ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ - ตอนที่ 1285 โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นเทพฟ้านอิน
“เรื่องนี้ไม่ต้องสนใจ!” ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว
ผู้ใดกล้ายั่วยุหอหมอปีศาจถึงที่เช่นนี้ นั่นก็หมายความว่ารนหาที่ตาย
ก่อนหน้านี้มู่เฉียนซีไปตรวจดูอาการของผู้ป่วยของนาง เพิ่งจะปรุงยาเสร็จ ตำหนักตงจี๋ก็ส่งคนมาตามฆ่านาง ยาที่ปรุงเสร็จนั้นจึงยังไม่ได้ใช้รักษาเฟิงอวิ๋นซิว
ครั้งนี้ มู่เฉียนซีไม่ได้แปลงกายแต่อย่างใด ใช่รูปร่างหน้าตาของตัวเองไปดูอาการของเฟิงอวิ๋นซิว
เมื่อได้ยินเสียงเดินเข้ามา เฟิงอวิ๋นซิวก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านหมอปี…”
ไม่ทันกล่าวจบ ก็พบว่าผู้ที่เปิดประตูเดินเข้ามานั้นเป็นหญิงสาวในชุดม่วงผู้หนึ่ง ไม่ใช่ชายหนุ่มหน้าตาดุจดั่งทวยเทพผู้นั้น
หญิงสาวผู้นี้เปิดประตูเดินเข้ามา แสงแดดสีทองอร่ามก็สาดส่องกระทบลงมาบนร่างของนางอย่างประจวบเหมาะ
ถึงแม้ว่าใบหน้ารูปไข่นั้นจะถูกเงาส่องสะท้อน ทว่า ดวงตาคู่นั้นกลับยังคงสุกสกาวแพรวพราวดุจดั่งดวงดารา ดูแล้วช่างน่าหลงใหลยิ่งนัก
“เฉียนซี!” เฟิงอวิ๋นซิวพ่นเอ่ยปากกล่าวชื่อนี้ออกมาด้วยความเคร่งเครียดเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอาการทรุดหนักถึงขั้นนี้แล้วก็ยังไม่ยอมมาหาข้าอีก เจ้าไม่เชื่อฝีมือการรักษาของข้าใช่ไหมล่ะ?”
เฟิงอวิ๋นซิวตอบกลับไปว่า “ข้าไม่เคยคิดสงสัยในความสามารถของเจ้าเลย ข้าก็แค่ ไม่กล้าเจอหน้าเจ้า”
“เช่นนั้น ข้ากล้าเจอหน้าเจ้าก็พอแล้ว รักษาอาการให้ดี ไม่ต้องคิดมากหรอก! ตราบใดที่เจ้ามีกำลังและความสามารถเพียงพอ เจ้าก็จะทำเรื่องที่เจ้าตั้งเป้าไว้สำเร็จแน่นอน”
“อืม!”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวถามว่า “สถานการณ์ข้างนอกไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม?”
จู่ ๆ ชายหนุ่มชุดเขียวผู้หนึ่งก็พรวดพราดเข้ามาและกล่าวว่า “มีข้าอยู่ทั้งคน เจ้าคิดว่าพวกหมาแมวของตำหนักตงจี๋พวกนั้นจะทำอะไรพวกข้าได้อย่างนั้นเหรอ?”
ชายหนุ่มผู้นี้ดูงดงามเป็นอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันก็ดูเย่อหยิ่งอย่างไร้ที่เปรียบเช่นกัน!
แพขนตาดุจดั่งใบพัดนั้นขยับเล็กน้อย ดวงตาสีอำพันคู่งามมองไปที่ชายหนุ่มผู้นั้นด้วยความฉงนสงสัย
วันนี้เขาได้เห็นชายหนุ่มผู้นี้สองรอบแล้ว แต่ความรู้สึกช่างแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีกับอาถิงมีพันธสัญญาต่อกัน ถึงแม้ว่าภายนอกจะแปลงกายได้เหมือนอย่างไร้ที่ติ แต่ลักษณะนิสัยภายในนั้นไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะไปดูอาการเขา”
“เจ้าหมอนี่เป็นพวกเดียวกับคนที่บุกมาที่หอหมอปีศาจนะ เจ้าจะช่วยทำไม?”
“นั่นมันคนละเรื่อง!”
“หากเจ้าไม่อยากให้เขาตาย ข้าทำให้เขาเป็นเด็กทารกก็ได้นะ แล้วเจ้าค่อยลบล้างความทรงจำของเขาทิ้งซะ จากนั้นก็ค่อย ๆ เลี้ยงดูให้เติบใหญ่ใหม่ พอโตมาก็ยังคงเป็นบุรุษรูปงามอยู่ดี เจ้าว่าความคิดนี้เป็นเช่นไร?”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความโกรธ “ความคิดบ้าอะไรของเจ้า ทำให้เป็นทารกแล้วเลี้ยงดูให้เติบโตใหม่ นี่เจ้าไปฟังใครมา?”
