ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1203 กับดักของนกอัคคี
สัตว์วิญญาณที่แข็งแกร่งนั้นกลับไม่ได้พุ่งมาที่พวกเขา แต่กลับไล่ตามคนอื่นมา
“พวกเราไปเถอะ!” หลิงพามู่เฉียนซีหลบ
ตูม! บนท้องฟ้าได้เกิดสายฟ้าสีม่วงขึ้น และได้ฟาดลงไปที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์สีแดงฉานตัวนั้น
โฮ่ก! สัตว์ขนาดยักษ์นี้ได้สยายปีกทั้งสามออกเป็นวงกว้างก่อนที่จะบินขึ้นไปบนท้องฟ้า ก่อนที่เปลวไฟในปากจะพ่นมาที่คนเหล่านั้น
เสียงตะโกนดังก้องออกมา “ค่ายกลปิด!”
คนเหล่านั้นที่มุ่งหน้ามาล้วนสวมชุดคลุมยาวสีม่วงเข้ม หลังจากที่ค่ายกลปิดตาข่ายสายฟ้าขวางกั้นการโจมตีของเปลวไฟนั้นได้
ปัง! พลังทั้งสองก็ได้ปะทะกันและได้กวาดเอาต้นไม้บริเวณโดยรอบนั้นไปทั้งหมด
ระยะทางที่น่ากลัวนี้ทำให้มู่เฉียนซีและพวกต้องล่าถอยไป
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! กลุ่มคนชุดสีม่วงเข้มเหล่านั้นได้ต่อสู้กันไปมากับนกอัคคีสามปีก
ฝนเพลิงตกลงมาจากท้องฟ้า และบริเวณโดยรอบก็ลุกเป็นไฟ
“พวกเราจะมาตายในเงื้อมมือสัตว์ป่าเถื่อนนี่ไม่ได้เด็ดขาด ฆ่ามันซะ!”
“เจ้าพวกมนุษย์ เอาผลึกอัคคีหมื่นปีมาให้ข้าเดี๋ยวนี้ แล้วรีบไสหัวออกไปจากที่นี่ซะ ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้ามีร่างกายอยู่ครบทุกประการ”
“เจ้าสัตว์เดรัจฉาน ไม่มีทางเสียหรอก!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
ทั้งสองฝ่ายได้ต่อสู้พัวพันกันอีกครั้งอย่างไม่อาจสลัดหลุดออกจากกันได้
ในการต่อสู้ครั้งใหญ่อันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ หลิงจึงต้องปกป้องมู่เฉียนซีอย่างระมัดระวังที่สุด
ในตอนนี้เอง เสี่ยวหงก็ได้กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน ผลึกอัคคีหมื่นปีนั่นมันมีผลต่อการฟื้นฟูพลังของข้ามาก”
อู๋ตี้กล่าว “เจ้าก็ไม่ดูเอาซะเลยนะว่าฝ่ายตรงข้ามนั่นมันเป็นสิ่งใด หากเจ้าต้องการมันแล้วละก็ไปแย่งชิงเอาเองสิ!”
“ผลึกอัคคีหมื่นปีเหรอ!” มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบา
หลิงหยุดชะงักก้าวเท้าลง และกล่าวถามว่า “ซีเอ๋อร์ต้องการของสิ่งนั้นเหรอ?”
“อารอง เรารอดูสถานการณ์ก่อนเถอะ หากพวกมันต่อสู้กันจนยับเยินไปทั้งสองฝ่าย เราอาจจะมีหนทางก็ได้”
หลิงพยักหน้าพลางกล่าว “อารองเชื่อซีเอ๋อร์”
ค่ายกลของยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับเก้าหลายคนรับมือกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกกลับยังสามารถรับมือไหว
ขวับ ขวับ ขวับ! กรงเล็บอันแหลมคมของนกอัคคีสามปีกไถลลงมาจากลางอากาศ
พรวด! เลือดสีแดงสดพุ่งออกมา ในขณะเดียวกันกรงเล็บอันแหลมคมนั้นก็ได้ข่วนพื้นดินจนเกิดหลุมขนาดลึกหลุมหนึ่ง!
