีหน้าของผู้อาวุโสจ้าวเขียวคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ “แต่พวกข้ามาในครั้งนี้ ไม่มีทางที่จะกลับไปมือเปล่าแน่นอน อย่างน้อยเจ้าตำหนักเซียวก็ต้องออกมาชี้แจงกับพวกข้าสักหน่อย!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตำหนักเซียวอวิ๋นเป็นทายาทของท่านปรมาจารย์เหยียน ถ้าหากมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ต้านสวรรค์อยู่ที่ตำหนักเซียวอวิ๋นจริง ตำหนักเซียวอวิ๋นจะเป็นเพียงแค่กองกำลังระดับสองได้อย่างไรกันล่ะ”
ผู้อาวุโสจ้าวกล่าว “ต่อให้ไม่มีมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ แต่พวกเขาก็เป็นทายาทของท่านปรมาจารย์เหยียน เช่นนั้นก็ต้องมีเบาะแสอะไรบางอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เบาะแส มีสิ! ก็แค่แผนที่อันหนึ่ง”
ทุกคนต่างตกอยู่ในความโกลาหล ดวงตาของพวกเขาร้อนผ่าวขึ้นอีกครั้ง
แผนที่ มีแผนที่แล้ว เช่นนั้นก็สามารถตามหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เจอน่ะสิ
มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวว่า “พวกเรามาเดินพันกันดีหรือไม่?”
“เดิมพัน!” ทุกคนตกใจขึ้น “กองกำลังของพวกเจ้าส่งคนออกมาสามคนเพื่อที่จะท้าประลองกับพวกข้า แบ่งออกเป็นรุ่นอายุไม่เกินยี่สิบปี รุ่นอายุไม่เกินหนึ่งร้อยปี และรุ่นอายุไม่เกินหนึ่งพันปี หากพวกข้าชนะ ข้าจะให้แผนที่นั่นแก่พวกเจ้า แต่พวกเจ้าต้องไปขอขมาต่อตำหนักเซียวอวิ๋นและชดใช้ค่าเสียหายให้ตำหนักเซียวอวิ๋น”
“แต่หากพวกเจ้าชนะ ไม่ว่าพวกเจ้าจะต้องการเช่นไร พวกข้าทั้งสามกองกำลังจะไม่ลงมือแต่อย่างใด”
เมื่อได้ยินการเดิมพันนี้ ไม่ว่าพวกเขาจะแพ้หรือจะชนะ พวกเขาก็ล้วนมีแต่ได้กับได้อยู่ดี
ผู้อาวุโสจ้าวกล่าว “ใครจะไปรู้ว่าพวกเจ้าจะผิดสัญญาหรือไม่ เอาแผนที่ปลอมมาให้พวกข้า”
“ลงนามทำสัญญาก็สิ้นเรื่องแล้ว ไม่มีทางผิดสัญญาแน่นอน!” มู่เฉียนซีกล่าว
แผ่นเหล็กนั้นจะให้หรือไม่ให้มันก็ไม่ได้สำคัญ
ประการแรก ไม่มีต้นวิญญาณเพลิง คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลย
ประการที่สอง ตอนนี้พวกเขาได้แผ่นเหล็กไปทั้งหมดแล้ว หากจะให้คนพวกนั้นไปสักแผ่นหนึ่งมันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
ทุกคนแอบปรึกษากัน นี่เป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดแน่นอน
หากต่อสู้กันจริง ๆ ไม่เพียงแต่สูญเสียกำลังคนไปมากมายเท่านั้น อีกทั้งยังเป็นการล่วงเกินนายน้อยอวิ๋นซิว ล่วงเกินหอหมอปีศาจ และล่วงเกินหอปี้ลั่วอีกด้วย
หลังจากที่ทุกคนได้ปรึกษากันเสร็จสิ้น ผู้อาวุโสจ้าวก็กล่าวขึ้นว่า “ตกลง! ข้ารับการเดิมพันในครั้งนี้”
เมื่อสำเร็จแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “ท่านเจ้าตำหนักเซียว ข้าขอลาก่อน!”
หลังจากที่หมอปีศาจมู่ซีได้อันตรธานหายไป มู่เฉียนซีก็กลับมาแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เรื่องเมื่อครู่นี้ข้ารู้แล้ว ท่านเจ้าตำหนักเซียว เลือกผู้ใดออกไป”
ฝ่ายศัตรูได้เลือกคนออกมาแล้ว
ส่วนทางตำหนักเซียวอวิ๋นก็กำลังเลือกเช่นกัน มู่เฉียนซีกล่าว “รุ่นอายุไม่เกินยี่สิบปี อวิ๋นซิวลงเถอะ! อัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออก คาดว่าเจ้าชนะแน่นอนแล้ว!”