“เมื่อก่อนเจ้านิรันดร์นั่นเคยทำมาก่อน เจ้ากับเจ้าบ้ากามนั่นก็เป็นเหมือนกัน คนนึงบ้าผู้หญิง อีกคนก็บ้าผู้ชาย ข้าเกลียดเจ้า!”
“เกลียดข้าก็อยู่ห่าง ๆ ข้าสิ!” มู่เฉียนซีกล่าวและเตะขาเขาไปครั้งหนึ่ง
และเฟิงอวิ๋นซิวที่ถูกกล่าวถึงในตอนนี้มุมปากก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย
สีหน้าซวนอีก็ดำคล้ำขึ้นด้วยความไม่พอใจนิด ๆ เช่นกัน หมอปีศาจผู้นี้สมกับที่เป็นสหายกับมู่เฉียนซีจริง ๆ หาคำพูดที่แยบยลน่าทึ่งไม่ได้ก็ไม่ยอมเลิกรา
มู่เฉียนซีกล่าว “อวิ๋นซิว เจ้าไม่ต้องไปฟังคำพูดไร้สาระของเขาหรอก เรามารักษาอาการเจ้ากันต่อเถอะ!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาหลายเข็มปักลงบนร่างของเขา และยาก็เริ่มเข้าไปหล่อเลี้ยงร่างกายเขาทันที
เฟิงอวิ๋นซิวรู้สึกหนาวเย็นในร่างกาย มันเป็นความรู้สึกที่สบายมาก
มู่เฉียนซีดึงเข็มยาออก และยื่นยาลูกกลอนขวดหนึ่งให้เขา “กินชั่วโมงละเม็ด ซวนอี อย่าลืมเตือนเขาด้วยล่ะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวต่อ “ครั้งนี้ร่างกายของเจ้าแย่มาก อย่างน้อยเจ้าต้องอยู่รักษาดูอาการที่หอหมอปีศาจเป็นเวลาครึ่งเดือน ทางที่ดีที่สุดเจ้าควรจะอยู่ที่นี่เพื่อรักษาอาการให้ดี อย่าได้คิดหนีไปไหน หากเจ้ากล้าหนี ข้าจะให้อาถิงทำให้เจ้ากลายเป็นเด็กทารก ดูซิว่าเจ้ายังจะหนีไปไหนได้อีก!”
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าความสามารถนี้ของอาถิงรับมือกับศัตรูได้ไม่เลวเลย และรับมือกับผู้ป่วยที่ไม่เชื่อฟังได้ดีมากด้วย รักษาหายแล้วค่อยเปลี่ยนกลับให้โตเหมือนเดิม!
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ข้าไม่หนีไปไหนหรอก!”
มู่เฉียนซี “ถึงแม้ว่าจะรักษาหายดีแล้ว แต่เจ้าก็อย่าได้ใช้ทักษะลับอะไรนั่นสุ่มสี่สุ่มห้าล่ะ หากเจ้าใช้มันอีกหลาย ๆ ครั้ง ต่อให้ข้ามีฝีมือรักษายังไง เจ้าก็ต้องทรมานตายแน่นอน”
ดวงตาของเฟิงอวิ๋นซิวขุ่นมัวลง “ข้าเข้าใจแล้ว”
เหลิ่งหนิงจือทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้เยี่ยมมาก สำนักเทียนหลิงถูกกำจัดออกไปจากดินแดนสี่ทิศโดยสมบูรณ์แล้ว
ครั้นแล้ว กองกำลังระดับสองครึ่งก็ได้หายสาบสูญไปเช่นนี้ กองกำลังอื่นรู้ข่าวต่างก็หวาดกลัวจนอกสั่นขวัญหาย ไม่กล้าที่จะยั่วยุหอหมอปีศาจอีก
ความวุ่นวายที่เกิดจากความหลงใหลของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จึงถูกยับยั้งให้สงบลงหลังจากที่อาถิงได้ลงมือไป
เพียงแต่ว่าความสงบนี้ไม่รู้ว่าสามารถสงบไปได้นานแค่ไหนก็เท่านั้น
มู่เฉียนซีอยู่ที่หอหมอปีศาจ ส่วนหัวหน้าตำหนักเป่ยหานอย่างกู้ไป๋อีก็อยู่ที่หอหมอปีศาจโดยที่ไม่สนใจเรื่องอันใดเช่นกัน
ทว่า ในตอนนี้กลับมีข่าวหนึ่งที่ทำให้ทุกคนจำเป็นต้องสนใจ นั่นก็คือโอรสศักดิ์สิทธิ์อินรั่วเฉินแห่งแคว้นเทพฟ้านอินผู้นั้นเดินทางมาที่ตำหนักเป่ยหานในฐานะแขกท่านหนึ่ง
มู่เฉียนซีนึกถึงบุรุษที่ดูบริสุทธิ์ผุดผ่องผู้นั้นแล้ว เขาช่างเป็นคนที่รับมือได้ยากมากจริง ๆ
“อินรั่วเฉินมาทำอะไรกันแน่?” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าว
กู้ไป๋อีกล่าว “ซีเอ๋อร์รออยู่ที่หอหมอปีศาจนี่แหละ ข้าจะไปดูเอง”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเป้าหมายของเจ้าหมอนี่เป็นข้า หรือเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์แล้วละก็ ข้าอยู่ที่หอหมอปีศาจมันก็ไร้ประโยชน์ มิสู้ข้าไปด้วยจะดีกว่า”