แขนข้างหนึ่งถูกโจมตีด้วยกรงเล็บจนขาดสะบั้นลงมา ค่ายกลของอีกฝ่ายก็ไม่สามารถรับมือเอาไว้ได้อีกต่อไปแล้ว
พรืด พรืด พรืด! เปลวไฟอันบ้าคลั่งได้ปกคลุมพวกเขาเอาไว้ และคนเหล่านี้ก็ถูกแผดเผาจนเป็นเถ้าธุลีอยู่ในเปลวไฟ
หลังจากที่พวกเขาได้หายสาบสูญไป ศิลาขนาดเท่าฝ่ามือก้อนหนึ่งก็ได้ลอยอยู่กลางอากาศ นกอัคคีสามปีกพึมพำเสียงต่ำว่า “เอาเจ้าของสิ่งนี้ย้ายไปไว้ที่อื่นดีกว่า จะได้ดึงดูดพวกมนุษย์โง่เง่านี้ให้ติดกับ”
มู่เฉียนตกใจจนดวงตาเบิกกว้างขึ้น อะไรนะ? นึกไม่ถึงเลยว่าทั้งหมดนี้จะเป็นกับดักของเจ้านกอัคคีตัวนี้
เจ้านี่มันช่างแปลกประหลาดเกินไปหน่อยแล้ว ถึงแม้ว่ามันจะมีประโยชน์ต่อเสี่ยวหง แต่มู่เฉียนซีก็ไม่มีทางให้อารองเข้าไปเสี่ยงอันตรายเด็ดขาด
“อารอง พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
“หึ ๆ ๆ! เจ้ามดปลวกสองคนนี้คิดว่าจะแอบซ่อนพ้นจากสายตาข้าไปได้อย่างนั้นเหรอ ?”
จู่ ๆ เปลวไฟก็พุ่งโจมตีมาทางที่พวกเขาซ่อนตัวอยู่ มันเผาสิ่งกีดขวางตรงนั้นทั้งหมดออกไปจนสิ้น
มู่เฉียนซีกับหลิงถูกเปิดเผยต่อหน้านกอัคคีสามปีก นกอัคคีสามปีกยิ้มพลางกล่าว “เป็นเจ้ามดปลวกสองคนจริง ๆ ด้วย!”
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกข้าก็แค่เดินผ่านทางมาเท่านั้น ไม่ได้คิดที่จะแย่งของของเจ้าเลย เจ้ายังคิดจะฆ่าพวกข้าอีกเหรอ?”
“มดปลวกอย่างเจ้า กล้าดียังไงมากล่าววาจาเช่นนี้กับข้า! การที่ข้าจะฆ่าเจ้า จำเป็นต้องหาเหตุผลด้วยเหรอ?”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
ปัง! กระบี่ขนาดใหญ่เล่มนั้นของหลิงขวางหน้ามู่เฉียนซีไว้
เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “เจ้ามันไม่รู้จักความเป็นความตาย”
“อารอง ระวัง!”
“ซีเอ๋อร์ไม่ต้องเป็นห่วง เมื่อครู่เจ้านกนี่ถูกคนกลุ่มนั้นโจมตีได้รับบาดเจ็บไม่น้อย อารองไม่เป็นอะไรหรอก”
อย่างไรเสียเป้าหมายของพวกเขาก็ไม่ใช่กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องเก็บพลังเอาไว้แย่งชิงของล้ำค่าในตอนหลัง
ตอนนี้ได้ผ่านมาเจอกับของที่ซีเอ๋อร์ต้องการพอดี แย่งมาเลยก็ดีเหมือนกัน
ครั้นแล้วหลิงจึงได้ต่อสู้พัวพันกับนกอัคคีตัวนั้น ถึงแม้ว่าเจ้านกอัคคีตัวนี้จะสูญเสียพลังไปไม่น้อยแล้ว แต่มู่เฉียนซีก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ พวกเจ้าไปช่วยอารอง” มู่เฉียนซีกล่าว
“ขอรับ!”
“ได้เลย!”
ฝ่ายตรงข้ามใช้เปลวไฟ เสี่ยวหงก็ใช้เปลวไฟของตัวเองเหมือนกัน
“เพลิงเผาสวรรค์!”
“นี่เจ้าเป็นตัวอะไรกัน ?” นกอัคคีสามปีกมองไปที่หมูตัวสีแดงตัวนั้นด้วยความตกใจ
นึกไม่ถึงเลยว่าเปลวไฟของเจ้าหมูตัวนี้ที่อยู่ภายใต้เปลวไฟของมันจะไม่เสื่อมถอย เห็น ๆ กันอยู่ว่ามันเป็นเพียงแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวเล็ก ๆ ตัวเดียวเท่านั้น
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างไม่อาจที่จะสลัดหลุดได้ เปลวไฟตกลงไปทุกหนทุกแห่งราวกับดาวตกก็มิปาน
ต่อสู้กันไปมาเกือบจะถึงครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถตัดสินแพ้ชนะได้ ดวงตาของนกอัคคีสามปีกยิ่งมืดครึ้มลงไปเรื่อย ๆ แล้ว
เจ้ามนุษย์ตรงหน้ารับมือได้ยากกว่ากลุ่มมนุษย์ไร้ประโยชน์เมื่อครู่เสียจริง
แถมยังมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ประหลาดสองตัวนี้อีก เห็น ๆ กันอยู่ว่าระดับพลังของมันนั้นต่ำยิ่งนัก การบีบบังคับของมันใช้กับพวกเขาไม่ได้ผลเลยแม้แต่น้อย
มันตะโกนคำรามเสียงดังลั่น “ข้าต้องการให้พวกเจ้าตาย!”