เฟิงอวิ๋นซิวตอบรับ “ตกลง!”
“รุ่นอายุไม่เกินร้อยปี ข้าลงเอง!” เจ้าตำหนักเซียวกล่าวเสียงขรึม
“ส่วนรุ่นอายุไม่เกินพันปี…” มู่เฉียนซีมองไปที่จื่อโยว
จื่อโยวกล่าว “คนงาม เจ้าประเมินอายุของข้าต่ำไปแล้ว กระดูกแข็งอย่างข้าอายุเกินมาตั้งนานแล้ว”
“เช่นนั้นหอปี้ลั่วของเจ้ามีตัวเลือกหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม
“มีสิ! หัวหน้าตำหนักคนเก่าท่านนี้ก็ใช้ได้อยู่นะ แข็งแกร่งกว่าเจ้าตำหนักเซียวเสียอีก” จื่อโยวส่งชายชราผู้นิ่งเงียบคนหนึ่งออกมา
หอปี้ลั่วเป็นกองกำลังระดับสองครึ่ง และความแข็งแกร่งนั้นย่อมแข็งแกร่งว่าตำหนักเซียวอวิ๋นที่เป็นกองกำลังระดับสองแน่นอน
มู่เฉียนซีกล่าว “ต้องเอาชนะให้ได้!”
การประลองสนามแรก เมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นนายน้อยอวิ๋นซิวออกโรงเองเช่นนี้ สีหน้าล้วนแต่เขียวคล้ำขึ้นแล้ว
การประลองครั้งนี้จะประลองเช่นไรกัน!
นายน้อยอวิ๋นซิวผู้เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออก อัจฉริยะรุ่นเยาว์แห่งแดนตะวันออก จะมีผู้ใดกันเล่าที่จะเหมาะสมที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขา
ต่อสู้กับเขา ช่างเป็นการรนหาที่ตายโดยแท้!
ผู้อาวุโสจ้าวกล่าวเสียงแหลมว่า “นี่มันไม่ยุติธรรม นึกไม่ถึงว่าพวกเจ้าจะส่งนายน้อยอวิ๋นซิวมา หากเป็นเช่นนี้ก็ไม่มีผู้ใดชนะแล้วล่ะ!”
“มันไม่ยุติธรรมเช่นไร อวิ๋นซิวก็เป็นคนของฝ่ายพวกข้าไม่ใช่หรอกเหรอ?”
ในตอนนี้เอง น้ำเสียงอันอ่อนโยนเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น “ผู้อาวุโสจ้าวพูดถูก ทำเช่นนี้มันไม่ยุติธรรม ถึงแม้ว่าตำหนักตงจี๋ของพวกเราจะเป็นกองกำลังระดับสาม แต่ก็ไม่สามารถรังแกผู้อื่นได้ตามใจเช่นนี้!”
ร่างในชุดขาวหลายร่างปรากฏขึ้นกลางอากาศ
ผู้ที่เป็นผู้นำนั้นเป็นหญิงสาวสวมชุดขาว ประดุจดอกบัวขาวที่โผล่ขึ้นมาจากน้ำก็มิปาน ดวงตาคู่นั้นก็ทอประกายราวกับน้ำในฤดูใบไม้ร่วง เต็มไปด้วยแสงอ่อน ๆ ที่พร้อมจะชะล้างสิ่งโสมมทั้งหมดออกไปก็มิปาน
มู่เฉียนซีตกตะลึงขึ้น ไป๋เหยียนเอ๋อร์!
คราก่อนนางได้รับบาดเจ็บไปอย่างน่าสังเวชปานนั้น นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้นางจะหายดีแล้ว
ฝีมือการแสดงการเสแสร้งของไป๋เหยียนเอ๋อร์นับวันยิ่งเก่งกาจมากขึ้น ในตอนที่ได้เห็นศัตรูอย่างมู่เฉียนซี ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็แทบอยากจะพุ่งเข้าไปฉีกเนื้อหนังมังสาของนางออกเป็นหมื่น ๆ ชิ้น ทว่าสีหน้าของนางกลับยังคงเรียบนิ่งและอ่อนโยนอยู่
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงขึ้น “ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์”
“ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์มาแล้ว”
“……”
ผู้อาวุโสจ้าวกล่าว “ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ โปรดเรียกร้องความยุติธรรมด้วย!”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ตำหนักตงจี๋ของพวกเราไม่อาจจะช่วยผู้ใดได้ ไม่ทราบว่าสามารถเพิ่มการประลองอีกสักสนามได้หรือไม่ การประลองนี้ ข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นคนลงประลองเอง”
ทันทีที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวจบ ผู้อาวุโสจ้าวก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที “ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก!”