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี นางกล่าวต่อ “อีกอย่าง โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นเทพฟ้านอินมาเป็นแขกทั้งที ประมุขน้อยอย่างข้าจะไม่ไปต้อนรับได้ยังไงกันล่ะ”
กู้ไป๋อีจนปัญญา เขาลืมไปได้ยังไงว่าซีเอ๋อร์ยังมีสถานะตัวตนอยู่อีกตัวตนหนึ่ง
ครั้นแล้ว มู่เฉียนซีจึงกลับตำหนักเป่ยหานไปพร้อมกับกู้ไป๋อี และประมุขน้อยมู่หรงเฉียนเยี่ยก็ออกจากการฝึกบำเพ็ญแล้ว
โอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นเทพฟ้านอินนั้นลึกลับมากกว่ากู้ไป๋อีมาก น้อยมากที่เขาจะปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน และน้อยมากที่เขาจะย่างกรายออกจากอารามศักดิ์สิทธิ์ของแคว้นเทพฟ้านอิน
บัดนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์จะเดินทางมาที่ตำหนักเป่ยหานด้วยตัวเอง ดังนั้นตำหนักเป่ยหานจึงต้อนรับเขาอย่างมีมารยาท
ผู้อาวุโสสูงสุด อวี้ปิงชิงและนายน้อยของตำหนักเป่ยหานบางคนก็มาต้อนรับด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าการปรากฏตัวของมู่หรงเฉียนเยี่ยจะทำให้สง่าราศีของพวกเขาดูหม่นหมองลง แต่ก็โชคดีที่สถานะความเป็นนายน้อยของพวกเขายังอยู่
อินรั่วเฉินนั่งลงด้วยท่วงท่างดงาม เส้นผมสีดำขลับราวกับแพรไหนสยายลงมา เขานั่งด้วยท่าทางสงบอยู่ตรงนั้นราวกับเป็นพระพุทธรูปสถิตอยู่ในอาราม ขจัดเสนียดจัญไรทั้งหมดออกไปก็มิปาน
ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ไม่ว่าจะมีจิตใจดีหรือเลวก็ล้วนแต่ถูกเขาทำให้เกิดความรู้สึกเดียวกันแล้ว
โอรสศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ผู้ที่จะพูดสิ่งใดออกไปตามใจ รอบ ๆ ตัวเขามีพลังอันลึกลับแปลกประหลาดพลังหนึ่งอยู่ที่สามารถทำให้ทุกคนรู้สึกได้
ในตอนนี้เอง มีคนกล่าวเสียงดังขึ้นว่า “ท่านหัวหน้าตำหนัก ประมุขน้อยตำหนัก มาถึงแล้ว!”
ร่างในชุดขาวผ่องสองร่างปรากฏขึ้นต่อหน้าสายตาทุกคน
“ท่านหัวหน้าตำหนัก! ประมุขน้อย!”
อินรั่วเฉินค่อย ๆ เงยหน้ามองไปที่พวกเขา ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นอ่อนโยนและไร้ซึ่งการโจมตีใด ๆ ทั้งสิ้น
“หัวหน้าตำหนักกู้!”
“ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย!”
คนผู้นี้ดูใจดีอย่างไร้ที่ติ สามารถทำให้คนอื่นรู้สึกไม่เป็นศัตรูกับเขาได้
ทว่า กลับไม่ใช่กับคนอย่างกู้ไป๋อี หลังจากที่เห็นอินรั่วเฉิน เขาก็ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก
กู้ไป๋อีไม่ได้เปล่งเสียงกล่าวแต่อย่างใด แต่มู่เฉียนซีกลับเอ่ยปากกล่าวว่า “โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน ข้าได้ยินชื่อเสียงของท่านมานานมากแล้ว ข้าคิดว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นเทพฟ้านอินจะโกนหัวล้านซะอีก นึกไม่ถึงเลยว่าจะหล่อเหลาจนทำให้ข้าทึ่งได้ถึงเพียงนี้!”
เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดนี้ของมู่เฉียนซีแล้ว ต่างก็ตกใจจนแทบจะเป็นลมไป!
ประมุขน้อยของพวกเขาเย่อหยิ่งกับคนในตำหนักก็ถือว่ามากพอแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าจะทำตัวไร้เหตุผลต่อหน้าโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นเทพฟ้านอินเช่นนี้อีก
ต้องรู้เอาไว้เลยว่าคนของแคว้นเทพฟ้านอินเหล่านั้นเคารพเลื่อมใสในตัวโอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มาก และเป็นความเคารพเลื่อมใสอย่างบ้าคลั่งเเลยทีเดียว
หากเรื่องนี้หลุดออกไปแล้วละก็ คาดว่าพวกเขาคงจะต้องเปิดศึกกับตำหนักเป่ยหานเป็นแน่! ประมุขน้อยช่างหาเรื่องวุ่นวายจริง ๆ!
.