อู๋ตี้กลายร่างเป็นร่างใหญ่มหึมาขึ้น “เจ้านกจรจัด เจ้าต่างหากที่ต้องตาย!”
เสี่ยวหงส่ายหน้าและกล่าวว่า “ตัวใหญ่ขนาดนี้ ย่างไปก็ไม่อร่อย ข้าว่าฉีกเนื้อทิ้งไปเสียยังดีกว่าเลย!”
คำพูดของเสี่ยวหงกับอู๋ตี้ทำให้นกอัคคีโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ในตอนนี้เอง เสียงตัดอากาศเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น กระบี่ขนาดใหญ่เล่มหนึ่งที่อัดแน่นไปด้วยพลังทั้งหมดของหลิงก็แทงทะลุร่างของนกอัคคีสามปีก
“เจ้า…เจ้ามนุษย์ เจ้ากล้าทำร้ายข้า!”
นกอัคคีสามปีกต้องการจะตอบโต้ แต่กลับถูกหลิงขวางเอาไว้
ในสถานที่ที่นกอัคคีสามปีกสังเกตไม่เห็นสถานที่หนึ่ง จู่ ๆ เข็มยาบางและเล็กเล่มหนึ่งได้พุ่งตรงไปที่มันและปักตรงบาดแผลของมันในทันที
เข็มยานั้นทั้งบางและเล็กมากจนไม่มีทางสังเกตเห็นได้
ทว่า เมื่อนกอัคคีสามปีกรับรู้ได้ว่าพลังในร่างของมันไหลเวียนเร็วขึ้นเรื่อย ๆ จนมันยากที่จะควบคุมได้นั้น มันจึงสังเกตได้ถึงความผิดปกตินี้
“เจ้ามนุษย์ นี่เจ้าทำอะไรข้า ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าอยากรู้ ก็ส่งผลึกอัคคีหมื่นปีออกมา!”
ในตอนนี้กระบี่ของหลิงก็ได้ทาบอยู่บนหัวของมันแล้ว
“มันก็แค่ผลึกอัคคีหมื่นปี เอาไป!” นกอัคคีสามปีกโยนผลึกอัคคีหมื่นปีออกไป เสี่ยวหงรับมันมาด้วยความตื่นเต้น
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าโดนพิษของข้าแล้ว อยากแก้พิษหรือไม่ล่ะ?”
นกอัคคีสามปีกยิ้มพลางกล่าว “เจ้ามนุษย์ เจ้าจะใจดีปานนั้นเลยเหรอ?”
“หากเจ้าตอบคำถามของข้าให้ข้าพอใจได้”
“คำถามใด?”
“เหตุใดเจ้าถึงใช้ผลึกอัคคีหมื่นปีมาเป็นกับดักและมาโจมตีมนุษย์ที่นี่ เจ้ากำลังพยายามปกป้องของบางสิ่งที่อยู่ตรงหน้าใช่หรือไม่?”
นกอัคคีสามปีกยิ้มหัวเราะขึ้น “เหอะ ๆ ๆ! ปกป้องเหรอ เจ้ามนุษย์ เจ้าพูดตลกขบขันเกินไปแล้ว ข้าก็แค่เบื่อ และต้องการฆ่ามนุษย์เหล่านั้นเพื่อคลายความเบื่อหน่ายของข้าก็เท่านั้น อย่างไรเสียข้าก็ไม่ได้ฆ่ามนุษย์มานานมากแล้ว”
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี มันไม่ได้ง่ายเช่นนี้แน่
แต่ดูเหมือนว่าเจ้าหมอนี่จะไม่ยอมปริปากพูด!
“คำตอบของเจ้ามันทำให้ข้าไม่พอใจเอาซะเลย อารอง ฆ่ามันซะเถอะ!”
และในขณะที่หลิงกำลังจะลงมือตัดหัวมันนั้น จู่ ๆ เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากที่ที่ไม่ใกล้ไม่ไกล “ท่านเจ้าสำนัก กลิ่นอายของท่านผู้อาวุโสหลินหายไปจากตรงนี้ขอรับ”
มีคนมาขัดจังหวะ นกอัคคีสามปีกจึงฉวยโอกาสนี้หนี
“คิดจะหนีอย่างนั้นเหรอ รนหาที่ตาย!” อู๋ตี้พุ่งออกไปอย่างรวดเร็ว และฉีกปีกของนกอัคคีสามปีลงมาปีกหนึ่ง
ปัง! ปีกข้างหนึ่งของมันตกลงบนพื้นดิน ส่วนมันก็บินว่อนขึ้นไปบนท้องฟ้า มันจ้องเขม็งมองมู่เฉียนซีกับหลิงด้วยแววตาที่โหดร้าย “เจ้ามนุษย์ ข้าจดจำพวกเจ้าสองคนเอาไว้แล้ว เจอกันคราวหน้า ข้าจะแผดเผาพวกเจ้าให้กลายเป็นเถ้าธุลีเลยคอยดู”