“ตำหนักตงจี๋มีความยุติธรรมจริง ๆ”
“……”
ได้รับความเคารพนับถือและความชื่นชมจากทุกคนเช่นนี้ ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็ยิ้มขึ้นด้วยความพึงพอใจและกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องที่ข้าสมควรทำอยู่แล้ว”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์มองไปที่มู่เฉียนซี “ซีเอ๋อร์ พวกเจ้าคงจะไม่ปฏิเสธคำขอนี้ของข้าหรอกกระมัง!”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เพิ่มก็เพิ่ม!”
เป้าหมายของไป่เหยียนเอ๋อร์คือนาง มาดูกันว่าใครกันแน่ที่ต้องกลัว
ถึงแม้ว่าระหว่างนี้จะมีไป๋เหยียนเอ๋อร์ผู้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักตงจี๋โผล่ออกมาด้วยเจตนาเข่นฆ่าเช่นนี้ แต่การประลองก็ยังคงดำเนินต่อไป!
ภายใต้การโจมตีของเฟิงอวิ๋นซิว คนผู้นั้นต่อสู้ได้ไม่ทันถึงสามกระบวนท่าก็พ่ายแพ้ไปอย่างน่าสังเวชเสียแล้ว
“นายน้อยอวิ๋นซิวเป็นลูกรักของสวรรค์เป็นแน่!”
“……”
การประลองรอบต่อไป เป็นการประลองของท่านเจ้าตำหนักเซียว
และฝ่ายตรงข้ามได้ส่งผู้อาวุโสจ้าวออกมาประลอง
ปัง! พลังของทั้งสองแข็งแกร่งพอ ๆ กัน!
แต่อย่างไรเสียเจ้าตำหนักเซียวก็เพิ่งฟื้นมาจากอาการบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งเมื่อเจอกับกระบวนท่าอันชั่วร้ายอย่างต่อเนื่องของผู้อาวุโสจ้าวแล้ว พวกเขาจึงได้พ่ายแพ้ลง
เซียวโม่ตะโกนขึ้นด้วยความเป็นห่วง “ท่านพ่อ!”
ค่อก ค่อก ค่อก! เจ้าตำหนักเซียวไอค่อกแค่ก พลางมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความละอายใจ
“พลังของข้าไม่แข็งแกร่งพอ ข้าแพ้แล้ว!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนนี้เราชนะหนึ่ง แพ้หนึ่ง ยังมีอีกสองสนาม ท่านเจ้าตำหนักเซียวไม่ต้องกังวลใจไป”
หัวหน้าหอปี้ลั่วคนเก่าลงประลองในสนามถัดมา และฝ่ายตรงข้ามก็ได้ส่งชายชราผู้หนึ่งออกมาประลอง
เมื่อเห็นชายชราผู้นั้น จื่อโยวก็ร่นตัวถอยไปข้าง ๆ มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “คนงาม ตาเฒ่านั่นเป็นตาเฒ่าของนังหมิงจีชั่วร้ายนั่น เกรงว่าพวกเราต้องพ่ายแพ้อีกแน่นอน จะให้ข้าลงมือทำให้เจ้านั่นหายสาบสูญไปดีหรือไม่!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เดิมทีการประลองสนามนี้ไม่ควรจะแพ้ แต่ตอนนี้ได้เพิ่มการประลองขึ้นมาอีกสนามหนึ่ง เมื่อถึงตอนนั้นก็คงต้องพึ่งดวงแล้วล่ะ”
จื่อโยวกล่าว “อืม! เช่นนั้นก็เอาตามที่เจ้าว่าก็แล้วกัน”
ปัง! ต้องยอมรับเลยว่าสุนัขรับใช้ของหมิงจีผู้นี้มีพลังที่แข็งแกร่งมาก
หัวหน้าหอปี้ลั่วคนเก่าผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุดถูกโจมตีจนร่างกระเด็นลอยไปภายในสิบกระบวนท่า อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย
สีหน้าของผู้อาวุโสจ้าวเผยความดีอกดีใจออกมา “ฮ่า ๆ ๆ! แพ้ไปสองในสาม พวกเราชนะแล้ว! หอปี้ลั่ว ฝีมือก็ไม่เท่าไหร่นี่”
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสจ้าว แก่แล้วสงสัยความจำจะไม่ดี พวกเจ้าจะชนะได้อย่างไรกันล่ะ! อย่าลืมสิว่ายังมีอีกสนาม!”